ตอนที่ 847 ตำนานแห่งโถงทองคำ (1)
เวลาเที่ยงคืน
การจัดอันดับฤดูกาลอัปเดต
ในขณะเดียวกันในโถงทองคำ
การแสดงดนตรีกำลังจะเข้าสู่ช่วงท้าย
ผู้ชมบางคนเริ่มลุกขึ้นเตรียมตัวจะออกจากงาน
ขณะนี้บนเวทีของโถงทองคำ มีแกรนด์เปียโนเคลือบสีดำตั้งอยู่กลางเวที และข้างๆ เปียโนยังมีไมโครโฟนสีขาวอยู่
หลินเยวียน นั่งอยู่ที่เปียโนหลังนี้!
เอิ่ม…
ทำไมหลินเยวียนถึงมาอยู่บนเวทีโถงทองคำได้น่ะหรือ?
เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
……
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
เวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง
หลังจากที่บทเพลงราตรีบรรเลงทั้งสองเพลงจบลงได้ไม่นาน
หลินเยวียนกำลังนั่งสนทนากับหยางจงหมิงและเจิ้งจิงในห้องรับรอง
เจ้าหน้าที่จากโถงทองคำได้เดินเข้ามาหาหลินเยวียนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ครับ ตอนนี้การแสดงกำลังจะจบในอีกครึ่งชั่วโมง พอจะขึ้นไปแสดงเพลงปิดให้ได้ไหมครับ การแสดงเพลงปิดนี้สุ่มจับจากรายชื่อของพ่อเพลง บังเอิญจับสลากได้คุณพอดีเลยครับ~”
หลินเยวียนมีสีหน้าแปลกใจ
ความ ‘บังเอิญ’ นี้ดูน่าสงสัยไม่น้อย
สำหรับเพลงปิดงานที่ว่านั้น มีความหมายตามชื่อ
นั่นก็คือผลงานที่ใช้บรรเลงในช่วงที่ผู้ชมกำลังทยอยเดินออกจากโถงทองคำ
วัตถุประสงค์ของผลงานนี้ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ชมนั่งฟังอย่างจริงจัง แต่เป็นเพื่อบรรเลงส่งท้ายเพื่อให้ผู้ชมออกจากงานอย่างรื่นเริง
เป็นช่วงเวลาที่ให้ความบันเทิงอย่างเต็มที่
เมื่อเทียบกับการแสดงอย่างเป็นทางการในงานแล้ว นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาขยะ เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็ทยอยออกจากโถงกันแล้ว
การบรรเลงเพลงปิดนี้ก็เป็นธรรมเนียมของงานแสดงดนตรีที่จัดในโถงทองคำเสมอมา
กู้ซีเวทีขึ้นแสดงในโถงทองคำครั้งแรก ก็เป็นการแสดงเพลงปิดงานเช่นกัน
ในสถานการณ์ปกติ
โถงทองคำมักจะเลือกผู้ร่วมงานที่เป็นแขกรับเชิญจากกลุ่มศิลปินที่มาร่วมงานเพื่อขึ้นแสดง เช่น หากมีนักร้องชื่อดัง หรือแม้แต่ราชาราชินีเพลง โถงทองคำก็อาจจะเชิญพวกเขาขึ้นเวทีเพื่อโชว์เสียงร้อง ที่นี่ไม่ได้จัดแสดงเพียงแค่การบรรเลงเครื่องดนตรีอย่างเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับนักร้องแล้ว
เหล่าพ่อเพลงจะเป็นตัวเลือกที่โถงทองคำให้ความสำคัญมากกว่า
ก็ใครให้พ่อเพลงมาร่วมชมการแสดงและจองที่นั่งในห้องรับรองอยู่บ่อยครั้งกันล่ะ?
พ่อเพลงโดยทั่วไปจะไม่ปฏิเสธที่จะขึ้นแสดงเพลงปิดท้าย ถึงอย่างไรพ่อเพลงเหล่านี้ก็มักมีความสามารถติดตัวกันอยู่แล้ว นักแต่งเพลงที่ไม่เชี่ยวชาญเครื่องดนตรีบางชนิด ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพ่อเพลง
“ไปเถอะ”
หยางจงหมิงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
ด้วยฝีมือทางเปียโนของเซี่ยนอวี๋ สามารถขึ้นแสดงที่โถงทองคำได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำพลาด
“อวดฝีมือหน่อยสิ!”
เจิ้งจิงก็รบเร้าอยู่ข้างๆ
พ่อเพลงหลายคนก็เคยมีประสบการณ์ถูกดึงตัวให้ขึ้นแสดงเพลงปิดงานมาก่อน เธอและหยางจงหมิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เคยถูกดึงตัวไปแสดงมาก่อน
มีบางคนที่ขึ้นเวทีแล้วกลับพลาดพลั้งไป จนเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย
แต่ก็ไม่มีใครถือสาอะไร เพราะช่วงนี้เป็นช่วงบันเทิงอยู่แล้ว
ส่วนบางคนที่ขึ้นเวทีแล้วทำได้ดีมาก เจิ้งจิงจำได้ว่าตอนที่หยางจงหมิงถูกดึงตัวขึ้นไปแสดง เขาโชว์ฝีมือไวโอลินจนคนดูตะลึง เพราะฝีมือของเขาเทียบเท่ากับระดับมืออาชีพเลยทีเดียว
“ครับ”
หลินเยวียนที่ถูกยุยงโดยหยางจงหมิงและเจิ้งจิงจึงตอบรับอย่างงุนงง
นี่คือช่วงเวลาที่โถงทองคำกำลังจะจบการแสดง ทุกคนเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่หลินเยวียนกลับนั่งอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวที่หน้าเปียโนบนเวที
จะว่าไปแล้ว
ในเมื่อขึ้นเวทีแล้ว หลินเยวียนก็ตั้งใจจะแสดงให้เต็มที่
แม้จะเป็นช่วงเวลาขยะ ทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน แต่หลินเยวียนยังคงให้ความเคารพต่อเวทีเช่นเคย
เพลงที่เขาเตรียมจะเล่นคือเพลงราตรีบรรเลง แต่ไม่ใช่ของชอแป็งที่มีสองเวอร์ชันก่อนหน้า หากแต่เป็นเพลงของประธานโจว!
นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีไมโครโฟนตั้งอยู่ข้างๆ เปียโน เพราะหลินเยวียนจะร้องเพลงด้วยตัวเอง
ฉากนี้กลายเป็นความบังเอิญอันแสนพิเศษ
การแสดงเพลงส่งท้ายของหลินเยวียน และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเพลงบรรเลงราตรีทั้งสามเพลงบนชาร์ตเพลงบนแอปพลิเคชันฟังเพลงต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน!
……
บทเพลงเปียโนอันไพเราะจับใจดังขึ้นทันที ณ โถงทองคำ
ในขณะที่ผู้ชมบางส่วนเริ่มทยอยลุกจากที่นั่งเดินออกไปสู่ประตูทางออก
เดินไปพลางมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงในค่ำคืนนี้ไปพลาง
บรรยากาศเริ่มคึกคักและเสียงดังวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
แต่ในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครใส่ใจมากนักว่าเพลงบรรเลงส่งท้ายเป็นอย่างไร เพราะจุดประสงค์ของการบรรเลงเพลงในช่วงเวลานี้ก็เพื่อส่งผู้ชมกลับบ้านอย่างมีความสุขเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เสียงเปียโนที่ไพเราะกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ในโถงทองคำ
หญิงสาวคนหนึ่งที่เดินนำผู้ชมกลุ่มแรกออกไป ขาข้างหนึ่งของเธอได้ก้าวออกไปเกือบพ้นประตูแล้ว แต่ทันทีที่เสียงเปียโนบรรเลงดังขึ้น เธอกลับหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน!
โครม!
ผู้ชายที่เดินตามหลังมาเผลอชนเธอเข้า
“ขอโทษครับ”
“ชู่ว…”
หลังจากการสนทนาเพียงสั้นๆ หญิงสาวหันกลับมามองที่เวที ดวงตาของเธอเริ่มเป็นประกาย
“หืม?”
จุดสำคัญคือบทเพลงนี้ต่างหาก!
เมื่อเทียบกันแล้ว ลิเลียชอบฟังการบรรเลงดนตรีมากกว่าเพลงพ็อป แต่เพลงนี้ดูคล้ายกับว่าจะไม่เหมือนเพลงทั่วไป!
……
ห้องรับรองหมายเลข 044
หลิงคงไม่ได้กลายเป็นเจ็ดนางฟ้าที่ถูกซุนหงอคงร่ายมนตร์ให้หยุดนิ่ง แต่กลับเร่งเร้าหวังจื่อซึ่งอยู่ด้านข้างอย่างร้อนใจ
“ไปกันเถอะ!”
“รีบอะไรล่ะ”
หวังจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไป
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาแทบอยากลุกออกจากห้องตั้งแต่ครึ่งแรกของงานแล้ว
ทั้งงาน ไม่มีเพลงไหนที่ทำให้หวังจื่อสนใจได้เลย แต่แปลกตรงที่เพลงปิดท้ายนี้ ไม่ได้นับว่าเป็นการแสดงอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ กลับดึงดูดความสนใจของหวังจื่อได้อย่างน่าประหลาด
ไอ้เหี้*!
เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง
หลิงคงอยากจะสบถออกมา แต่เขาทำไม่ได้ เพราะคนข้างๆ เป็นลูกชายผู้มีอิทธิพล
จะออกไปก็ไม่ได้ เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่อย่างทรมาน
ประหนึ่งมีก้างติดคอ ประหนึ่งถูกเหล็กแหลมทิ่มแทง ประหนึ่งนั่งอยู่บนพรมหนาม
……
ห้องรับรองหมายเลข 007
ซงเต่าอวี่ปิดประตูที่เปิดไว้ ก่อนจะหันกลับมามองไปที่อีเถิงเฉิง
“นี่มัน…”
อีเถิงเฉิงจ้องมองไปยังเวที แววตาเหม่อลอย
เพลงที่ดังอยู่ในโสตประสาททำให้เขารู้สึกทั้งแปลกใหม่และประหลาดใจ
อินโทรทำลายล้างนี้ เสมือนมีดที่กรีดบนแก้วหู!
ต่อให้เป็นแก้วหูของพ่อเพลง ก็ยังไม่อาจต้านทานได้!
“หรือว่า…”
ซงเต่าอวี่พลันนึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าของเธอเริ่มแสดงความหวาดหวั่นออกมา
ไม่หรอกมั้ง?
ไพ่เด็ดที่เขาเตรียมไว้สำหรับมหาสงครามเทพเซียนในเดือนธันวาคมคือเพลงเปียโนสองเพลงไม่ใช่หรอกหรือ?
แล้วนี่มันคืออะไร
ซงเต่าอวี่สังเกตเห็นว่า อีเถิงเฉิงขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย
เมื่อเธอได้รู้ว่าเพลงเปียโนสองเพลงนั้นคือผลงานของเซี่ยนอวี๋ เธอเองก็คล้ายกับว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้?
เธออดยิ้มขื่นไม่ได้
จากมุมมองของเธอ ที่นั่งของผู้ชมด้านล่างแลดูโกลาหลไปหมด
บางคนยืนอยู่ตรงประตู บางคนลุกขึ้นยืนตรงที่นั่ง และบางคนยังนั่งอยู่ แต่ไม่ว่าจะอยู่ในท่าทางไหน ทุกคนกลับฟังเพลงด้วยท่าทางที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาด
……

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...