เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 887

ตอนที่ 887 เขาไท่ซานและดาวเหนือ

วันที่ 1 มีนาคม

เวลา 9 โมงเช้า

เผิงหลานผู้จัดการใหญ่ของร้านหนังสือหวาซินสาขาเมืองซูในฉินโจว ได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านด้วยตัวเองพร้อมกับผู้ช่วยคนสนิท

ในเวลานั้น มังกรหยกได้วางจำหน่ายแล้ว

เธออยากรู้ว่ายอดขายวันแรกของนิยายใหม่ของฉู่ขวงเป็นอย่างไร

เนื่องจากสถานการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ แม้ว่าร้านหนังสือใน ฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหานจะใช้กลยุทธ์แบบระมัดระวัง แต่ยอดการสั่งซื้อรวมก็ยังค่อนข้างสูง ทำให้ทุกคนกังวลเรื่องยอดขาย ดังนั้น ผู้จัดการหลายคนอย่างเช่นเผิงหลาน จึงเลือกที่จะไปดูสถานการณ์ที่ร้านหนังสือ ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม

เผิงหลานและผู้ช่วยเดินเข้ามาในร้านหนังสือหวาซินสาขาใหญ่เมืองซู ภาพที่เห็นทำให้ทั้งสองต้องตกใจ

ภายในร้าน

ตามที่นั่งต่างๆ เต็มไปด้วยลูกค้าที่นั่งเรียงกันแน่นขนัด

หากสังเกตให้ดี จะพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านต่างถือหนังสือมังกรหยก ไว้ในมือ!

ส่วนบริเวณเคาน์เตอร์แคชเชียร์

กลุ่มคนที่เบียดเสียดกันอยู่ส่งเสียงเอะอะ เช่นเดียวกับลูกค้าจำนวนมากที่ถือมังกรหยกไว้ในมือ พวกเขากำลังต่อคิวชำระเงินกับพนักงานแคชเชียร์ ท่ามกลางฝูงชนที่เนืองแน่นและเสียงดังอื้ออึง

“นิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงอยู่ไหนคะ”

“นิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเล่มนึงครับ!”

“ผมก็เหมือนกัน นิยายเล่มใหม่ของเจ้าแก่ฉู่ขวง!”

“มังกรหยกสองเล่ม ขอบคุณครับ!”

“นี่คือนิยายเรื่องใหม่ของเจ้าแก่ฉู่ขวงเหรอ? อ๋อ จริงด้วย งั้นเอาหนึ่งสองสามสี่ห้า…หกเล่มแล้วกัน ไหนๆ ก็ซื้อฝากให้ลูกทั้งห้าคนในหอพักด้วย”

เผิงหลานถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ขณะที่ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็มองด้วยสีหน้าตะลึงไม่แพ้กัน

ถ้าหากฉู่ขวงเขียนเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนแล้วขายดีขนาดนี้ ทั้งสองคนก็คงไม่รู้สึกตกใจอะไร

เพราะเจ้าแก่ฉู่ขวงมีพลังดึงดูดตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

แต่ปัญหาคือ นี่มันนิยายกำลังภายในนะ!

ฉินฉีฉู่เยี่ยนหานสนใจนิยายกำลังภายในขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่รู้ว่านิยายกำลังภายในเรื่องนี้ ฉู่ขวงเขียนขึ้นเพื่อผู้อ่านในจ้าวโจวโดยเฉพาะ?

ลองถามดูหน่อยดีกว่า

เผิงหลานมองไปยังลูกค้าหนุ่มคนหนึ่งที่ถือมังกรหยก เตรียมไปจ่ายเงิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยพลางถามว่า

“พ่อหนุ่ม ชอบอ่านนิยายกำลังภายในเหรอ?”

“ใครมันจะไปชอบอ่านอะไรแบบนั้น” ลูกค้าหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจ

เผิงหลานถึงกับงงแทบจะขึ้นเครื่องหมายคำถามดำในใจ “ไม่ชอบอ่านกำลังภายใน แล้วซื้อไปทำไม”

ลูกค้าหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ “ก็ซื้อไปอ่านไงครับ!”

เผิงหลาน “…”

นี่มีใครเอามีดจี้ให้อ่านหรือไง?

ลูกค้าหนุ่มเห็นปฏิกิริยาของเผิงหลาน ก็ทำหน้าเหมือนกำลังมองดูคนจากหมู่บ้านที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง

“ก่อนหน้านี้พวกจ้าวโจวเคยดูถูกพวกเราไว้ พวกเราก็อยากเห็นกับตาว่าฉู่ขวงจะใช้หนังสือเล่มนี้เล่นงานพวกนั้นจนยับเยินขนาดไหน ถ้าไม่อ่านจะรู้ได้ไงว่าพวกนั้นโดนเล่นงานยังไง!”

ฮะ?

มีแบบนี้ด้วยหรือ?

เผิงหลานรู้สึกมึนงงไปหมด เผลอถามออกไปโดยไม่ทันคิด

“เธอรู้ได้ยังไงว่านิยายเล่มนี้เล่นงานหนัก?”

“นิยายที่เจ้าแก่ฉู่ขวงเขียน มีหรือจะไม่เล่นงานคนอ่าน?”

ลูกค้าคนหนึ่งที่มาซื้อ มังกรหยก เหมือนกันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะคิดว่าคำถามของเผิงหลานช่างแปลกเสียเหลือเกิน เรื่องนี้ไม่ใช่ความรู้พื้นฐานหรือไง?

จากนั้นลูกค้าหลายคนที่กำลังต่อคิวจ่ายเงินอยู่ข้างหลังก็ร่วมวงสนทนาด้วยทันที

“นิยายเรื่องนี้เตรียมจะทำเป็นซีรีส์แล้ว ผู้กำกับคือติงเซียว คุณเคยได้ยินชื่อเขาไหม? คนที่ถ้าไม่ทำคนดูเจ็บปวดจะนอนไม่หลับน่ะ!”

“ฉู่ขวงบวกติงเซียว! คู่นี้รับประกันความพัง!”

“ฉันละรอแทบไม่ไหวที่จะเห็นฉากคนจ้าวโดนเจ้าแก่ฉู่ขวงเล่นงานจนร้องไห้ตาบวม!”

“แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีเหตุผลแค่นั้นนะ ที่สำคัญคือผมชอบอ่านนิยายของฉู่ขวง”

“ใช่เลย เจ้าแก่ฉู่ขวงนี่หายไปนานมากกว่าจะมีหนังสือเล่มใหม่ออกมา พอมีมาแล้ว ต่อให้เป็นกำลังภายในก็ต้องซื้อกลับมาอ่านให้ได้ นี่หิวจนไม่เลือกแล้ว!”

“หิวจนไม่เลือก+1!”

“เขาเขียนอะไร ฉันก็อดไม่ได้ที่จะอยากอ่านอยู่ดี”

เผิงหลานกับผู้ช่วยมองหน้ากันด้วยความงุนงง ก่อนที่สีหน้าแห่งความยินดีจะปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!

ไม่ว่าจะอย่างไร นิยายขายดีแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว สินค้าที่สั่งเข้ามาล็อตนี้น่าจะขายออกหมดแน่!

ฉู่ขวง ไม่ทำให้ผิดหวัง!

และในขณะเดียวกัน ร้านหนังสือหวาซิน

ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน

ทั้งที่ฉู่ขวงจะเขียนนิยายกำลังภายใน แต่ปรากฏว่าร้านหนังสือต่างๆ กลับพบว่าผู้อ่านจากฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหานยังคงมีกำลังซื้อที่สูงมาก!

พรึบๆๆ!

สต็อกหนังสือที่เตรียมไว้ในระดับที่ค่อนข้างปลอดภัย สามารถรองรับสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีปัญหาสินค้าขายไม่ออกเกิดขึ้น!

เรื่องนี้ทำให้ผู้จัดการร้านหนังสือแต่ละแห่งรู้สึกโล่งใจ

“โชคดีที่ฉันมองการณ์ไกล!”

“ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้เคยโดนฉู่ขวงสั่งสอนไปหลายครั้งแล้ว รู้ดีว่าหนังสือของเขาต่อให้คำนวณแบบระมัดระวังยังไง อย่างน้อยก็ต้องสั่งมาสองสามแสนเล่มถึงจะพอขาย”

“นึกไม่ถึงไม่เลยว่าในวันเดียว นิยายกำลังภายในจะขายดีได้ขนาดนี้”

“เจ้าแก่ฉู่ขวงก็ยังคงเป็นเจ้าแก่ฉู่ขวงที่ไม่สนใจข้อจำกัดของประเภทผลงาน”

“แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าเขาไม่สนใจประเภทหรอกนะ ความกระตือรือร้นของผู้อ่านสูงก็จริง แต่ถ้าเทียบกับแนวกำลังภายในแล้ว ถ้าฉู่ขวงออกนิยายแนวสืบสวนสอบสวน เธอเชื่อไหมว่าประตูร้านหนังสือต้องถูกเบียดจนพังแน่ แค่หลายแสนเล่มน่าจะไม่พอขายด้วยซ้ำ”

“นั่นก็จริงค่ะ”

“ยังไงซะก็เป็นนิยายกำลังภายใน ต่อให้ผู้อ่านตอบรับอย่างร้อนแรงแค่ไหน แต่มังกรหยก ก็ยังขายสู้นิยายสืบสวนของเจ้าแก่ฉู่ขวงไม่ได้ ตอนที่นิยายชุดปัวโรต์กับเชอร์ล็อก โฮล์มส์ออกวางจำหน่าย ถึงเรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าชนิดที่เป็นปรากฏการณ์เลยละ”

จ้าวโจว

ดังที่ต้วนชิงอวิ๋นกล่าวไว้

สิ่งที่สามารถเขียนในนิยายกำลังภายในนั้นเหลือไม่มากแล้ว

การที่สองยอดปรมาจารย์แห่งวงการกำลังภายในอย่างฉานหยางและต้วนชิงอวิ๋นเลือกที่จะวางปากกา ไม่ใช่เพราะพวกเขาหมดแรงกายแรงใจ แต่เป็นเพราะพวกเขารู้สึกถึงข้อจำกัดในการสร้างสรรค์งานเขียนของตนเอง

พูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือนี่เป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นกับนิยายกำลังภายในเอง

ภายใต้ข้อจำกัดนี้ นิยายกำลังภายในแทบจะมองไม่เห็นอนาคตที่กว้างไกลยิ่งกว่าเดิม

แม้แต่สองยอดปรมาจารย์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเขาไท่ซานและดาวเหนือแห่งวงการนิยายกำลังภายใน ก็ไม่สามารถเขียนผลงานที่เหนือกว่าตัวพวกเขาเองได้อีกต่อไป นี่จึงเป็นเหตุผลแท้จริงที่พวกเขาเลือกวางปากกาทีละคน

บรรยากาศเริ่มปกคลุมไปด้วยความเศร้าสร้อย

ต้วนชิงอวิ๋นส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “อย่าพูดเรื่องนี้เลย เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน มานั่งดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกันสักรอบ จริงสิ นั่นคุณถืออะไรมา?”

“นิยายน่ะ นิยายกำลังภายใน”

ฉานหยางหยิบนิยายมังกรหยกที่เขาซื้อจากร้านหนังสือออกมา “มาเยี่ยมพี่ต้วนทั้งที จะมาเปล่ามือได้อย่างไร”

“น่าสนใจ ใครเป็นคนเขียน?”

“ฉู่ขวง พี่ต้วนคงเคยได้ยินชื่อเขาอยู่บ้าง”

“ได้ยินจนชินหูเลยละ นิยายเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ของเขาทำให้ผมอ่านจนวางไม่ลงเลย เขาเขียนนิยายกำลังภายในด้วยหรือ? ไหนผมขอดูหน่อย!”

ต้วนชิงอวิ๋นเริ่มสนใจ

ฉานหยางหัวเราะพลางเอ่ยว่า “คุณบอกว่าจะไม่เขียนนิยายกำลังภายในอีกแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ต้วนชิงอวิ๋นกลอกตา “คุณเองก็ไม่เขียนแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ไม่เขียนก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่อ่านนี่นา”

“แสดงว่าจิตวิญญาณแห่งกำลังภายในในตัวคุณยังไม่ตาย”

ฉานหยางพูดไปตามตรง “เหมือนกับผม คุณเองก็คงมักจะติดตามผลงานของนักเขียนกำลังภายในคนอื่นๆ อยู่เสมอใช่ไหมล่ะ?”

“อย่ามาดึงเช็งกับเรื่องไร้สาระพวกนี้สิฟระ”

ต้วนชิงอวิ๋นที่สนิทกับฉานหยางมานาน ตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทหรือคำพูดที่สุภาพมากมายนัก เขาหยิบมังกรหยก จากมืออีกฝ่ายมาทันที

“ชาก็รินเองนะ ผมจะอ่านหนังสือแล้ว”

“อ่านด้วยกันเถอะ จำได้ไหม เมื่อก่อนพวกเราก็นั่งดื่มชาไป อ่านนิยายไป ก็ดูสบายดีเหมือนกัน”

ฉานหยางเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกคิดถึงวันวาน

ทั้งสองคนเคยอยู่ในช่วงเวลาสูงสุดของการสร้างสรรค์ผลงาน โดยที่พวกเขาเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากผลงานของนักเขียนนิยายกำลังภายในคนอื่นๆ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาตนเอง จนทำให้นิยายกำลังภายในที่พวกเขาเขียนแต่ละเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

น่าเสียดายที่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทั้งสองเริ่มรู้สึกว่าตนเองไม่อาจสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม

ในตอนนั้นพวกเขาก็เข้าใจว่า หากนิยายกำลังภายในจะก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้ จะต้องมีใครสักคนเปิดเส้นทางใหม่ขึ้นมา!

แต่การเปิดเส้นทางใหม่ฟังดูเหมือนง่าย ทว่าการลงมือทำนั้นช่างยากเย็น

อย่างน้อยในตอนนี้ ทั้งสองก็ยังจินตนาการไม่ออกว่าเส้นทางใหม่นั้นควรจะเป็นอย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขายังคงติดตามผลงานของนักเขียนกำลังภายในคนอื่นๆ อยู่เสมอ เพียงเพราะหวังว่าจะมีใครสักคนที่สามารถทำในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้นั่นเอง

ท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันในใจ

ทั้งสองได้เปิดนิยายในมือขึ้นอ่านแล้ว

[แม่น้ำเฉียนถังไหลเชี่ยวกราก น้ำในแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้านหนิวเจียของหลินอันทั้งวันทั้งคืนไม่ขาดสาย มุ่งหน้าไหลลงสู่ทะเล ท่ามกลางริมฝั่งแม่น้ำมีต้นอูไป่นับสิบต้นยืนเรียงราย ใบไม้แดงฉานดั่งเปลวไฟ กำลังเข้าสู่เดือนสิงหาคมพอดี]

โลกของมังกรหยกค่อยๆ เปิดม่านอย่างช้าๆ

[1] เขาไท่ซานและดาวเหนือ เปรียบเปรยถึงบุคคลหรือสิ่งที่เป็นแบบอย่างสูงสุดในสาขาใดสาขาหนึ่ง เปรียบประหนึ่งยอดปรมาจารย์ที่ทุกคนยกย่องและนับถือ เช่นเดียวกับที่ภูเขาไท่ซานเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และดาวเหนือเป็นดาวนำทางบนท้องฟ้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน