เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 888

ตอนที่ 888 ผมเห็นอนาคตของนิยายแนวกำลังภายใน

เรื่องราวของ มังกรหยก เปิดฉากด้วยเสียงของนักเล่านิทานชราที่กล่าวบทกวีโบราณด้วยน้ำเสียงกังวานและมีจังหวะที่น่าฟัง

‘ดอกท้อบานสะพรั่งงาม

ไร้ผู้ครองเงียบเหงาตรม

นกกาเพรียกเสียงดังลม

หมู่ควันปกคลุมพรางตา

ซากกำแพงล้อมบ่อเก่า

ร้างเปล่าไร้คนผ่านมา

ที่แห่งนี้เคยมีพนา

กลับกลายร้างลาผู้คน’

ต้วนชิงอวิ๋นถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะเอ่ยชมว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงการเปิดเรื่องเลย แค่บทกวีนี้ก็เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความงดงามอย่างยิ่งแล้ว’

“บทกวีที่ยอดเยี่ยม!”

ฉานหยางซึ่งกำลังอ่านถึงตรงนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย

อันที่จริง นี่เป็นผลงานของไต้ฟู่กู่ กวีในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ แต่บนบลูสตาร์ บทกวีนี้นับว่าเพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ทั้งสองคนจึงเข้าใจว่าเป็นผลงานที่ฉู่ขวง แต่งขึ้นเอง

หลังจากนั้น

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอีก แต่ต่างคนต่างดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งจิตวิญญาณที่ มังกรหยกสร้างขึ้น

ความจริงแล้วจังหวะของมังกรหยกนั้นค่อนข้างช้า ในตอนจบของบทแรก ตัวเอกยังไม่ได้ปรากฏตัวเลย กระทั่งบทที่สองจึงงจะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องของก๊วยเจ๋ง

อย่างไรก็ตาม การปูเรื่องในบทแรกกลับมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างก๊วยเซ่าเทียนกับเอี้ยทิซิม และคูชู่กีหรือชะตากรรมที่แตกต่างกันของเด็กในครรภ์ของหลี่เพ้งและเปาเซียะเยียกซึ่งเกิดจากโศกนาฏกรรมที่พ่อของพวกเขาเผชิญ ล้วนถูกวางรากฐานไว้ด้วยการเปรียบเทียบและเชื่อมโยงที่ซับซ้อน

ในเรื่องนี้ การเปรียบเทียบชะตากรรมของตัวละครถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง

เปาเซียะเยียกสูญเสียสามี แต่กลับรู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ เมื่อวั่นเยี่ยนหงเลี่ย ชมนางว่างดงาม และถึงขั้นปล่อยตัวปล่อยใจตามชายผู้นี้ไป

ในขณะที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีเช่นเดียวกัน

หลีเพ้งกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น ไม่ยอมก้มหัวให้กับคนชั่วอย่างต้วนเทียนเต็ก แม้จะถูกทำร้ายและด่าทอ นางก็ยังคงกัดฟันอดทน และถึงกับแสร้งทำเป็นเสียสติเพื่อเอาชีวิตรอด

ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่โปรยปราย

ก๊วยเจ๋งได้ลืมตาดูโลก

ในขณะนั้นเอี้ยคังซึ่งอยู่ในครรภ์ของเปาเซียะเยียก ได้กลายเป็นคุณชายตัวน้อยของชาวจินไปแล้ว

ในทางกลับกันก๊วยเจ๋ง กลับเป็นเพียงเด็กธรรมดาที่เติบโตอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของทะเลทราย

อย่างไรก็ตาม มุมมองของเรื่องกลับไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เอี้ยคังแต่กลับมุ่งไปที่ ก๊วยเจ๋งในฐานะตัวเอกแทน

ตั้งแต่ก๊วยเจ๋งช่วยชีวิตเจอเป

ยอมตายแต่ไม่ยอมเปิดเผยที่ซ่อนของเจอเป และในที่สุดก็ได้รับการยอมรับจากเจงกิสข่าน และเหล่าขุนพลมองโกล อุปนิสัยและภาพลักษณ์ของตัวละครนี้จึงได้รับการเปิดเผยออกมาอย่างเด่นชัด

หลังจากนั้น

เจ็ดประหลาดเจียงหนานก็ปรากฏตัวขึ้น บ๊วยเถียวฮวงและตั้งเฮี้ยงฮวงก็กลายเป็นลมทมิฬคู่พิฆาต

ในระหว่างการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ก๊วยเจ๋งในวัยเยาว์ได้เข้ามา ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับจากเจ็ดประหลาดกังหนำเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นตัวตนของอึ้งเอี๊ยะซือซึ่งเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมืออีกเล็กน้อย

ไม่ทันไร

การเปรียบเทียบระหว่างเอี้ยคังและก๊วยเจ๋งก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งคู่ต่างก็มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยชี้แนะ และอยู่ในกลุ่มคนต่างเผ่าเช่นกัน อีกทั้งในฐานะชาวฮั่นต่างก็ได้รับการยอมรับจากผู้นำชนเผ่าอื่น และยังมีอนาคตที่สดใสอยู่ตรงหน้า ทว่าโลกทัศน์ของเอี้ยคังและก๊วยเจ๋งกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

จนกระทั่งอึ้งย้งปรากฏตัว

เมื่อเด็กขอทานตัวน้อยผู้มีท่าทางแสนซุกซนใช้ความเจ้าเล่ห์ล่อลวงจนทำให้ก๊วยเจ๋งควักเงินช่วยเหลือด้วยความใจกว้าง สีหน้าของต้วนชิงอวิ๋นก็เปลี่ยนสีไปอย่างเห็นได้ชัดเป็นครั้งแรก

ในเวลานั้น

น้ำชาก็เย็นเสียแล้ว

สายลมพัดผ่านเข้าสู่ศาลา

น้ำชาในถ้วยกระเพื่อมเป็นระลอกสีเขียวมรกต

สองปรมาจารย์แห่งวงการนิยายกำลังภายในที่กำลังถือมังกรหยก อยู่ในมือ ยังคงนิ่งเงียบไม่มีใครพูดอะไร ดวงตาของพวกเขาราวกับหยั่งรากลึกอยู่บนหน้ากระดาษที่เปิดออก

เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายโดยไม่รู้ตัว

แสงแดดเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งสองนั่งจิบชาที่เย็นลงโดยไม่มีการสบตาหรือพูดคุยใดๆ จนกระทั่งมีเสียงเรียกจากคนในครอบครัวของต้วนชิงอวิ๋น ให้ลุกไปทานอาหาร ทั้งสองจึงได้สติราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน

“พวกเรานั่งอ่านมานานแค่ไหน?”

“ประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงได้”

ฉานหยางใช้มือกดคลึงดวงตาที่รู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย เขาไม่ได้ดื่มด่ำกับการอ่านนิยายถึงเพียงนี้มานานแล้ว

ต้วนชิงอวิ๋นรู้สึกหวั่นไหวในใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดที่อยากเอ่ยออกมากลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะวิจารณ์อย่างไรดี มีเพียงนิ้วที่บีบแน่นอยู่บนหน้ากระดาษจนข้อนิ้วนูนชัดและซีดขาวเล็กน้อย

“ไปกินข้าวก่อน”

ต้วนชิงอวิ๋นรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการเรียกนิยายกำลังภายในว่างานวรรณกรรมนั้นเป็นสิ่งที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปาก ฉู่ขวง ได้เปิดเส้นทางใหม่ให้กับนิยายกำลังภายในอย่างแท้จริง!

เส้นทางใหม่ที่น่าเหลือเชื่อ!

ในนิยายกำลังภายในแบบเดิม ยุทธภพมักถูกวางให้เป็นสถานที่อัปมงคลที่อยู่ตรงข้ามกับราชสำนัก เป็นสถานที่อันหม่นหมองเต็มไปด้วยสมาคมต่อต้านราชสำนักและกลุ่มนักแสดงเร่ร่อน

ไม่ว่าจะล้างตระกูล

จะล้างแค้น

หรือจ้าวแห่งยุทธภพ

เส้นเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้มีให้เห็นอยู่มากมาย

อ่านมากเข้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันคับแคบ

แต่ยุทธภพในมังกรหยก กลับเหมือนสายลมสดชื่นที่พัดผ่าน กวาดกลิ่นอายเก่าที่หม่นหมองออกไปสิ้น

ยอดเขาหวาซานที่สูงตระหง่าน และทุ่งทะเลทรายอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าเปิดให้เห็นโลกกว้างราวกับจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ เหลือบเห็นอินทรีขาวคู่หนึ่งชวนให้จินตนาการล่องลอยไป วิชาฝ่ามือคลื่นหยกได้ทำให้วิชาที่ดูธรรมดาและไม่โดดเด่นกลายเป็นสิ่งที่ลึกลับและเปี่ยมเสน่ห์อย่างไร้ขอบเขต ส่วนวิชาไม้เท้าตีสุนัขนั้น ได้ดึงความเป็นตำนานกลับคืนสู่ความเรียบง่ายและใกล้ชิดกับความเป็นจริง

ขลุ่ยหยกของบ้านใด บรรเลงให้ได้ยินในยามดอกเหมยร่วงหล่น?

นี่คืองานที่บุกเบิกเส้นทางใหม่ในประวัติศาสตร์!

ผลงานชิ้นนี้ได้ชี้นำทิศทางใหม่ที่ไม่มีใครเคยคาดคิดให้กับอนาคตของนิยายกำลังภายใน ไม่เพียงแค่ความน่าตื่นเต้นของเนื้อเรื่องเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองที่ทั้งงดงามและน่าสลดไปพร้อมกัน และเนื้อหาเหล่านี้ที่ดูเหมือนจะเกินจำเป็น กลับถูกผสานเข้ากับเนื้อหาหลักของนิยายกำลังภายในได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

จินตนาการแห่งนิยายกำลังภายในระเบิดออกมาอย่างเต็มที่!

การเล่าเรื่องแบบเดินหน้า ย้อนกลับ แทรกเรื่อง เล่าเรื่องแบบอ้อม และการสร้างบรรยากาศ…

มีทั้งท่ามังกรเหินเวหาและท่ามังกรสะบัดหาง[1] สง่างามและสมจริง ราวกับเห็นเป็นรูปธรรม

บางครั้งเสียงขลุ่ยและกลองดังกึกก้อง บางครั้งเงาดอกไม้ก็ซ้อนทับกันอย่างลึกลับ

นี่คืออีกหนึ่งห้วงมิติแห่งกาลเวลา

ครั้งหนึ่งมีคนกล่าวไว้ว่า

“เมื่อมังกรหยกปรากฏ เหล่าภูตผีและทวยเทพล้วนตะลึง!”

สำหรับคนทั่วไปแล้ว คำวิจารณ์เช่นนี้อาจดูเกินจริง แต่สำหรับผู้คร่ำหวอดในแวดวงนิยายกำลังภายในมาเป็นเวลานาน ย่อมเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวนี้อย่างชัดเจน

ขณะนี้

แม้แต่ปรมาจารย์แห่งวงการนิยายกำลังภายในจากจ้าวโจวสองท่าน ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักแห่งยุทธภพ ยังต้องตกตะลึงไปกับผลงานนี้ นับประสาอะไรกับผู้อ่านคนอื่นๆ ที่ทยอยเปิดอ่านนิยายเล่มนี้ทีละคน

มังกรหยกเริ่มเผยโฉมอย่างสง่างาม!

[1] ท่ามังกรเหินเวหาและท่ามังกรสะบัดหาง เป็นท่าจากวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน