เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 896

ตอนที่ 896 โปรโมตทะเลสาบซีหู

ฝนหยุดตก

ฟ้าสดใสแล้ว

หลินเยวียนและครอบครัวขึ้นจากเรือ

ฝนที่เพิ่งโปรยปรายลงมาไม่หนักมากนัก นักท่องเที่ยวที่ซีหูจึงไม่ได้ลดลงเลย หนำซ้ำอากาศยิ่งสดชื่นกว่าเดิม ความชุ่มฉ่ำจากฝนทำให้ลมที่พัดผ่านมานั้นเย็นสบาย พลอยให้รู้สึกสดชื่นจับใจ

พวกเขาเดินเที่ยวชมสถานที่กันต่อไป

เมื่อเดินผ่านสะพานไปข้างหน้า จู่ๆ บริเวณนั้นก็พลันคึกคักขึ้นมาทันที ดูเหมือนจะมีการจัดกิจกรรมบางอย่างอยู่ โดยรอบเต็มไปด้วยผู้คนที่มุงดูอยู่

ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ขอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านสู่ทะเลสาบซีหูอันแสนงดงามของเราค่ะ! วันนี้ทางเขตทัศนียภาพทะเลสาบซีหูของเราขอแนะนำกิจกรรม ประกวดบทกวีเกี่ยวกับความงามของทะเลสาบซีหู ท่านสามารถแต่งบทกวีที่เกี่ยวข้องกับทิวทัศน์ของซีหูได้ หากผลงานของท่านได้รับความสนใจจากคณะกรรมการ ก็จะได้รับโอกาสในการจับรางวัล โดยรางวัลที่น้อยที่สุดคือบัตรโดยสารเรือฟรีหนึ่งใบ และรางวัลสูงสุดคือ เงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวนค่ะ ทุกท่านแสดงความสามารถให้เต็มที่ ผลงานของท่านอาจมีโอกาสได้ขึ้นไปปรากฏในรายการโทรทัศน์เพื่อใช้โปรโมตเขตทัศนียภาพ หากได้รับเลือก เรายังมีค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมให้ด้วยนะคะ…”

บทกวี?

จับรางวัล?

พี่สาวหัวเราะพลางกอดคอหลินเยวียน “กลอนที่นายแต่งบนเรือนั่นก็ไม่เลวเลยนี่นา พวกเราใช้บทนั้นลงแข่งไปเลยดีไหม อย่างน้อยก็ลุ้นรางวัลจับฉลากได้สักหน่อย?”

หลินเยวียน “…”

อยากจะขอบคุณท่านเซียนซูแทนคุณจริงๆ

บทกวีเกี่ยวกับทะเลสาบซีหูที่ยิ่งใหญ่และโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ จะให้เอาไปแลกกับโอกาสลุ้นรางวัลที่สูงสุดก็แค่หมื่นหยวนเนี่ยนะ

พี่สาวพยายามยุยงเต็มที่ “ยังไงก็ใส่หน้ากากอยู่ ไม่มีใครจำได้หรอก!”

แม่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมาพลางเอ่ยว่า “การประกวดบทกวีเพื่อโปรโมตซีหูครั้งนี้ น่าจะเอามาจากวิธีของเขาหวาซาน ทางนั้นดังเป็นพลุแตกจาก การศึกประลองกระบี่เขาหวาซานในมังกรหยก ซีหูก็คงอยากใช้บทกวีมาสร้างจุดขายให้ตัวเองต่างออกไปบ้าง”

เลียนแบบวิธีของเขาหวาซานเหรอ?

โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวผ่านผลงานวรรณกรรม? หลินเยวียนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที กลิ่นของค่าความโด่งดังโชยมาตรงหน้าเขาแล้ว…

“งั้นพวกเราไปลงชื่อกันเถอะ”

“พี่จะไปต่อแถวเดี๋ยวนี้เลย”

พี่สาวกระตือรือร้นสุดๆ

ความจริงแล้ว นักท่องเที่ยวหลายคนในงานก็ค่อนข้างมีความกระตือรือร้นเช่นกัน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวนมาก และมีคนทยอยแต่งบทกวีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่นานก็มาถึงคิวของหลินเยวียน

หลินเยวียนรับแบบฟอร์มของตนเองมา และกำลังจะลงมือเขียน แต่จู่ๆ พี่สาวกลับหันไปถามเจ้าหน้าที่ว่า “ที่นี่มีพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกไหมคะ?”

เจ้าหน้าที่ตอบทันที “มีค่ะ”

เจ้าหน้าที่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ายิ้มพลางพูดว่า “พวกคุณมาจากจ้าวโจวใช่ไหมคะ ชาวจ้าวโจวน่ะชอบเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันมากเลยละคะ”

พี่สาวยิ้มพลางตอบ “พวกเราเป็นคนท้องถิ่นค่ะ”

ทะเลสาบซีหูอยู่ไม่ไกลจากเมืองซู การบอกว่าเป็นคนท้องถิ่นก็ไม่ผิดอะไร อีกทั้งซีหูก็อยู่ในเขตของ ฉินโจว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของภูมิภาค การไหลเวียนของนักท่องเที่ยวในแต่ละวันนั้นมหาศาลจนแทบจะหล่อเลี้ยงทั้งเมืองได้เลย ชาวฉินโจวต่างก็รู้สึกผูกพันกับที่นี่

ไม่นานนัก…

พู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว

คนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะใช้แค่กรอกแบบฟอร์มธรรมดา จึงมีไม่กี่คนที่เลือกใช้พู่กันและกระดาษอย่างหลินเยวียน นั่นทำให้เขาดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนพยายามมองใบหน้าของหลินเยวียน แต่ก็เห็นไม่ชัดเพราะถูกปกปิดด้วยหน้ากากและหมวก

ไม่มีใครคิดว่ามันแปลกประหลาดอะไร

บางครั้งก็มีนักท่องเที่ยวที่สวมหมวกและหน้ากากมาเที่ยวทะเลสาบซีหูเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางคนที่สวมแว่นกันแดดด้วย ดูไปดูมาก็คล้ายกับเหล่าคนดังที่ออกมาท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน

ข้อมือขยับเล็กน้อย

หลินเยวียนเริ่มลงมือเขียน

พู่กันลากไปอย่างราบรื่นไร้ติดขัด บทกวีบทหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนในเวลาไม่นาน พร้อมกับชื่อของบทกวี ‘ชมซีหูยามฟ้าหลังฝน’

[แสงระยิบผิวน้ำงามยามนภาผ่อง ขุนเขาพรางละอองยามฝนพร่างพราย]

[เปรียบซีหูดั่งซีซื่อพรรณราย งามมิคลายจะแต่งเข้มหรือแต้มบาง]

ทันทีที่ทุกคนได้เห็นบทกวีบทนี้ สีหน้าของนักท่องเที่ยวโดยรอบ ก็เปลี่ยนไปทันที และความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของพวกเขาก็คือ

ลายมือสวยมาก!

หลินเยวียนมีทักษะด้านการเขียนพู่กันระดับปรมาจารย์ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับทักษะปลายพู่กันผลิบุปผา ทว่าการชื่นชมผลงานเขียนตัวอักษรนั้นมีมาตรฐานที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าจิตรกรรม อีกทั้งการตัวอักษรเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้อยู่แล้ว ดังนั้นคนทั่วไปจึงพอจะบอกได้ว่าลายมือนั้นสวยหรือไม่ เพียงแต่จะให้ระบุโดยละเอียดว่าสวยอย่างไรหรือดีเลิศขนาดไหน ก็อาจจะเกินความสามารถของคนทั่วไป

ปฏิกิริยาต่อมาคือ

กลอนช่างไพเราะยิ่งนัก นี่มันยอดบทกวีชัดๆ!

ในตอนแรกทุกคนให้ความสนใจกับลายมือเป็นหลัก จึงยังไม่ได้พิจารณาความงดงามของบทกวีโดยทันที ถึงอย่างไรการซึมซับความหมายและความงามของบทกวีนั้นต้องใช้เวลา แต่เมื่อผู้คนเริ่มหลุดออกจากความงดงามของลายมือที่ตราตรึงใจได้แล้ว พวกเขาก็พลันตกอยู่ในห้วงเสน่ห์ของบทกวีที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง ความงดงามนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าศิลปะแห่งลายมือด้วยซ้ำ

รางวัลระดับต่ำสุด

ใบหน้าของพี่สาวซีดเผือดทันที “มือตกสุดๆ !”

เสี่ยวเหยาเหยาทำหน้าตาใสซื่อ “ก็ได้รางวัลแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เอาเถอะ!

ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ถ้าไม่พอใจก็แค่นั่งเรืออีกรอบก็เท่านั้น

แต่ก่อนที่หลินเยวียนและครอบครัวจะออกมา กรรมการกลับยืนกรานขอให้พวกเขาทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ สุดท้าย หลินเยวียนก็เดินไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของอีกฝ่าย

กรรมการถึงกับอึ้งค้างไปทันที!

ส่วนหลินเยวียนก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว รีบพาครอบครัวออกจากที่นั่นทันที

ต้าเหยาเหยาหันมาถามด้วยความสงสัย “พี่ไปพูดอะไรกับเขาน่ะ”

หลินเยวียนตอบว่า “ไปบอกว่าผมคือเซี่ยนอวี๋”

พี่สาวหัวเราะลั่น “นายกล้าประกาศตัวตนตรงๆ เลยเหรอ? มิน่าล่ะ สีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนไปทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเชื่อหรือเปล่า”

หลินเยวียนเอ่ย “ก็ให้เขาลองพิสูจน์ดูสิ”

ที่เขาจงใจเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเซี่ยนอวี๋ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าบทกวีนี้จะได้รับเลือกจากแหล่งท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบซีหู เพราะเขาเข้าใจดีถึงอิทธิพลของชื่อเสียง

แล้วทำไมไม่บอกว่าเป็น ฉู่ขวงน่ะหรือ?

ก็เพราะ ฉู่ขวงไม่เคยเปิดเผยตัวตนในชีวิตจริงมาก่อน

หลินเยวียนจึงคิดว่าการใช้ชื่อเซี่ยนอวี๋นั้นปลอดภัยกว่า

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นฉู่ขวงหรือเซี่ยนอวี๋ ต่างก็สามารถเขียนบทกวีได้ดีเหมือนกันอยู่แล้ว

ส่วนเหตุผลที่ต้องเปิดเผยตัวตนก็ง่ายมาก

ด้วยจำนวนผู้คนที่มาเที่ยวทะเลสาบซีหูที่มหาศาล ถ้าบทกวีบทนี้ถูกนำไปใช้เป็นสโลแกนโปรโมตทะเลสาบซีหูจริง ๆ การโปรโมตในครั้งนี้ย่อมจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้หลินเยวียนอย่างมาก

ไหนๆ ฉู่ขวงก็ช่วยโปรโมตเขาหวาซานไปแล้ว

เซี่ยนอวี๋จะช่วยโปรโมตทะเลสาบซีหูบ้างไม่ได้หรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน