ตอนที่ 880 ปลายพู่กันผลิบุปผา
หลังจากกู้ตงออกไป หลินเยวียนมองตัวอักษรที่เขาพิมพ์ลงไปว่า ‘มังกรหยก’ พร้อมกับจมอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
ผู้คนบนบลูสตาร์มีความทรงจำในรูปแบบของตัวเอง
และหลินเยวียนเองก็มีความทรงจำในแบบของเขา
นิยายกำลังภายในของกิมย้งคือส่วนหนึ่งของความทรงจำเหล่านั้นสำหรับหลินเยวียน
ไม่ว่าจะเป็นมังกรหยกไตรภาค หรือผลงานในช่วงปลายของปรมาจารย์กิมย้ง แต่ละเรื่องล้วนทิ้งร่องรอยอันงดงามและมีชีวิตชีวาไว้ในความทรงจำของหลินเยวียน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่ตัวนิยายต้นฉบับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเวอร์ชันซีรีส์หลากหลายรูปแบบที่งดงามราวดอกไม้หลากสี และเพลงประกอบอันตราตรึงใจอีกด้วย
เอาเถอะ
การเขียนนิยายกำลังภายในนั้นเป็นการตัดสินใจแบบกะทันหันของหลินเยวียน
แม้จะดูเหนือความคาดหมาย แต่ก็อยู่ในกรอบของเหตุผล เพราะกำลังภายในคือจินตนิยมขั้นสุดของผู้ชาย และการที่บลูสตาร์ไม่มีผลงานจากปรมาจารย์กำลังภายในของโลก นับเป็นความน่าเสียดายอย่างยิ่ง
ที่สำคัญที่สุดคือ
แนวกำลังภายในมีตลาดรองรับอยู่เสมอ
ความสำเร็จอย่างล้นหลามของซีรีส์กำลังภายใน หยางเสี่ยวฝานกับฉินเทียนเกอเป็นข้อพิสูจน์ ความจริงที่ว่าซีรีส์กำลังภายในยังคงได้รับการยอมรับและความชื่นชอบจากผู้ชมก็เป็นอีกข้อพิสูจน์ และที่สำคัญคือจ้าวโจวที่เพิ่งผนวกรวมยังคงรักษานิยมในนิยายกำลังภายในอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าตลาดนี้ยังคงมีศักยภาพ!
ความแตกต่างเพียงประการเดียวคือ
ในปัจจุบันบนบลูสตาร์ นิยายกำลังภายในได้ตกลงมาจากแท่นบูชาในอดีต กลายเป็นแนวเฉพาะกลุ่มในสายตาของผู้อ่านชาวบลูสตาร์นับไม่ถ้วน
และหากจะถามว่ามีใครสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของนิยายกำลังภายในได้?
หลินเยวียนมีคำตอบที่ง่ายและหนักแน่นที่สุด นั่นก็คือกิมย้ง
หรืออาจจะเป็นโกวเล้งที่สามารถเป็นคำตอบได้เช่นกัน ทว่าในครั้งนี้ หลินเยวียนต้องการเล่นเกมที่ปลอดภัย เขาตัดสินใจที่จะใช้เส้นทางของกำลังภายในสายหลักอันโดดเด่นของกิมย้ง เพื่อเบิกทางใหม่ให้กับนิยายกำลังภายในบนบลูสตาร์!
แล้วสำหรับฉากหลังของเรื่องกำลังภายในล่ะ?
ก็ให้ราชวงศ์ซ่งใต้เป็นเหมือนมิติคู่ขนานก็แล้วกัน
นี่ไม่ใช่ข้อบกพร่องของนิยาย แต่กลับเป็นโอกาสที่ดี
หลินเยวียนมีไอเดียคร่าวๆ เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆ นิยายกำลังภายในในครั้งนี้นี้ก็อาจถูกมองว่าเป็นการทดลองที่น่าสนใจ และอาจนำมาซึ่งความประหลาดใจก็เป็นได้?
“ต้องทำให้ซีรีส์กับนิยายสอดคล้องกัน”
หลินเยวียนครุ่นคิด การให้ฉู่ขวงเขียนมังกรหยก เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
หลินเยวียนตั้งใจที่จะเลือกเส้นทางซึ่งปล่อยซีรีส์และนิยายไปพร้อมๆ กัน โดยให้ทั้งสองอย่างช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ซีรีส์ช่วยกระตุ้นยอดขายนิยาย
นิยายช่วยเพิ่มความนิยมให้กับซีรีส์
นี่เป็นสิ่งที่กิมย้งในอดีตไม่สามารถทดลองได้ เพราะเงื่อนไขและสถานการณ์ในตอนนั้นแตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนไม่ได้กังวลว่าซีรีส์จะขาดฐานผู้ชม
เหตุผลนั้นง่ายมาก
เพราะเรื่องราวนั้นยอดเยี่ยมมากพอไงล่ะ!
หลินเยวียนจำได้ลางๆ ว่าเขาได้ดูซีรีส์มังกรหยกก่อน แล้วจึงเกิดความสนใจจนตามไปอ่านนิยาย
นี่แสดงให้เห็นว่า
ไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือซีรีส์ หากเรื่องราวน่าติดตามพอ ฐานผู้ชม ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด
เฉกเช่นที่หลายคนพูดว่ามาร์เวลโด่งดังเพราะหนังสือการ์ตูน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกเช่นกันว่า
แฟนมาร์เวลจำนวนมากในแดนมังกรแทบไม่เคยอ่านการ์ตูนเลย หรือหากเคยอ่าน ก็อ่านมาไม่มากนัก
ไม่เช่นนั้นทำไมไอรอนแมน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในระดับซูเปอร์ฮีโรแถวหน้าในฉบับการ์ตูน ถึงกลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภาพยนตร์ของมาร์เวลได้
ทั้งเนื้อหา…
และนักแสดง…
สำหรับผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นปัจจัยชี้ขาด
เพียงแต่มีผลงานบางส่วนที่สามารถละเลยสิ่งที่เรียกว่าฐานผู้ชม และใช้รูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างเพื่อสร้างปรากฏการณ์ความนิยมที่ครองตลาดได้เช่นเดียวกัน
ด้วยความคิดเช่นนี้
หลินเยวียนจึงใช้ระบบช่วยผลิตนิยายมังกรหยกขึ้นมา
อืม
อย่างไรก็ตาม ดนตรีคลาสสิกมีมาตรฐานการชื่นชมและซาบซึ้งที่ค่อนข้างสูง
แม้ว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบราตรีบรรเลงของชอแป็ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีแฟนๆ หลายคนที่บอกว่าพวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงเสน่ห์ของดนตรีคลาสสิกได้ และบางคนถึงกับฟังไปหลับไป
แต่ถ้ามีทักษะที่คล้ายกับมิติแห่งภาพวาดล่ะ?
เพลงคลาสสิกที่เขามีอยู่ในมือ จะสามารถทะลายกำแพงแห่งการชื่นชมและซาบซึ้งนี้ และทำให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีรสนิยมอย่างไร ต่างก็มีโอกาสเพลิดเพลินไปกับมันได้?
“ทักษะดังกล่าว มีชื่อว่า ‘รู้ใจ’”
ระบบให้คำตอบที่ชัดเจนว่า “แต่ทักษะรู้ใจนี้ จะไม่สามารถซื้อได้ โฮสต์จะต้องได้รับกล่องสมบัติทองคำก่อนถึงจะมีโอกาสปลดล็อก”
มีจริงด้วย!
ดวงตาของหลินเยวียนเบิกกว้าง
ส่วนเรื่องความยากในการได้ทักษะนี้ หลินเยวียนก็ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะยิ่งทักษะทรงพลังและเหนือธรรมชาติมากเท่าไร ก็ยิ่งได้มายากมากขึ้นเท่านั้น นี่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?
ช่างเถอะ
ตอนนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นก่อนดีกว่า
หลินเยวียนรู้สึกอยากได้ทักษะปลายพู่กันผลิบุปผาอยู่ไม่น้อย
เมื่อพิจารณาถึงความยากของภารกิจนี้ บางทีนิยายกำลังภายในที่เขาจะปล่อยออกมาอาจต้องมีมากกว่าหนึ่งเรื่อง
เขาแอบสงสัยว่ามังกรหยกไตรภาค จะเพียงพอหรือไม่?
ถ้าหากยังไม่พอ ต่อไปฉู่ขวงคงต้องงานยุ่งอีกยาวแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้
หลินเยวียนก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจขึ้นมา เขาเริ่มลงมือพิมพ์นิยายด้วยความกระตือรือร้น แถมยังใช้แต้มสะสมจากระบบแลกเปลี่ยนเป็นยาชูกำลังบางส่วนออกมาอีกด้วย
เช่นนี้เขาถึงจะสามารถเขียนมังกรหยกเล่มนี้เสร็จได้ในเวลาที่สั้นที่สุด!
เขายังคงมีความตระหนักในการช่วยแก้ปัญหาให้กับบริษัทอยู่เสมอ
ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีผลประโยชน์ผูกพันกับผลประโยชน์ของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความขัดแย้งระหว่างปู้ลั่ว และ สตาร์ไลท์ ต้นเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ตัวหลินเยวียนเอง
เมื่อปู้ลั่วพุ่งเป้ามายังสตาร์ไลท์ เขาก็พร้อมจะโต้กลับโดยไม่ลังเล
[1] อารัมภบทศาลากล้วยไม้ บทประพันธ์ซึ่งเขียนด้วยพู่กันจีนโดยหวังซีจือผู้เป็นบรมครูแห่งการเขียนพู่กันจีน เพื่อบันทึกบรรยาการการรวมตัวกันร่ำสุราและแต่งบทกวีของเปล่ากวีและนักปราชญ์ในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก ณ ศาลากล้วยไม้ นับเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...