เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 894

ตอนที่ 894 ฟ้าพิการ ดินพร่อง

โพสต์ถูกเผยแพร่ได้เพียงสามวินาที

หน้าจอกลับขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่า [การเผยแพร่ล้มเหลว กรุณาตรวจสอบเครือข่าย]

เมื่อหลินเยวียนมองดู ก็พบว่าอินเทอร์เน็ตกระตุกไปชั่วขณะ เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก และกำลังจะกดเผยแพร่อีกครั้ง ทว่าปลายนิ้วกลับชะงักเล็กน้อย

ไม่ใช่สิ!

หลินเยวียนฉุกคิดขึ้นมาได้

เขาเกือบลืมไปแล้วว่า ประโยค ‘จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ คือผู้เสียสละเพื่อชาติและราษฎร’ นี้ ในศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีเป็นประโยคดั้งเดิมที่ก๊วยเจ๋งพูดกับเอี้ยก้วย!

ถ้าอี้อันพูดคำนี้ออกไปก่อน แล้วฉู่ขวงจะพูดอะไรได้อีก?

จะให้ฉู่ขวงกลายเป็นคนที่ลอกรีวิวของอี้อันหรือ?

นักเขียนที่ลอกรีวิวของผู้อ่าน แบบนี้จะเรียกว่านักเขียนได้ยังไง?

หลินเยวียนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่อินเทอร์เน็ตสะดุดได้จังหวะพอดี ส่งผลให้ฉู่ขวงไม่ต้องโดนผู้อ่านตำหนิว่าไปลอกเลียนความคิดเห็นของอี้อัน

หลินเยวียนจึงยกเลิกโพสต์

พร้อมตัดสินใจให้อี้อันยังคงเร้นกายต่อไป

บนบลูสตาร์มีคนที่สามารถตีความเรื่องราวได้ลึกซึ้งอย่างอาจารย์หวังอยู่มากมาย

และเมื่อบลูสตาร์มีคนเหล่านี้อยู่ การออกแบบต่างๆ ในมังกรหยกย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาของพวกเขาไปได้

ตั้งแต่การวิเคราะห์วิชากำลังภายในในมังกรหยก

ไปจนถึงการจัดอันดับยอดฝีมือ

หรือโครงสร้างตัวละคร

ทุกหัวข้อที่เกี่ยวกับมังกรหยก กำลังขยายอิทธิพลไปอย่างกว้างขวางในกระแสความนิยมอันร้อนแรง และทำให้นิยายเรื่องนี้หยั่งรากลึกลงสู่หัวใจของผู้คนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจ้าวโจว

ฉู่ขวงได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งในใจของชาวจ้าวโจวผ่านนิยายเล่มนี้

ภาพจำที่จ้าวโจวซึ่งเพิ่งผนวกรวมเข้ามาใหม่มีต่อฉู่ขวงนั้นเรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย

แน่นอนว่า

ในฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหาน ความนิยมของมังกรหยกก็ยังคงแรงไม่ตกเช่นเดียวกัน

แต่สิ่งที่ต่างจากชาวจ้าวคือ

ในฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหาน นอกจากความชื่นชอบในตัวมังกรหยกเองแล้ว ผู้อ่านบางส่วนกลับมีความไม่พอใจต่อนิยายเล่มนี้อีกด้วย!

มีผู้อ่านบ่นอย่างหงุดหงิดว่า

‘หนังสือเล่มนี้ของเจ้าแก่ฉู่ขวงดีทุกอย่าง แต่ส่งตัวละครกลับบ้านเก่าน้อยเกินไป ทำให้ตั้งแต่ต้นจนจบแทบไม่มีจุดดราม่าเลย ก่อนหน้านี้ชาวจ้าวชอบล้อเลียนพวกเราไม่ใช่หรือไง ฉันก็อยากเห็นเจ้าแก่ฉู่ขวงเอาคืนด้วยการเขียนให้พวกเขาร้องไห้หนักๆ ! แต่นี่มันอะไรเนี่ย!’

‘เจ้าแก่ฉู่ขวงไม่เขียนอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนอ่านแล้วเหรอ แบบนี้วัยเยาว์ของผมคงจบลงแล้วสินะ!’ ‘นิสัยของเจ้าแก่ฉู่ขวงเปลี่ยนไปแล้วเหรอ มังกรหยก เรื่องนี้ดันเขียนออกมาซาบซึ้งตรึงใจอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีอะไรพิลึกพิลั่นเลย แบบนี้แสดงว่าเขาก็ยอมแพ้ต่อตลาดแล้วสินะ (อิโมจิหมายิ้มกรุ้มกริ่ม)’

‘เจ้าแก่ ขอความดราม่าขยี้ใจหน่อยเถอะ!’

‘นี่มันตั้งใจแกล้งคนอ่านชัดๆ พวกเราหวังว่าเขาจะไม่เขียนอะไรที่บีบคั้นจิตใจ เขาก็เขียนโหดร้ายสุดๆ แต่พอพวกเราหวังให้เขาเขียนอะไรที่ทำร้ายจิตใจผู้อ่านชาวจ้าวบ้าง กลับไม่เขียนซะงั้น?’

‘กับพวกเราจัดหนักจัดเต็ม แต่กับคนจ้าวกลับอ่อนโยนแบบสุดๆ ?’

‘เขียนนิยายเพื่อชาวจ้าวโดยเฉพาะก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่เล่นเขียนออกมาแบบสนุกสุดๆ ตัวละครสำคัญไม่มีใครตายเลย ใจดีกับคนจ้าวเกินไปแล้วมั้ง!’

ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย!

ผู้อ่านจาก ฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหานต่างรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม

โดยเฉพาะเมื่อก่อนหน้านี้ ชาวจ้าวยังเคยล้อเลียนผู้อ่านทั้งห้าทวีปอยู่เลย

เรื่องนี้ทำให้ผู้อ่านจากห้าทวีปนี้ต่างอัดอั้นตันใจ จนอยากเห็นฉู่ขวงเขียนอะไรที่ทำให้ผู้อ่านชาวจ้าวเจ็บปวดถึงขีดสุด แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าแก่นี่ดันไม่เล่นตามสูตร!

ในช่วงเวลาที่ควรจะบีบคั้นจิตใจที่สุด!

เขากลับทำให้มันราบรื่นเสียอย่างนั้น!

ลองดูเนื้อเรื่องในมังกรหยกสิ!

ตัวละครที่ตาย ล้วนเป็นตัวละครที่ผู้อ่านยังไม่ได้ผูกพันกันลึกซึ้ง

ยกตัวอย่างเช่น สมาชิกในเจ็ดประหลาดกังหนำซึ่งมีบทไม่มาก หรืออย่างเอี้ยคังซึ่งอยู่ในสถานการณ์อันซับซ้อน ตัวละครที่ผู้อ่านชื่นชอบอย่างแท้จริงกลับรอดชีวิตกันหมด!

หรือว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงจะใจดีขึ้นมาจริงๆ ?

นิยายเป็นสิ่งที่สามารถเขียนได้ทุกที่ แม้แต่ระหว่างการเดินทางก็ไม่เป็นปัญหา

หลินเยวียนไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวเกี่ยวกับเส้นทางการท่องเที่ยวเพิ่มเติม แต่กลับขึ้นไปชั้นบน เปิดคอมพิวเตอร์ แล้วลองค้นหาข่าวเกี่ยวกับเขาหวาซาน ดู

และก็เป็นจริงอย่างที่พี่สาวพูดไว้ทุกประการ

เนื่องจากแนวคิดเรื่องศึกประลองกระบี่เขาหวาซานที่ถูกพูดถึงใน มังกรหยกทำให้ผู้คนจำนวนมากแห่กันไปเที่ยวเขาหวาซาน

บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นออนไลน์ ยังมีบางคนสงสัยว่าฉู่ขวง ได้รับเงินจากทางการของเขาหวาซานหรือเปล่า ถึงได้โปรโมตสถานที่ในนิยาย อย่างเต็มที่เช่นนี้

เรื่องนี้พบเห็นได้น้อยครั้งบนบลูสตาร์ นิยายเรื่องหนึ่งสามารถส่งอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวของสถานที่จริงได้ถึงระดับนี้

หลินเยวียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ต่อ

เขาเลือกเปิดไฟล์เอกสารแล้วเขียนศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีต่อไป ด้วยความพยายามตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาเขียนนิยายเรื่องนี้ไปได้ครึ่งเรื่องแล้ว

แน่นอนว่ารวมถึง เนื้อเรื่องที่เซียวเหล่งนึ่งถูกล่วงเกิน

สำหรับฉากนี้ หลินเยวียนเลือกที่จะเคารพต้นฉบับอย่างเต็มที่

ความจริงแล้วในแง่อารมณ์ หลินเยวียนเองก็อยากเปลี่ยนแปลงฉากนักรบขี่มังกร[2]นี้ไม่น้อย เพราะเหตุการณ์เซียวเหล่งนึ่งถูกอี่จี้เพ้งล่วงเกินนี้ นับเป็นความเจ็บปวดใจของแฟนศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีนับไม่ถ้วน และเรียกได้ว่าเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจยอมรับได้ของเรื่องนี้ไปตลอดกาล

แต่ว่า

การที่หยางกั้วเสียแขน และเซียวเหล่งนึ่งถูกนึกล่วงเกินนี้ กลับสะท้อนแนวคิดในนิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับ ‘ฟ้าพิการ ดินพร่อง’ได้อย่างลึกซึ้ง

นิยายของกิมย้งผ่านการแก้ไขมาหลายครั้ง แต่ฉากนี้กลับไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฉากนี้มีความสำคัญในเชิงศิลปะอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ หลินเยวียนจึงตัดสินใจจัดการเรื่องนี้อย่างมีเหตุผล และคงฉากดังกล่าวไว้ในเนื้อหา

แม้ว่าอาจมีผู้อ่านที่ไม่ชอบ

แต่ก็ใช่ว่าฉู่ขวงจะไม่เคยเขียนฉากที่ทำให้ผู้อ่านไม่พอใจมาก่อนสักหน่อย!

ในเมื่อทุกคนเรียกเขาว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงกันมาหลายปีแล้ว คาแรกเตอร์ของเขาชัดเจนอยู่แล้ว ใส่ฉากนี้ลงไปจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เอาเถอะ

หลินเยวียนเองก็เริ่มยอมรับกับการที่ฉู่ขวงมีบุคลิกของเจ้าแก่ตัวแสบเช่นนี้ไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว

[1] ฉินเอ้อร์ซื่อ จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์ฉิน เป็นโอรสของฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) มีนามเดิมว่าหูไฮ่

[2] นักรบขี่มังกร เป็นคำที่ใช้เอ่ยถึงเหตุการณ์ในเรื่องศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี ที่เซียวเหล่งนึ่งถูกอี่จี้เพ้งล่วงละเมิดทางเพศ โดยคำว่ามังกรนั้นสื่อถึงเซียวเหล่งนึ่ง ฉากนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนนิยายเป็นจำนวนมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน