ตอนที่ 901 ในโลกนี้เจ้าดีที่สุดเสมอ
ในวงการนิยายกำลังภายใน
หลายคนกำลังเฝ้ารอติดตามการออกอากาศของมังกรหยกแต่กลับต้องมาเจอกับข่าวที่ทำให้พวกเขาหัวเราะทั้งน้ำตา
“สูสีห้าสิบห้าสิบ”
“พูดอะไรออกมาเนี่ย”
“ดูจากระดับของมังกรหยกแล้วนะ ต่อให้เป็นฉานหยางกับชิงอวิ๋นยังไม่กล้าพูดเลยว่าตัวเองจะสูสีกับเจ้าแก่ฉู่ขวง แต่หลิ่วเยี่ยเตานี่กลับกล้าพูด”
“เขาหมายถึงซีรีส์ต่างหาก”
“งั้นเขาควรจะเพิ่มคำว่า ‘ซีรีส์’ เข้าไปด้วย ไม่งั้นฟังดูยังไงก็ระคายหู แล้วยังไม่รู้สึกอายอีกเหรอ”
“ถ้าซีรีส์ชนะเจ้าแก่ฉู่ขวงได้ เขาคงเอาไปโม้ได้เป็นปีแน่”
ในวงการนิยายกำลังภายในมีคนไม่พอใจแต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาเข้าข้างเจ้าแก่ฉู่ขวงเป็นเพราะไม่ชอบคำพูดของหลิ่วเยี่ยเตาที่ว่า ‘ผมกับฉู่ขวงสูสีกันห้าสิบห้าสิบ’ เพราะนั่นเป็นการบิดเบือนความจริง คนไม่รู้อาจคิดว่าเขากำลังพูดถึงความสามารถในการเขียนนิยายกำลังภายในของตัวเองว่าเทียบเท่ากับเจ้าแก่ฉู่ขวงก็ได้
…
วงการซีรีส์
มีหลายคนจับตาสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่สตาร์ไลท์ท้าทายปู้ลั่วอย่างตรงไปตรงมา การพูดคุยในวงการจึงคึกคักขึ้น
“สตาร์ไลท์กล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“น่าจะโดนปู้ลั่วกดดันจนถึงขีดสุดแล้ว ปู้ลั่วมีทรัพยากรในมือเยอะมาก คอยจำกัดกิจกรรมของนักแสดงในสังกัดสตาร์ไลท์ ทำให้งานของนักแสดงหลายคนโดนขัดขวาง”
“ถึงจะเป็นทุนใหญ่เหมือนกัน แต่ปู้ลั่วมีอิทธิพลเหนือกว่าสตาร์ไลท์มาก”
“แต่ตอนนี้อิทธิพลของปู้ลั่วก็เริ่มลดลงแล้ว”
“หลังจากสามสหายเมื่อมาถึงบล็อก ก็ทำให้บล็อกพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น ปู้ลั่วที่เป็นทุนใหญ่ก็ยังไม่ถึงขั้นได้รับผลกระทบร้ายแรง”
“ครั้งนี้คุณเชียร์ฝ่ายไหน?”
“สตาร์ไลท์มีซีรีส์มังกรหยก ส่วนปู้ลั่วมีซีรีส์พิชิตพยัคฆ์พูดยากอยู่ เพราะถึงนิยายจะดีแค่ไหน ก็ต้องดูว่าซีรีส์ที่สร้างออกมาจะเป็นยังไง หลิ่วเยี่ยเตาพูดไม่ผิดนะ สองฝ่ายถือว่าห้าสิบห้าสิบ”
มังกรหยกกับพิชิตพยัคฆ์
ชื่อซีรีส์ของทั้งสองฝั่ง แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะปะทะกันชัดเจน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่ได้สังเกตเห็น!
เมื่อคิดดูแล้ว
หากทั้งสองฝ่ายไม่ปะทะกันถึงจะแปลก
ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะมองข้าม เช่น ความบาดหมางระหว่างหลิงคงกับสามสหาย ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าแก่ฉู่ขวงกับหลิ่วเยี่ยเตา หรือแม้แต่ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสตาร์ไลท์กับปู้ลั่ว
…
บนโลกออนไลน์
ความกระตือรือร้นของชาวเน็ตที่กำลังเฝ้ารอดูเหตุการณ์นี้พุ่งสูงขึ้นสุดขีด บรรยากาศเหมือนย้อนกลับไปช่วงที่บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศปะทะ ดึกดำบรรพ์ โดยมีผู้สนับสนุนทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก
‘ฉันเชียร์มังกรหยก!’
‘ผมสนใจพิชิตพยัคฆ์มากกว่า หลิ่วเยี่ยเตาบอกว่าการดัดแปลงครั้งนี้จะพลิกโฉมการรับรู้ของเราเกี่ยวกับผลงานนี้ ฟังแล้วรู้สึกอยากดูจริงๆ ’
‘ตอนเด็กๆ ผมชอบพิชิตพยัคฆ์มากเลย’
‘ฉันเองก็เคยอ่านนิยายของหลิ่วเยี่ยเตาเหมือนกัน แต่หลังจากอ่าน มังกรหยกแล้ว รู้สึกว่านิยายกำลังภายในเรื่องอื่นๆ ไม่น่าสนใจอีกเลย ยังไงก็ขอสนับสนุนสตาร์ไลท์’
‘หรือสุดท้ายจะจบแบบเสมอกัน?’
‘ฝั่งมังกรหยกหลักๆ ก็ต้องดูว่าทำออกมาเป็นยังไง ถ้ารักษาความสมจริงได้สูงก็ไม่มีปัญหา ส่วนพิชิตพยัคฆ์ ต้องดูว่าดัดแปลงออกมาแบบไหน ถ้าหลิ่วเยี่ยเตาสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ ความหวังของเขาก็มีไม่น้อย’
‘รีบฉายเถอะ!’
‘ขอแค่เนื้อเรื่องสนุก ผมดูทั้งสองเรื่องเลย ง่ายๆ แค่นี้ จะไปกังวลอะไรกันนัก’
…
ท่ามกลางการรอคอยของทุกฝ่าย วันที่ 23 มีนาคมก็มาถึงในที่สุด!
ค่ำคืนวันนั้น
ณ บ้านหลังหนึ่งในฉินโจว
กลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวลไปทั่ว
ผู้เป็นแม่ถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะตะโกนว่า
“เสี่ยวเฟิง มากินข้าวได้แล้ว!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบเดินออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทีเริงร่า
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าหลี่เฟิง เป็นพนักงานฝึกหัดที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ แต่ละวันทำงานจนเหนื่อยแทบขาดใจ สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดก็คือการได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่
“จริงสิ”
พ่อหยิบรีโมตขึ้นมา “ซีรีส์กำลังจะเริ่มแล้ว”
เสี่ยวเฟิงถามขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่า “ซีรีส์อะไรเหรอ”
พ่อบอกว่า “ก็ซีรีส์มังกรหยกของฉู่ขวงนักเขียนคนโปรดของแกไง เขาว่ากันว่าคืนนี้ฉายรวดเดียวสามตอนเลยนะ”
“ผมไม่ชอบเขา!”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...