ตอนที่ 855 มหาเทพและแพลทินัม
หลินเยวียนไม่ได้สอนลูกศิษย์มานานแล้ว
ไม่เพียงแค่ลูกศิษย์ทางด้านการ์ตูน แต่ยังรวมถึงลูกศิษย์ซึ่งเรียนประพันธ์เพลงกับเขาด้วย
เพราะหลินเยวียนพบว่า
หลังจากลูกศิษย์เรียนรู้ถึงระดับหนึ่งแล้ว การพัฒนาให้สูงขึ้นต่อไปนั้นเป็นเรื่องยาก
นั่นแสดงว่าได้ถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่วันนี้เอฟเฟ็กต์อาจารย์กลับอัปเกรดขึ้นมาอีกครั้ง!
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าลูกศิษย์ทั้งหลายที่ได้เรียนรู้จากเขาไป ต่างมีพัฒนาการก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วใช่ไหม?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงดีมาก
เพราะมันหมายความว่าในอนาคตหลินเยวียนจะทำงานเบาลงอีกมาก
ถ้าลูกศิษย์เก่งพอ พวกเขาก็จะทำให้หลินเยวียนไม่ต้องกังวลมากนัก เช่น หลัวเวยซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุด แค่เขาส่งเค้าโครงเรื่องคร่าวๆ ให้เธอ เธอก็สามารถผลิตการ์ตูนออกมาได้เป็นอย่างดี
“ฉันก่อน!”
“อย่าแย่งผมนะ!”
“อาจารย์ไม่ได้ฝึกให้ผมนานแล้ว!”
“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป นายคงควบคุมไม่ไหว ให้พี่ช่วยควบคุมแทนดีกว่า”
“เงียบไปเลย ต้องเป็นฉันก่อน!”
บรรดาลูกศิษย์ต่างแย่งกัน อยากเป็นคนแรกที่ได้รับการฝึกจากหลินเยวียน
ตอนแรกที่พวกเขาทั้งหมดเข้าร่วมสตูดิโอของอิ่งจือในฐานะลูกศิษย์และผู้ช่วย หลินเยวียนเป็นคนสอนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขามีความสามารถอย่างที่เห็นในวันนี้ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงรู้ดีว่าการได้เรียนรู้จากอาจารย์นั้นมีความหมายมากแค่ไหน!
ต่างจากพวกคลาสสอนวาดภาพที่ข้างนอกซึ่งมักจะคุยโวโอ้อวด
โอกาสแบบนี้ใครจะไม่ตั้งตารอล่ะ?
แม้ว่าหลังจากเรียนกับอาจารย์นานเข้า พวกเขาจะรู้สึกได้ชัดเจนว่าการผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นนั้นอยู่ในอัตราที่ลดลง แต่ก็ยังนับว่าเป็นความก้าวหน้าอยู่ดี
นั่นเป็นเรื่องปกติ
การพัฒนาระดับเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ไปจนถึงหกสิบคะแนนนั้น มักจะพัฒนาได้เร็วอยู่แล้ว
60 ถึง 80 คะแนน ผลลัพธ์ของการพัฒนาจะเริ่มลดลง
80 ถึง 100 คะแนน ทุกๆ คะแนนของการพัฒนาจะยากขึ้นเรื่อยๆ
“หลัวเวยแล้วกัน”
หลินเยวียนตัดสินใจเริ่มสอนหลัวเวยก่อน
หลัวเวยพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นและไล่คนอื่นออกไป “พวกเธอไปต่อแถวรอเลย!”
คนอื่นๆ เสียดายที่ต้องออกไป แต่ดวงตาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง เพราะท้ายที่สุดก็จะถึงคิวของพวกเขาในภายหลัง
เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน
หลินเยวียนจึงเริ่มสอนหลัวเวยวาดรูปทันที
วิธีการสอนวาดภาพของหลินเยวียนค่อนข้างเรียบง่าย เขาจะให้หลัวเวยลองวาดภาพก่อน โดยตัวเขาจะคอยดูอยู่ข้างๆ
หลังจากหลัวเวยวาดเสร็จแล้ว เขาจึงค่อยสาธิตและชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในกระบวนการวาดของเธอ
เมื่อก่อนก็ใช้วิธีสอนเช่นนี้
และตอนนี้ก็ยังใช้วิธีเดิมอยู่
เพียงแต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะดูเหมือนความสามารถในการเรียนรู้ของหลัวเวยจะพัฒนาขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด!
บางเรื่องที่เมื่อก่อนหลินเยวียนเคยต้องใช้เวลาราวชั่วโมงกว่าจะอธิบายให้หลัวเวยเข้าใจได้ แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาเพียงประมาณครึ่งชั่วโมงก็สามารถทำให้เธอเข้าใจได้แล้ว
เอฟเฟ็กต์อาจารย์!
อัปเกรดแล้วจริงๆ !
หลินเยวียนพลันรู้สึกดีใจขึ้นมา เห็นทีเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากเอฟเฟ็กต์อาจารย์นี้อีกครั้ง เพื่อสอนลูกศิษย์ให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลินเยวียนกำลังดีใจ
ขณะที่หลัวเวยกลับรู้สึกตื่นเต้น ปลาบปลื้มจนแทบคลั่ง!
คำแนะนำด้านการวาดภาพของอาจารย์ดูเหมือนจะได้ผลดียิ่งกว่าเมื่อก่อน!
หลายเรื่องที่ก่อนหน้านี้เธอต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ แต่วันนี้แค่อาจารย์ชี้แนะเพียงเล็กน้อย ทุกอย่างกลับกระจ่างขึ้นทันตาเห็น!
เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์!
ประสบการณ์ที่ได้สัมผัสถึงความก้าวหน้าของตนเองอย่างแท้จริงเช่นนี้ ช่างน่าหลงใหลยิ่งกว่าความสุขใดๆ!
หลัวเวยตกอยู่ในห้วงความรู้สึกนี้อย่างเต็มที่!
กระทั่งเมื่อหลินเยวียนสอนเสร็จ เธอยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเวลาได้ผ่านไปถึงสามชั่วโมงแล้ว!
“อาจารย์ ฉัน…”
“หืม?”
หลินเยวียนยิ้มมองหลัวเวย เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายในตอนนี้ แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลัวเวยไม่ได้พูดคำขอบคุณหรือแสดงความซาบซึ้งอะไรเลย กลับพูดออกมาเพียงห้าคำว่า
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ!”
จมอยู่กับการเรียนจนลืมตัวถึงสามชั่วโมง ทำให้หลัวเวยลืมความต้องการทางร่างกายไปหมดสิ้น จนกระทั่งบทเรียนจบลง เธอถึงเพิ่งรู้ว่ากระเพาะปัสสาวะของตัวเองใกล้จะระเบิดแล้ว!
หลินเยวียน “…”
หลัวเวยรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ “อาจารย์สอนดีมากค่ะ การได้เรียนกับอาจารย์ มีประโยชน์กว่าฉันเรียนสิบปีเสียอีก!”
หลินเยวียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
คนที่ฟังบรรยายแล้วรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้น จะมีความรู้สึกถึงความสำเร็จบางอย่าง
ในช่วงวันถัดๆ มา
หลินเยวียนแทบไม่ได้ทำอย่างอื่น แต่สอนและฝึกอบรมให้กับเหล่าศิษย์ในสตูดิโอของเขาเท่านั้น
ไม่นาน
ทุกคนก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกแบบเดียวกับหลัวเวย!
“อาจารย์สอนเก่งขึ้นเรื่อยๆ เลย!”
“ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฝีมือของฉันพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว!”
“เมื่อก่อนถ้าอาจารย์ไม่ร่างคนก้างปลาให้ ฉันจะวาดไม่ได้เลย แต่ตอนนี้แค่ดูจากโครงเรื่องที่อาจารย์ให้ ฉันก็สามารถจับจังหวะการวาดการ์ตูนได้แล้ว!”
“ความรู้สึกนี้มันสุดยอดยิ่งกว่าความฟินเมื่อคืนอีก!”
“ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้เทียมทานแล้วนะ ใต้หล้าไม่มีใครที่วาดการ์ตูนเก่งกว่าฉันอีกแล้ว นอกจากอาจารย์!”
ด้านข้าง
จินมู่ได้ยินคำพูดนี้ถึงกับส่ายหัวเบาๆ
คนในสตูดิโอของอิ่งจือดูเหมือนจะยิ่งหลงตัวเองขึ้นทุกวัน ขยับปากทีไรก็โม้ว่าตัวเองสุดยอดไร้เทียมทาน
นี่คนวาดการ์ตูนต้องเบียวขนาดนี้เลยหรือ?
มีเพียงเว็บไซต์ที่อยู่ในระดับผูกขาดเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตั้งมาตรฐานเช่นนี้ได้ มิเช่นนั้นเรื่องแบบนี้ก็เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้นเอง!
เหลียนเหมิงมีคุณสมบัติที่คู่ควรกับการกำหนดระบบระดับนี้!
สิ่งนี้เองที่ทำให้นักเขียนการ์ตูนจำนวนมาก อยากเข้าร่วมเหลียนเหมิงมากขึ้น
ใครล่ะที่จะไม่อยากถูกยกย่องให้เป็นเทพ หรือแม้แต่ กลายเป็นนักเขียนการ์ตูนระดับแพลทินัม?
ถึงแม้เว็บไซต์การ์ตูนอื่นๆ จะพยายามลอกเลียนแบบระบบนี้ได้ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน เพราะความน่าเชื่อถือของระบบนั้นต่างกัน
ปัจจุบันเหลียนเหมิงได้กลายเป็นตัวแทนของทั้งวงการการ์ตูนไปแล้ว!
ให้ความรู้สึกราวกับว่า หากคุณไม่ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานในเหลียนเหมิง คุณอาจจะยังไม่สามารถเรียกตัวเองว่ามหาเทพได้อย่างแท้จริง
ที่น่าสนใจคือ…
อิ่งจือก็ไม่ได้รับการปฏิบัติพิเศษใดๆ เช่นกัน เขาเองก็เซ็นสัญญาระดับ แพลทินัม
หานจี้เหม่ยเคยเสนอไอเดียอยากออกแบบระดับพิเศษสำหรับหลินเยวียน เช่น ระดับเพชรหรือระดับราชัน
แต่หลินเยวียนปฏิเสธ!
จินมู่เองก็เห็นด้วยว่าไม่จำเป็น
ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่ชื่อแบบนั้นฟังดูโอเวอร์เกินไป ทั้งจะทำให้ นักเขียนระดับแพลทินัมคนอื่นๆ รู้สึกกดดันและเสียดาย
ถึงอย่างไรมาตรฐานของอิ่งจือนั้นสูงจนไม่มีใครไปถึงได้
เป้าหมายที่ไปไม่ถึง ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างขึ้นมา เพราะนั่นมีแต่ทำให้คนรู้สึกหมดหวัง
“แค่ระดับแพลทินัมก็ดีอยู่แล้ว”
จินมู่ก็มีเหตุผลสนับสนุนของเขา “เมื่อเหล่านักเขียนระดับแพลทินัมเห็นว่า เทพอิ่งก็มีระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาจะยิ่งรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้น” และสำหรับนักเขียนระดับมหาเทพคนอื่นๆ พวกเขาจะมีแรงผลักดันมากขึ้น เพราะการเป็นแพลทินัมจะหมายถึงการได้อยู่ในระดับเดียวกับคุณ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้
จินมู่ส่ายหน้า “น่าเสียดายแค่อย่างเดียวคือ คุณในฐานะอิ่งจือ จะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนเพื่อมาร่วมงานประชุมประจำปีของเว็บไซต์ได้”
……
ปีนี้เหลียนเหมิงผูกขาดอุตสาหกรรมการ์ตูนอย่างสมบูรณ์!
เหลียนเหมิงวางแผนที่จะจัดงานประชุมประจำปี
แน่นอนว่าเหล่านักเขียนระดับมหาเทพและระดับแพลทินัมจะต้องได้รับเชิญให้เข้าร่วม นอกจากนี้ นักเขียนระดับกลางที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในปีนี้ก็จะได้รับเชิญด้วย
นี่คือวิธีที่เหลียนเหมิงประกาศถึงสถานะอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา!
มันเหมือนกับงานประชุมประจำปีของสำนักพิมพ์รายใหญ่บนโลกอย่างเยวี่ยเหวิน ทุกครั้งที่จัดขึ้นหุ้นของบริษัทก็จะพุ่งสูงขึ้นทันที
นักลงทุนให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อย่างยิ่งยวด
สตาร์ไลท์ได้ตัดสินใจแล้วว่า ในงานประชุมประจำปีของเหลียนเหมิง จะเชิญเหล่าดาราชื่อดังในบริษัทมาเป็นตัวแทน สร้างความโดดเด่นและเพิ่มอิทธิพลให้กับเว็บไซต์!
……
เรื่องของวงการการ์ตูนเริ่มซาลงแล้ว
ปีใหม่ก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในวันนี้
งานสังคีตสมโภชก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว
ทั้งราชาเพลงคนใหม่… ราชินีเพลงคนใหม่…พ่อเพลงคนใหม่…
ทั้งหมดจะถือกำเนิดขึ้นในงานนี้!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...