ตอนที่ 902 โลหิตเหล็กใจภักดิ์
พ่อกับแม่ไม่สนใจคำพูดของหลี่เฟิงเลย
หลังจากเพลงเปิดตัวจบลง เนื้อเรื่องก็เริ่มต้นขึ้น
ดูไปได้ไม่ถึงสิบนาที พ่อก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม
“ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีมาก นักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลงตัว ชิวฉู่จีเองก็ดูมีเสน่ห์แบบเดียวกับในนิยายเลย ฉากหมู่บ้านหนิวเจียตอนนี้ก็ถอดแบบจากนิยายมาอย่างสมบูรณ์!”
“แล้วพระเอกล่ะ คนไหนคือพระเอก?”
แม่ถามขึ้นด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันก็เริ่มถูกเรื่องราวดึงดูด
พ่อยิ้มพลางตอบว่า “พระเอกยังอยู่ในท้องของหลีเพ้งอยู่เลย ดูจากการถ่ายทำที่เก็บรายละเอียดตามต้นฉบับนิยายแบบนี้นะ ตอนที่สองน่าจะออกมา เอาเบียร์มาให้พ่อหน่อย วันนี้พ่ออารมณ์ดี จะดื่มสักนิด!”
“ดื่มให้น้อยหน่อย”
แม่บ่นเบาๆ พลางรินเหล้าให้พ่อหนึ่งแก้ว
พ่อจิบเหล้าเล็กน้อยก่อนจะกลับมานั่งดูโทรทัศน์ต่อด้วยอารมณ์แจ่มใส เขาพอใจกับคุณภาพการถ่ายทำของละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ข้างๆ กัน
หลี่เฟิงทำทีเป็นไม่สนใจอะไร แต่สายตากลับลอบจับจ้องไปยังละคร ‘มังกรหยก’ ที่ฉายอยู่บนจอทีวี
ฮึ!
ขอดูแค่แป๊บเดียว!
นี่ไม่ใช่เพราะฉันอยากดูเองนะ!
“ก็เพราะกำลังกินข้าวอยู่ แล้วพ่อก็ดูละครเรื่องนี้ ฉันเลยไม่มีทางเลือกน่ะสิ”
หลี่เฟิงปลอบใจตัวเองในใจเงียบๆ จากนั้นก็นั่งมองจอทีวีไปพร้อมกับครอบครัว และเริ่มซึมซับความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับละครเรื่องนี้
แต่แล้ว…
เมื่อจบตอนแรกไป
ข้าวในชามของหลี่เฟิงหมดเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว แต่เขายังนั่งอยู่ที่โต๊ะข้าว ไม่ขยับตัวไปไหน ยังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์ด้วยสมาธิเต็มเปี่ยม
“เกือบลืมล้างจานแน่ะ!”
แม่ยกมือตบหน้าผากตัวเอง เพราะมัวดูละครจนเพลิน!
แม่เตรียมจะลุกขึ้นไปเก็บจาน แต่ทันทีที่เพิ่งยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ เสียงเพลงหนึ่งก็ดังขึ้น
ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
แม่ที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมทั้งสายตาที่หันกลับไปจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์
ในเวลาเดียวกัน
หลี่เฟิงและพ่อก็ตาโตขึ้นโดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางความเงียบสงบของบรรยากาศ ทุกคนต่างดื่มด่ำกับบทเพลงนั้นอย่างตั้งใจ
“ฝันลางเลือนคล้ายคุ้นตา
ใจสั่นไหวในคลื่นแห่งกาล
ทิ้งทุกข์โศก ลืมรอยแผล
เดินร่วมทางฟ้าสุดแสนไกล
ท่องทั่วทุ่งลมหนาวพัดผ่าน
ฝ่าแดนทรายฟ้ากว้างไร้สิ้นสุด
ไม่หวั่นเกรงหิมะพัดซัดโถม
หัวเราะท้าชีวิตไม่เคยสิ้นหวัง
รักดังสายน้ำ ตัดไม่ขาด
สายใยพันผูกแม้ผ่านอุปสรรค
ทั้งรักทั้งบุญคุณยากตัดขาด
อยู่ในใจนิรันดร์ดั่งสายธาร…”
ยังคงเป็นการร้องคู่ระหว่างเฉินจื้ออวี่และจ้าวอิ๋งเก้อ ซึ่งการประสานเสียงของทั้งคู่เรียกได้ว่าเป็นระดับตำราเรียน แม้ว่าจะร้องเนื้อเพลงที่แตกต่างกัน แต่กลับให้ความรู้สึกที่กลมกลืนและลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่แหละคือเพลง ‘ใจภักดิ์โลหิตเหล็ก’!
ขณะฟังเพลงนี้ พ่อถึงกับตบต้นขาดังลั่น แล้วกระดกเหล้าที่เหลืออยู่ในแก้วจนหมดพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างฮึกเหิม
“ร้องได้ยอดเยี่ยมมาก!”
“เพราะยิ่งกว่าเพลงเปิดเพลงนั้นเรื่องอีก!”
แม่ที่ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงก็เงียบฟังอย่างตั้งใจ พร้อมจดชื่อเพลงที่ปรากฏบนหน้าจอไว้อย่างเงียบๆ ตั้งใจว่าจะไปดาวน์โหลดมาฟังภายหลัง
“เพลงนี้เซี่ยนอวี๋แต่งสินะ”
หลี่เฟิงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ เพราะทั้งเพลงเปิดและเพลงปิดล้วนเป็นเพลงที่คลาสสิกมาก การที่ซีรีส์กำลังภายในมีเพลงประกอบเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะพบเจอ
“เอ๊ะ?”
แม่หยอกล้อลูกชายพร้อมยิ้มอย่างล้อเลียน “ข้าวก็กินหมดแล้ว ทำไมยังนั่งอยู่อีกล่ะลูดก ไหนบอกว่าจะไม่ดู…”
“ก็พ่อแม่บังคับให้ผมดูนี่นา”
หลี่เฟิงทำหน้าไม่แยแส ก่อนลุกขึ้นพูดว่า “พ่อแม่ดูต่อไปเถอะ ผมไม่สนใจในซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายของเจ้าแก่ฉู่ขวง ไปทำงานในห้องดีกว่า!”
…
ในขณะเดียวกัน
ซีรีส์พิชิตพยัคฆ์ก็ออกอากาศตอนแรกเช่นกัน!
หลายคนสงสัยว่า หลิ่วเยี่ยเตาผู้เขียนนิยายต้นฉบับจะดัดแปลงผลงานชิ้นเอกของตนเองอย่างไร แต่เมื่อตอนแรกออกมา ผู้ชมมากมายถึงกับตกตะลึง!
‘ให้ตายสิ!’
‘นี่มันเปลี่ยนไปเยอะมาก!’
‘ตัวร้ายอันดับหนึ่งในนิยายต้นฉบับอย่างหัวหน้าลัทธิมารกลับถูกเปลี่ยนให้เป็นผู้หญิง แถมยังมาตกหลุมรักพระเอกตั้งแต่ตอนแรกอีกด้วย?’
‘นี่มันอะไรกัน?’
‘นางเอกในต้นฉบับที่ไม่มีวรยุทธ์ แต่ในเวอร์ชันนี้เปิดเรื่องมาก็เก่งกว่าพระเอก แถมยังขโมยพลังวิเศษของพระเอกไปอีก แล้วยังกลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในยุทธภพที่ใครๆ ก็หลงใหล?’
‘ตัวร้ายกับนางเอกหลงรักพระเอกพร้อมกัน?’
‘เปิดเรื่องมาก็ให้นางเอกปะทะกับหัวหน้าลัทธิมารที่ถูกปรับบทให้ดูนุ่มนิ่มแบบตัวละครหญิง แถมยังมีบรรยากาศชิงดีชิงเด่นเพราะพระเอกอีกด้วย?’
‘ฉันชอบพล็อตเรื่องแบบนี้มาก!’
‘หลิ่วเยี่ยเตากล้าปรับบทเกินไปแล้ว!’
‘ชอบอะไรกัน นี่มันการดัดแปลงแบบไร้เหตุผล ชัดๆ แถมหัวหน้าลัทธิมารยังถูกปรับบทให้นุ่มนิ่มอีก ดูเหมือนจะพยายามเลียนแบบตัวละครเจียงอวี้เยี่ยน!’
ทำไมถึงจบแค่นี้?
ความกระตือรือร้นที่จะรู้เรื่องราวต่อไปของเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง กลับยิ่งเพิ่มความกระวนกระวายให้หนักขึ้นไปอีก!
ทันใดนั้นเอง
เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า
หรือว่าจะซื้อนิยายต้นฉบับมาอ่านดีนะ?
แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลี่เฟิงก็รีบส่ายหัวแรงๆ “ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันกลับไปอ่านนิยายของหมอนั่นอีกแล้ว! รอซีรีส์ออกตอนใหม่อย่างเดียวก็พอแล้ว!”
เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
อาบน้ำเพื่อสงบจิตใจที่กำลังว้าวุ่นสักหน่อย
หลังอาบน้ำเสร็จ หลี่เฟิงก็รู้สึกว่าจิตใจสงบลงไม่น้อย
“เกือบไปแล้ว เกือบโดนล่อลวงจนตกหลุมพรางของเจ้าแก่ฉู่ขวงอีกครั้ง…”
หืม?
นั่นอะไรน่ะ?
ทันใดนั้นหลี่เฟิงก็สังเกตเห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ชื่อหนังสือเขียนไว้ชัดเจนว่า ‘มังกรหยก’!
นี่น่าจะเป็นของพ่อที่ซื้อมา
จิตใจที่สงบลงแล้วของหลี่เฟิงกลับปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง หนังสือ ‘มังกรหยก’ เล่มนี้เหมือนมีมนตร์สะกดบางอย่าง ล่อลวงให้เขาเปิดอ่าน
ในที่สุด
ครั้งนี้หลี่เฟิงก็ทนไม่ไหว เขายื่นมือไปหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน ทุกการกระทำเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในใจกลับพยายามปลอบตัวเอง
‘ก็แค่อ่านดูว่าตอนที่สี่มีอะไรเท่านั้นเอง’
…
ห้านาทีผ่านไป
“อ่านต่ออีกนิด ดูว่าตอนที่ห้ามีอะไรบ้าง”
…
ผ่านไปอีกสักพัก
“หรือจะอ่านต่อไปจนถึงตอนที่หกเลยดี?”
…
เส้นแบ่งความตั้งใจถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่งได้ยินเสียงพ่อเคาะประตูจากด้านนอกว่า “ท้องผูกก็ไม่นานขนาดนี้หรอกนะ พ่อจะเข้าห้องน้ำ!”
“เดี๋ยวออกไปแล้ว!”
หลี่เฟิงรู้สึกละอายใจอย่างมาก รีบเปิดประตูออกไปทันที
พ่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ นั่งลงบนชักโครก สายตามองหาอะไรบางอย่างโดยอัตโนมัติ แต่หาอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เจอ พลางพึมพำด้วยความมึนเมาเล็กน้อยว่า
“หนังสือของฉันไปไหน”
อีกด้านหนึ่ง หลี่เฟิงกลับมาที่ห้องนอนแล้ว
เขาหยิบมังกรหยกที่เพิ่งแอบหยิบออกมาจากห้องน้ำอย่างลับๆ แล้วนั่งบนเตียงเปิดอ่านอย่างกระหาย…

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...