เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 895

ตอนที่ 895 ชมซีหูยามฟ้าหลังฝน

ความจริงแล้วจะบอกว่ากิมย้งปล่อยให้ฉาก ‘นักรบขี่มังกร’ ในมังกรหยกภาคสองอยู่แบบเดิมโดยไม่แก้ไขเลยก็คงไม่ได้

ใช่แล้ว

นักรบขี่มังกรได้ถูกเปลี่ยนจากอิ่นจื้อผิงมาเป็นอี่จี้เพ้ง

เนื่องจากอิ่นจื้อผิงเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดการประท้วงจากศาสนาเต๋า เพราะฉะนั้นกิมย้งจึงเปลี่ยนมาใช้อี่จี้เพ้งซึ่งเป็นตัวละครสมมติแทน

หลินเยวียนเองก็เปลี่ยนแปลงตามกิมย้งเช่นกัน

การใส่ร้ายบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนจริงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร

แม้ว่าบลูสตาร์จะไม่มีอี่จี้เพ้งอยู่จริง แต่ความเคารพที่ควรมีก็ต้องคงไว้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

หลินเยวียนลงมาข้างล่างเพื่อกินข้าว พี่สาวพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายว่า “ดูเหมือนว่าเราจะไปเขาหวาซานไม่ได้แล้วละ งั้นเริ่มจากทะเลสาบซีหูที่อยู่ใกล้เราก่อน แล้วค่อยเที่ยวไปเรื่อยๆ แทน”

หลินเยวียนเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ”

พี่สาวพยักเพยิดไปทางโทรทัศน์ “ดูข่าวนั่นสิ”

หลินเยวียนมองไปที่จอโทรทัศน์ ได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ตามรายงานจากฉีโจว วันนี้การจราจรที่เขาหวาซานสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังบนบลูสตาร์เกือบจะเป็นอัมพาต จากภาพที่บันทึกไว้ เราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาล รถยนต์นับไม่ถ้วนติดขัดเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องระดมกำลังตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ค่ะ และสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพเช่นนี้ก็คือนิยายกำลังภายในเรื่องมังกรหยกของฉู่ขวง ซึ่งในเรื่องได้กล่าวถึงศึกประลองกระบี่เขาหวาซาน…”

หลินเยวียนแอบหัวเราะในใจ

เมื่อเห็นว่ามังกรหยกมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ เขาย่อมรู้สึกยินดีแทนเจ้าแก่ฉู่ขวง

แต่คงไปเขาหวาซานไม่ได้แล้ว

ถ้าหากการท่องเที่ยวกลายเป็นการไปแออัดยัดเยียดกับผู้คนนับแสน ก็จะหมดสนุกทันที แค่จินตนาการถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลเบียดเสียดกันอยู่ก็น่าหงุดหงิดแล้ว

“ทางการที่เขาหวาซานน่าตื่นเต้นกันจนเก็บอาการไม่อยู่แน่”

พี่สาวเบ้ปาก เธอผิดหวังที่ไม่ได้ไปดูการประลองยุทธ์บนหวาซาน แม้ว่าแท้จริงแล้วที่นั่นจะไม่มีการประลองยุทธ์จริงๆ ก็ตาม

ถึงกระนั้นแล้ว หลินเซวียนก็พูดไว้ถูกต้อง

เจ้าหน้าที่ของเขาหวาซานคงตื่นเต้นกันจนแทบเก็บอาการไม่อยู่

กลุ่มแช็ตของเจ้าหน้าที่เขตทัศนียภาพเขาหวาซาน นั้นครึกครื้นขึ้นมาทันที

‘นิยายของฉู่ขวงนี่มันตัวช่วยชั้นยอดจริงๆ หวาซานของเราไม่ได้คึกคักขนาดนี้มานานแล้ว!’

‘ถ้าเขาปล่อยนิยายเล่มนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนประกวดสถานที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยมของบลูสตาร์ เราคงไม่แพ้เขาไท่ซานด้วยคะแนนเฉียดฉิวแบบนั้นหรอก เสียดายจริงๆ !’

‘เธอน่าจะดีใจนะ ที่เขาไม่ได้เขียนเป็นศึกประลองกระบี่เขาไท่ซาน!’

‘จะว่าไปแล้วศึกประลองกระบี่เขาหวาซานฟังดูยิ่งใหญ่มากนะ!’

“ฉันว่าแนวคิดนี้ดีมากเลยนะ ถ้าในอนาคตมีโอกาส เราอาจจะจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโดยใช้ชื่อศึกประลองกระบี่เขาหวาซานดีไหม? แล้วก็จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ฉู่ขวงด้วย ถึงพวกเราไม่ได้เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์จากเขาก็เถอะ!’

‘เป็นความคิดที่ดีเลย ได้ผลประโยชน์แล้ว พวกเราไม่ควรทำตัวนิสัยไม่ดี!’

‘เหอะๆๆๆๆ ! ตอนนี้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นคงอิจฉาพวกเราแย่แล้วมั้ง ! มังกรหยกจงเจริญ นิยายกำลังภายในจงเจริญ ฉู่ขวงจงเจริญ!”

การคาดเดาของฝั่งหวาซานนั้นถูกต้อง

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ต่างมองดูเขาหวาซานอย่างอิจฉาตาร้อน

“ก็แค่นิยายเรื่องหนึ่ง ทำไมถึงมีอิทธิพลได้มากขนาดนี้!”

“การที่ในนิยายพูดถึงเขาหวาซานไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะคำบรรยายเรื่องศึกประลองกระบี่เขาหวาซานในมังกรหยกน่ะยอดเยี่ยมมากต่างหาก!”

“เราติดต่อฉู่ขวงได้ไหม ให้เขาช่วยฝั่งเราโปรโมตเหมือนกัน?”

“ลองดูก็ได้นะ แต่ฉู่ขวงอาจจะไม่ตกลง แถมสถานการณ์แบบหวาซานนี้ ผมว่าคงเลียนแบบได้ยากมาก”

“หวาซานนี่โชคดีจริงๆ !”

“ที่เจ็บใจที่สุดคงเป็นฝั่งเขาไท่ซาน เขาไท่ซานกับเขาหวาซานมีชื่อเสียงพอๆ กันเลย บางทีคนที่ตั้งใจไปเขาไท่ซาน อาจเปลี่ยนใจไปเขาหวาซานแทนเพราะนิยายของฉู่ขวงก็ได้ การแข่งขันระหว่างสองสถานที่นี้ก็ดุเดือดเรื่อยๆ !”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน เรามาคิดหาวิธีโปรโมตแบบเขาหวาซาน? ใช้งานวรรณกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวบ้างดีไหม”

ในขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งต่างพากันอิจฉาความสำเร็จของเขาหวาซาน

หลายแห่งก็เริ่มเกิดไอเดียที่จะใช้วรรณกรรมในการโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของตนเอง นับได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ได้รับจากนิยายของฉู่ขวง

แผนการท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นในอีกสามวันต่อมา

และในวันนี้เอง…

หลินเยวียนซึ่งเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางพร้อมครอบครัว โดยมีบอดีการ์ดหนึ่งคนร่วมทางด้วย

ส่วนหนานจี๋นั้น ก็ฝากให้ซุนเย่าโหวดูแล

จุดหมายแรกของพวกเขาคือทะเลสาบซีหู

เช่นเดียวกับที่บลูสตาร์มีสถานที่ชื่อดังอย่างเขาหวาซานและเขาไท่ซาน ทะเลสาบซีหูเองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังบนบลูสตาร์เช่นกัน

ที่สำคัญที่สุดคือ

ทะเลสาบซีหูอยู่ใกล้เมืองซูมาก

หลินเยวียนและครอบครัวเดินทางโดยรถยนต์ถึงจุดหมายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

พี่สาวปรบมือให้ “ใช้ได้นี่ ต้าเหยาเหยา!”

ต้าเหยาเหยาส่ายหัวพลางพูดว่า “แต่งได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

หลินเยวียนพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ค่อยดีจริงๆ ”

นักเขียนบทกวีคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสันทัดเรื่องแต่งการเขียนบทกวีเท่าไหร่

ต้าเหยาเหยาเริ่มไม่พอใจแล้ว เธอไม่ชอบถูกพี่ชายวิจารณ์เช่น

“งั้นพี่ก็ลองแต่งสักบทสิ!”

หลินเยวียนเกิดความคิดทันใด “งั้นเย็นนี้เธอต้องกินผัก!”

ต้าเหยาเหยากัดฟัน ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ “กินก็ได้! แต่กลอนที่พี่แต่งต้องดีกว่าหนู…ต้องแต่งให้ดีมากพอ!”

การแต่งบทกวีให้ดีกว่าของเธอ สำหรับหลินเยวียนนั้นเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว น้องสาวจึงเปลี่ยนเงื่อนไขเป็นต้องดีมากพอ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ขึ้นอยู่กับใจของเธอเอง จะดีพอหรือไม่นั้นสุดท้ายก็เป็นเธอที่เป็นคนตัดสิน

“ตกลง”

หลินเยวียนตอบ เขาไม่ต้องคิดนานหรือทำท่าคล้ายกวีที่กำลังครุ่นคิด เพียงแต่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“แสงระยิบผิวน้ำงามยามนภาผ่อง…”

“ต่อสิ”

ต้าเหยาเหยาจ้องมองหลินเยวียน

หลินเยวียนทอดมองออกไปไกล

“ขุนเขาพรางละอองยามฝนพร่างพราย”

พี่สาวมองหลินเยวียนด้วยความประหลาดใจ สายตาของเธอบอกอย่างชัดเจนว่า ‘ถึงไม่เข้าใจว่าพูดอะไร แต่ดูท่าทางจะสุดยอดมาก’

“เปรียบซีหูดั่งซีซื่อพรรณราย…”

เมื่อหลินเยวียนเอ่ยถึงประโยคนี้ สายตาของแม่ก็ถูกดึงดูดเข้ามาด้วยเช่นกัน คล้ายกับกำลังสงสัยว่า หลินเยวียนจะพูดอะไรต่อไป

นี่คือผลงานชิ้นเอกของซูตงพัว ‘ชมซีหูยามฟ้าหลังฝน’

โชคดีที่ในโลกนี้ยังมีซีซื่อ หลินเยวียนคิดในใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา

“งามมิคลายจะแต่งเข้มหรือแต้มบาง”

แม่มองด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความประหลาด

พี่สาวตกตะลึง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ

ส่วนต้าเหยาเหยาก็ถึงกับทึ่งจนพูดไม่ออก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน