ตอนที่ 892 อะไรคือจอมยุทธ์
“โง่จริงๆ ”
อาจารย์หวังจ้องเขม็งพร้อมเอ่ยว่า “ผมให้คำใบ้ที่ชัดเจนขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจกันอีก พวกคุณอ่านหนังสือกันแบบนี้จริงๆ หรือ?”
“สรุปแล้วหมายความว่ายังไงล่ะครับ”
นักศึกษาด้านล่างเริ่มสงสัยจนอดใจไม่ไหว
เป็นเพราะคุ้นชินกับการถูกอาจารย์หวังตำหนิอยู่แล้ว จึงไม่มีใครรู้สึกโกรธเลยสักคน
อาจารย์หวังเขียนชื่อของอึ้งเอี๊ยซื้อและตัวละครอื่นๆ ลงบนกระดานดำ จากนั้นจึงกล่าวว่า
“ตามทฤษฎีธาตุทั้งห้า ทิศตะวันออกเป็นธาตุไม้ ดังนั้นมารบูรพาคืออึ้งเอี๊ยซื้อ[1] (黄药师) เพราะคำว่าอึ้ง (黄) มีรากอักษรเฉ่า (艹) ซึ่งสื่อถึงไม้ ส่วนทิศตะวันตกเป็นธาตุทอง พิษประจิมจึงเป็นอาวเอี๊ยงฮง[2] (欧阳锋) เพราะคำว่าฮง (锋) มีรากอักษรจิน (金) ซึ่งหมายถึงทอง ทิศเหนือเป็นธาตุน้ำ ยาจกอุดรจึงเป็นอั้งฉิกกง[3] (洪七公) เพราะคำว่าอั้ง (洪) มีรากอักษรน้ำสามจุด (氵) ซึ่งหมายถึงน้ำ ส่วนตรงกลางเป็นธาตุดิน จึงสอดคล้องกับหวังฉงหยาง[4] (王重阳) เพราะธาตุดินอยู่ที่ศูนย์กลาง และในนิยายเคยกล่าวถึงชื่อเดิมของเขาคือเฮ้งเต็ก (王喆) ซึ่งมีรากอักษรถู่ (土) สำหรับทิศใต้เป็นธาตุไฟ และทำไมอิดเต็งไต้ซือ[5] (一灯大师) ถึงเป็นตัวแทนธาตุไฟ (火) ตรงนี้ยังต้องให้ผมอธิบายอีกไหม?”
“โอ้โฮ!”
นักศึกษาล้วนตกตะลึง!
ที่แท้ชื่อของห้ายอดฝีมือยังมีที่มาที่ลึกซึ้งแบบนี้อีกหรือ?
ฉู่ขวงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ในนิยายเลยแม้แต่น้อย ทำให้ไม่มีใครคิดไปในทิศทางนี้!
ใส่ใจแม้กระทั่งการตั้งชื่อในนิยายขนาดนี้เชียว?
นักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “หรือว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?”
อาจารย์หวังกล่าว “เพราะธาตุไฟพิฆาตธาตุทอง ดังนั้นอิดเต็งไต้ซือจึงใช้วิชาดรรชนีเอกสุริยันเอาชนะพลังคางคกของอาวเอี๊ยงฮง ได้ และเพราะธาตุทองพิฆาตธาตุไม้ อาวเอี๊ยงฮงถึงได้ตามรังควานอึ้งย้ง แถมยังใช้ข้ออ้างว่าทำเพื่อหลานชายของเขา ถ้าอยากได้เหตุผลเพิ่มเติม ก็ลองนึกถึงเกาะดอกท้อและวิชาฝ่ามือคลื่นหยกของอึ้งเอี๊ยซือก็จะเข้าใจได้มากขึ้นว่าทำไมมารบูรพาถึงสอดคล้องกับธาตุไม้”
มีเหตุมีผล!
คราวนี้ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก แต่หลังจากทุกคนใช้เวลาคิดทบทวนข้อมูลนี้แล้ว ก็มีนักศึกษาคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “แต่ว่าอาจารย์หวังครับ ต่อให้เป็นแบบนั้น มังกรหยกก็ยังไม่ถือว่าเป็นวรรณกรรมอยู่ดีใช่ไหมครับ หรือว่าวรยุทธ์ที่ดูหวือหวาพวกนั้นในนิยายกำลังภายใน จะสามารถอธิบายด้วยมุมมองวรรณกรรมได้ด้วย?”
“งั้นเรามาพูดถึงวรยุทธ์”
อาจารย์หวังเอ่ยขึ้น “งั้นลองดูวิชาที่ทรงพลังที่สุดอย่างสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร พวกคุณรู้จักชื่อกระบวนท่าในวิชานี้บ้างไหม?”
“มังกรผยองได้สำนึก!”
“มังกรซ่อนกบดาน!”
มีนักศึกษาบางคนจำชื่อกระบวนท่าได้รางๆ
อาจารย์หวังพูดต่อ
“ชื่อพวกนี้ฟังดูเท่ไหม?”
ทุกคนพยักหน้ารับ เท่สิ ชื่อกระบวนท่าเหล่านี้แค่ได้ยินก็รู้สึกเร้าใจแล้ว!
แต่อาจารย์หวังกลับพูดว่า
“แต่พวกคุณรู้ไหมว่ามังกรผยองได้สำนึกที่ดูเหมือนจะหมายถึงการที่กระบวนท่านี้สามารถดึงกลับมาได้ จริงๆ แล้วมันกำลังบอกเราว่าเราควรรู้จักการรุกและถอย และไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป ส่วนมังกรซ่อนกบดานหมายถึง ทุกกระบวนท่าของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรล้วนใช้ได้จริง และแต่ละท่าล้วนทรงพลังน่าเกรงขาม แต่ถ้าไม่มีโอกาสเหมาะสม ก็ไม่ควรใช้ออกไป เพราะจะเป็นการเปลืองกำลังโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ เมื่อนำชื่อกระบวนท่าอื่นๆ ในวิชานี้มาร้อยเรียงกันแล้ว ก็ยังสะท้อนถึงปรัชญาในการดำเนินอีกชีวิต!”
นักศึกษาหญิงแถวหน้าคนหนึ่งพูดเบาๆ ว่า “นี่เป็นความเข้าใจส่วนตัวของอาจารย์หรือเปล่าคะ?”
อาจารย์หวังยักไหล่ “งั้นลองมาพูดถึงสิ่งที่ไม่ใช่แค่ความเข้าใจส่วนตัวของผมก็แล้วกัน กลัวก็แต่ว่าจะยากเกินไปสำหรับพวกคุณน่ะ มังกรผยองได้สำนึกมาจากเฉียนกว้า[6]ในคัมภีร์อี้จิง[7] ในคำอธิบายซั่งจิ่ว[8] (上九) มังกรเหินเวหามาจากเฉียนกว้าเช่นกัน ในคำอธิบายจิ่วอู่ (九五); ส่วน มังกรผงาดกลางทุ่งก็ยังคงเป็นเชียนกว้าในคำอธิบายจิ่วเอ้อร์ (九二) สำหรับหงส์ร่อนพสุธานั้นมาจากเจี้ยนกว้า[9]ในคำอธิบายจิ่วซาน (九三)……”
น่าหมั่นไส้จริงๆ !
โดนเขาโชว์เหนือเข้าให้แล้ว!
หลังจากที่อาจารย์หวังอธิบายเชื่อมโยงวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร กับคัมภีร์อี้จิงจบ หัวใจของนักศึกษาทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส ราวกับเงยหน้ามองภูเขาสูงตระหง่าน ขณะเดียวกันความตกตะลึงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรมีที่มาจากคัมภีร์อี้จิง?
กระบวนท่าวรยุทธ์แฝงปรัชญาการดำเนินชีวิตไว้?
ในขณะนั้นเอง
มีนักศึกษาคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามด้วยท่าทีที่เหมือนอยากขัดแย้งเพราะไม่อยากยอมแพ้ “งั้นคัมภีร์เก้าอิมล่ะครับ อาจารย์จะอธิบายยังไง?”
อาจารย์หวังไม่ใส่ใจกับคำถามนั้น ตอบกลับอย่างง่ายดาย “วิถีแห่งฟ้า ลดส่วนเกินเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด ฉะนั้นไซร้ ความว่างเปล่าจึงชนะความเต็ม สิ่งที่ขาดแคลนย่อมเอาชนะสิ่งที่ล้นเกิน ความหมายกว้างไกล ปรัชญาลึกซึ้ง น่าสนใจอย่างยิ่ง สัญลักษณ์แห่งฟ้าดินแบ่งแยก สถานการณ์หยินหยางจัดเรียงอยู่ การเปลี่ยนแปลงปรากฏ สัญญาณแห่งชีวิตและความตายเด่นชัด ร่องรอยแห่งความกลมกลืนปรากฏโดยไม่บีบคั้น ความลี้ลับและแจ่มชัดก็สอดคล้องกันโดยไม่นัดหมาย
เมื่อพิจารณาถ้อยคำจะพบความละเอียดอ่อน พิสูจน์ได้จากข้อเท็จจริงอย่างไม่ผิดพลาด สมควรเรียกได้ว่าเป็นรากฐานของวิถีทางอันสูงสุดและจุดเริ่มต้นของการดำรงชีวิต……”
พูดมาถึงตรงนี้ อาจารย์หวังตบโต๊ะ
“เขานำมาปรับจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิง พวกวัยรุ่นไม่เอาไหนอย่างพวกคุณไม่มีความรู้ แม้แต่วัตถุประสงค์ของฉู่ขวงที่เขียนวิชากำลังภายในเหล่านี้ พวกคุณยังมองไม่ออกเลย! ทุกการออกแบบในนิยายของเขาล้วนมีรากฐานทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง อ้างอิงตำราจากยุคโบราณมากมาย ไม่ใช่สิ่งที่คิดขึ้นมาลอยๆ ไม่มีที่มาที่ไป!”
นี่คือสิ่งที่ทำให้อาจารย์หวังชอบในเรื่องมังกรหยก
“ในนิยายตอนที่ 37 กองทัพมองโกลโจมตีเมืองซามาร์คันด์ แต่บุกเข้าเมืองไม่ได้อยู่นาน จนกระทั่งเจงกิสข่านประกาศว่า ใครที่สามารถตีเมืองแตกได้ จะมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดในเมืองนั้นเป็นรางวัลให้ สุดท้ายก๊วยเจ๋งใช้แผนการตีเมืองแตกได้สำเร็จ เจงกิสข่านรักษาคำพูด เตรียมมอบรางวัลให้ก๊วยเจ๋ง ในตอนนั้นก๊วยเจ๋งตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ร้องขอให้เจงกิสข่านยกเลิกการแต่งงานระหว่างเขากับองค์หญิงวาเจน แต่ในตอนนั้นเอง ก๊วยเจ๋งกลับได้เห็นกองทัพมองโกลสังหารชาวเมืองจำนวนหลายแสนคนที่กำลังกรีดร้องและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่น ชีวิตที่ไร้เดียงสาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ก๊วยเจ๋งเห็นเหตุการณ์แบบนี้จึงเปลี่ยนคำขอของตัวเองทันที โดยขอให้เจงกิสข่าน ‘ไว้ชีวิตชาวเมืองหลายแสนคน’ แทน และเขาก็ไม่เสียใจเลยกับการตัดสินใจนี้ นี่คือการแสดงถึงบุคลิกตามปรัชญาขงจื่อ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมชื่นชมก๊วยเจ๋งมาก อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแก่นหลักของเรื่องอีกด้วย!”
นักศึกษาถึงกับยอมรับโดยดุษณี!
ไม่ว่าจะถามอะไร ก็ไม่สามารถทำให้อาจารย์หวังจนมุมได้เลย!
ในขณะนั้นมีนักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้นตามสัญชาตญาณ “แล้วแก่นหลักของเรื่องมังกรหยกคืออะไรครับ”
อาจารย์หวังถอนหายใจเบาๆ “คำถามนี้ดีมากตอนแรก ผมคิดว่าแก่นหลักของมังกรหยกน่าจะเป็นศึกประลองกระบี่ที่เขาหวาซานต่อมาผมก็คิดว่าแก่นหลักน่าจะเป็นการช่วยเตมูจินพิชิตแผ่นดิน แต่พออ่านไปถึงตอนท้าย ผมถึงได้เข้าใจว่า แก่นหลักของเรื่องนี้คืออุดมการณ์เพื่อชาติและบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้นิยายเล่มนี้โดดเด่นกว่านิยายกำลังภายในเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด ก็เหมือนกับคำถามสุดท้ายที่ก๊วยเจ๋งถามเจงกิสข่านก่อนที่เขาจะตาย วันนี้ผมก็อยากถามพวกคุณเหมือนกันว่า คนแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษ?”
อาจารย์หวังส่ายหน้า
เขาเอ่ยขึ้นต่อ “คำถามนี้ซับซ้อนเกินไปสำหรับพวกคุณ ด้วยระดับความคิดของพวกคุณคงยากที่จะเข้าใจ งั้นเรามาเปลี่ยนคำถามกันดีกว่า แล้วก็ถือว่าเป็นการบ้านสำหรับคาบนี้ไปเลย พรุ่งนี้แต่ละคนเขียนบทสรุปมาให้ผมด้วย คนแก่แบบผมไม่มีความรู้มากมายอะไร ผมเลยอยากให้พวกคุณช่วยบอกผมว่า……”
อาจารย์หวังหยิบชอล์กขึ้นมา เขียนคำว่า ‘จอมยุทธ์ (侠)’ ลงบนกระดานดำ ก่อนจะหันกลับมามองนักศึกษาทั้งห้องด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“อะไรคือจอมยุทธ์!?”
[1] อึ้งเอี๊ยซือ (黄药师) หรือหวงเย่าซือในภาษาจีนกลาง
[2] อาวเอี๊ยงฮง (欧阳锋) หรืออาวเอี๊ยงฮงในภาษาจีนกลาง
[3] อั้งฉิกกง (洪七公) หรือหงชีกงในภาษาจีนกลาง
[4] เฮ้งเต็งเอี้ยง (王重阳) หรือหวังฉงหยางในภาษาจีนกลาง ชื่อเดิมคือเฮ้งเต็ก (王喆) หรือหวังเจ๋อในภาษาจีนกลาง
[5] อิดเต็งไต้ซือ (一灯大师) หรืออี้เติงไต้ซือในภาษาจีนกลาง
[6] เฉียนกว้า เป็นฉักลักษณ์ที่ 1 ใน 64 กว้า หรือ 64 ฉักลักษณ์ในคัมภีร์อี้จิง ประกอบด้วยเส้นหยางทั้งหมด 6 เส้น (☰) มีความหมายเกี่ยวกับการสร้างสรรค์
[7] คัมภีร์อี้จิง คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นตำราปรัชญาจีนโบราณที่ใช้วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ประกอบด้วย 64 กว้า (卦) หรือฉักลักษณ์ ซึ่งเป็นชุดสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานการณ์ต่างๆ ในโลก รวมกันเป็นสัญลักษณ์ 6 เส้น แต่ละฉักลักษณ์มีคำอธิบายเชิงสัญลักษณ์ (象曰) ซึ่งให้ความหมายเกี่ยวกับปรัชญาชีวิต การตัดสินใจ และการดำเนินชีวิต โดยกิมย้งนำคัมภีร์อี้จิงมาเป็นพื้นฐานในการตั้งชื่อกระบวนท่าต่างๆ ในสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร
[8] ซั่งจิ่ว (上九) คือตำแหน่งบนสุดของเฉียนกว้า
[9] เจี้ยนกว้า เป็นฉักลักษณ์ที่ 53 ใน 64 กว้า หรือ 64 ฉักลักษณ์ในคัมภีร์อี้จิง ประกอบด้วยเส้นสองชุดด้านบนและด้านล่าง (☶☱) เมื่อนำมารวมกัน หมายถึงการเคลื่อนไหวหรือความก้าวหน้าที่ค่อยเป็นค่อยไปและมั่นคง
[10] ฉีเหมิน แปลตรงตัวหมายถึง ‘ประตูวิเศษ’ เป็นศาสตร์การพยากรณ์ที่ใช้คำนวณตำแหน่งและเวลาเพื่อค้นหาทิศทางที่เหมาะสมและกลยุทธ์ในการดำเนินการ เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากฉีเหมินตุ้นเจี่ยซึ่งเป็นตำราที่จักรพรรดิเหลืองใช้ในสงครามกับชือโหยว โดยฉีเหมินนั้นครอบคลุมสี่ปัจจัยหลักได้แก่ เวลา สถานที่ ความสามัคคีของมนุษย์ และความช่วยเหลือจากทวยเทพหรือแรงสนับสนุนที่มองไม่เห็น
[11] ปากว้า หรือแผนผังแปดทิศ มาจากคัมภีร์อี้จิง ใช้แสดงถึงพลังธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของจักรวาล ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์แปดรูปแบบ ได้แก่ เฉียน(ฟ้า) ตุ้ย(ทะเลสาบ) หลี(ไฟ) เจิ้น(อัสนี) คุน(ดิน) เกิ้น(ภูเขา) ข่าน(น้ำ) และซวิ่น (ลม)

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...