เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 916

ตอนที่ 916 พบเอี้ยก้วยเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งชั่วชีวิต

บลูสตาร์มีเหตุการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนที่สุดในประวัติศาสตร์ห้าครั้ง

ครั้งแรกเกิดจากเพลงจูบลาของเซี่ยนอวี๋ซึ่งมีทั้งภาษากลางและภาษาอังกฤษ

ครั้งที่สองเกิดจากซีรีส์เรื่องโคมวิเศษของอี้อัน ซึ่งทำเทพเอ้อร์หลางหยางเจี่ยนพลิกภาพลักษณ์แบบสุดขั้ว

และวันนี้

เหตุการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนระดับตำนานครั้งที่สามก็ได้ถือกำเนิดขึ้น!

และเกิดจากนิยายศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีของฉู่ขวง ที่กวาดยอดขายในจ้าวโจวแบบถล่มทลาย!

เมื่อข้อมูลยอดขายแสดงให้เห็นว่าศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีมียอดขายสูงสุดในจ้าวโจว ชาวจ้าวโจวทุกคนถึงกับหน้าเสีย ความอับอายนี้แทบทำให้พวกเขาใช้นิ้วเท้าแคะพื้นจนแทบสร้างทวีปใหม่ได้เลย…

บัดซบบบบบบบ!

นี่มันตบหน้ากันชัดๆ!

ชาวจ้าวโจวหน้าแดงก่ำกันขึ้นมาทันตาเห็น

เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งออกมาพูดสาดเสียเทเสียเทพอภินิหารจ้าวอินทรีกันอย่างเต็มที่ ทว่าทันทีที่มีสื่อเปิดเผยข้อมูลว่าหนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมในจ้าวโจวมากแค่ไหน

‘ใครพูดผมเปล่านะ?’

‘ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไหนยืนยันหนักแน่นไงว่าไม่อ่านศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี แล้วคนที่ซื้อหนังสือเป็นคนจ้าวโจวตัวปลอมหรือไง?’

‘โดนตบหน้าเข้าให้แล้ว!’

‘จ้าวโจว: คนของเราน่ะ ไม่ได้สนใจศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีหรอก!’

‘แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว!’

‘ปากไม่ตรงกับใจนี่นา!’

‘คนจ้าวโจวเป็นต้นแบบของตัวละครซึนเดเระที่แท้จริงเลยนะเนี่ย คล้ายๆ กับเล็กบ่อซังที่ปากบอกว่าเอี้ยก้วยโง่ แต่ในแววตามีแต่คำว่าชอบๆๆ!’

‘ไม่เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่หลงใหลนิยายกำลังภายในจริงๆ’

ชาวเน็ตจากฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน และหานพากันหัวเราะลั่น ต่างคนต่างคอมเมนต์หยอกล้อกันสนุกสนานราวกับกำลังมีงานปาร์ตีอันแสนคึกคัก!

และแน่นอนข้อมูลสถิติไม่มีทางโกหก

ระดับความเคืองแค้นในครั้งนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่ทุกคนหวนนึกถึงตอนที่เซียวเหล่งนึ่งถูกพรากพรหมจรรย์!

เหตุการณ์นั้นทำให้ชาวจ้าวโจวโกรธจนต้องรวมกลุ่มและจัดกิจกรรมส่งมีดไปหาฉู่ขวงไปแล้วหลายครั้ง!

ไอ้บ้าเอ๊ย!

ไม่ว่าจะคิดยังไง ทุกอย่างเป็นความผิดของฉู่ขวงทั้งนั้น!

แน่นอนว่าไม่ใช่ชาวจ้าวโจวทุกคนจะรู้สึกอับอาย

ตัวอย่างเช่น อาจารย์ฉานหยาง ปรมาจารย์แห่งวงการนิยายกำลังภายในของจ้าวโจว

ตกเย็น

ฉานหยางได้โพสต์บทความลงบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของจ้าวโจว ในหัวข้อ ‘มุมมองส่วนตัวต่อศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี’ ซึ่งในบทความดังกล่าวเต็มไปด้วยถ้อยคำยกย่องและชื่นชมผลงานชิ้นนี้

และเขายังได้เสริมการตีความเกี่ยวกับความรักในศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีไว้อีกด้วย

‘ใครๆ ก็มักจะพูดกันว่าพบเอี้ยก้วยเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งชั่วชีวิต

นั่นเป็นเหตุผลที่เรามักจะนึกถึงความรักที่ไม่สมหวังของเล็กบ่อซัง เที้ยเอ็ง กงซุนเล็กงัก และก๊วยเซียง

ทว่าแท้จริงแล้ว เรื่องราวความรักที่ถูกถ่ายทอดในเรื่องศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีนั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้

บู๊ซำทง ลี้มกโช้ว ลิ้มเฉียวเอ็ง ก๊วยพู้ หรือแม้แต่กงซุนจี้

ทุกคนต่างก็มีเรื่องราวความรักของตนเอง

เช่น บู๊ซำทงแท้จริงแล้วหลงรักบุตรบุญธรรมของตนเองอย่างฮ่อง้วนกุน แต่ด้วยข้อจำกัดทางสถานะ ทำให้เขาไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกออกไปได้

ลี้มกโช้วที่รักเล็กเต็งง้วนอย่างสุดหัวใจ น่าเสียดายที่โชคชะตาที่เล่นตลกทำให้นางไม่สมหวังในรัก สุดท้ายจึงระเบิดความแค้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง

สุดท้าย

เล็กเต็งง้วนและฮ่อง้วนกุนจบชีวิตลงในที่สุด

เหลือทิ้งไว้เพียงบู๊ซำทงที่กึ่งเสียสติ และนางมารชุดแดงอย่างลี้มกโช้ว

เรื่องราวเหล่านี้ล้วนทำให้ผู้คนอดรู้สึกเวทนาไม่ได้

เช่นเดียวกับลิ้มเฉียวเอ็งที่รักเฮ้งเต็งเอี๊ยงอย่างสุดหัวใจ ถึงกระนั้นเฮ้งเต็งเอี๊ยงกลับเย็นชาต่อความรัก เขายอมพ่ายแพ้เสียดีกว่ายอมรับความรู้สึกของตัวเอง

สุสานโบราณของลิ้มเฉียวเอ็งและสำนักเต็งเอี๊ยงของเฮ้งเต็งเอี๊ยงจึงได้เพียงตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามกัน ราวกับจ้องมองกันไปชั่วนิจนิรันดร์ จนกระทั่งพวกเขาล่วงลับ และกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าของผู้คนรุ่นหลัง

ก๊วยพู้หญิงสาวที่แต่งงานกับเยลุกชี้มานานหลายปี กว่าจะตระหนักว่าตนเองมีเอี้ยก้วยอยู่ในใจเสมอมา ก่อนหน้านี้พี่น้องตระกูลบู๊ต่างก็หลงรักนาง ถึงขั้นยอมสละชีวิตเพื่อนางเพียงผู้เดียว

กงซุนจี้เจ้าหุบเขาไร้รัก แม้จะเป็นวายร้าย แต่ความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวระหว่างเขากับคิ้วโชยเซียะ เมื่อมาลองใคร่ครวญให้ลึกซึ้งแล้ว ก็ชวนให้รู้สึกเวทนาไม่แพ้กัน

เพราะท้ายที่สุด คู่เวรคู่กรรมคู่นี้ก็ต้องมาตายพร้อมกัน ร่างของทั้งคู่แหลกสลายกลายเป็นก้อนเนื้อเดียวกัน แยกออกจากกันไม่ได้อีกตลอดกาล

มีคนคิดว่ากิมย้งถูกกดดันจากผู้อ่าน จนต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้เซียวเหล่งนึ่งและเอี้ยก้วยกลับมาพบกันอีกครั้ง

แต่ปรมาจารย์ท่านนี้ได้ออกมาปฏิเสธ พร้อมทั้งอธิบายว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องเพียงเพราะความคิดเห็นของผู้อ่าน

ที่เขาไม่ได้เขียนให้เซียวเหล่งนึ่งตาย เนื่องจากในระหว่างที่เขาเขียนเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งและเห็นใจในความรักของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง จนสุดท้ายก็ไม่อาจลงมือพรากชีวิตเธอไปได้

ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบแน่ชัด

แต่เมื่อผู้อ่านเห็นโพสต์ของฉู่ขวง ก็พากันตกใจจนเหงื่อตก และแห่กันเข้าไปถล่มคอมเมนต์กันจนแน่นขนัด!

‘กล้าเรอะ!’

‘ถ้าเซียวเหล่งนึ่งตาย ฉันจะบล็อกคุณ แล้วเลิกอ่านนิยายของคุณตลอดชีวิต!’

‘ขอบคุณที่ยังมีจิตสำนึก!’

‘ถ้าเซียวเหล่งนึ่งตายจริงๆ เรื่องนี้คงไม่ต้องอ้างถึงฟ้าพิการดินพร่องแล้วละ เอี้ยก้วยก็คงไม่รอดเหมือนกัน!’

‘ถ้าพระนางตายทั้งคู่ แบบนั้นจะไปเหลืออะไรให้อ่าน!?’

‘เอาเถอะ’

‘ขอบคุณเจ้าแก่ฉู่ขวงที่เมตตาไม่ลงมือโหดเหี้ยมเกินไป’

‘เพราะเขาคือฉู่ขวง!’

‘ขวงที่แปลว่าบ้าคลั่งน่ะเหรอ?’

‘บ้าคลั่งสมชื่อ!’

‘ไหนบอกว่าพบเอี้ยก้วยเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งชั่วชีวิต?’

‘นี่มันพบฉู่ขวงเพียงครั้งเดียว พลาดพลั้งชั่วชีวิตชัดๆ!’

ผู้อ่านรู้สึกหวาดผวากันไปหมด เพราะฉู่ขวงไม่ใช่แค่นักเขียนที่พูดเล่นๆ

แต่เป็นคนที่ ‘กล้าฆ่าตัวละครหลักได้จริงๆ’

หากเป็นนักเขียนคนอื่น ผู้คนอาจคิดว่าแค่แกล้งหยอกเล่น แต่ถ้าเป็นฉู่ขวงละก็ หมอนี่สามารถลงมือทำจริงโดยไม่ลังเล!

เมื่ออ่านคอมเมนต์เหล่านี้ และเห็นว่าผู้อ่านต่างแสดงความคิดเห็นด้วยความหวาดกลัว ความแค้นที่มีต่อกองมีดที่ส่งมาหาเขาก็จางหายไปทันที

เหอะๆ

พวกคุณใช้มีดขู่ผมได้

แล้วทำไมผมจะแกล้งขู่พวกคุณกลับบ้างไม่ได้ล่ะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน