เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 917

ตอนที่ 917 คู่รักแห่งชาติคู่ที่สอง

นับตั้งแต่ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีเผยแพร่ออกไป บรรดาสื่อหลักต่างพากันนำเสนอข่าวเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นพาดหัวข่าวใหญ่

[ฉู่ขวง: เดิมทีผมตั้งใจจะเขียนให้เซียวเหล่งนึ่งตาย]

[เขาไท่ซานและดาวเหนือแห่งวงการนิยายกำลังภายในของจ้าวโจวยกย่องศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี]

[เอี้ยก้วยและก๊วยเจ๋ง เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งลัทธิเต๋าและขงจื่อ?]

[วงการวรรณกรรมวิเคราะห์ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี: ความเป็นไปได้ที่ไม่ได้ถูกเขียนอย่างชัดเจนในนิยายเรื่องนี้]

[จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ คือผู้เสียสละเพื่อชาติและราษฎร!]

[คู่รักแห่งชาติคู่ที่สองถือกำเนิด: เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง!]

ในบรรดาข่าวเหล่านี้ ประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือคำพูดของฉู่ขวงที่ว่าเดิมทีเขาตั้งใจจะให้เซียวเหล่งนึ่งตาย

แต่ไม่ว่าอย่างไร หนังสือเรื่องนี้ก็ได้จบลงไปแล้ว ต่อให้เจ้าแก่ฉู่ขวงพยายามใช้คำพูดนี่มาขู่ผู้อ่านแค่ไหน ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับพวกเขาได้อีกเป็นครั้งที่สอง

เช่นเดียวกับมีดที่ส่งมานั้นเป็นเพียงของเสมือนจริง ไม่ได้ถูกส่งไปถึงบ้านของหลินเยวียนจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ตามมาจากนิยายเล่มนี้กลับไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

วันรุ่งขึ้น

แม้แต่ตอนที่หลินเยวียนไปถึงบริษัท เขาก็ยังได้ยินพนักงานพูดคุยกันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็อ่านนิยายเล่มนี้กันหมดแล้ว

ในหมู่พนักงาน

เสี่ยวกู้ตงผู้ช่วยของเขากำลังถกเถียงกับอู๋หย่งซึ่งเป็นรองหัวหน้าแผนกชั้นเก้า เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าเอี้ยก้วยเคยแอบชอบก๊วยพู้หรือไม่

นี่เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เป็นกระแสมากที่สุดบนโลกออนไลน์หลังจากนิยายเผยแพร่ออกมา

กู้ตงยืนกรานว่าเอี้ยก้วยไม่เคยรู้สึกชอบก๊วยพู้เลย เพราะตัวละครนี้น่ารำคาญเกินไป

แต่อู๋หย่งกลับเอ่ยถึงหลักฐานต่างๆ เช่น ‘ความรู้สึกต่ำต้อย’ หรือ ‘การแกล้งยั่วโมโหเพื่อเรียกร้องความสนใจ’ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เอี้ยก้วยมีความรู้สึกบางอย่างต่อก๊วยพู้ แต่เพียงเพราะเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกออกมาได้

ขณะที่หลินเยวียนเดินผ่านมา

กู้ตงก็อดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “ตัวแทนหลินสนิทกับอาจารย์ฉู่ขวง อาจารย์ฉู่ขวงเคยบอกเป็นนัยไหมคะว่าเอี้ยก้วยชอบก๊วยพู้หรือเปล่า?”

หลินเยวียนตอบ “ในเนื้อเรื่องมีคำตอบอยู่แล้ว”

อู๋หย่งถามต่อว่า “งั้นคำตอบอยู่ในช่วงไหนของเนื้อเรื่องล่ะ”

หลินเยวียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบเพียงว่า “หุบเขาไร้รัก”

ขณะที่กู้ตงและอู๋หย่งมองหน้ากันอย่างงุนงง หลินเยวียนเดินเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาซักไซ้ต่อ

ผ่านไปครึ่งนาที

กู้ตงก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ก่อนจะมองอู๋หย่งอย่างกระหยิ่มใจ

“ที่ตัวแทนหลินหมายถึงก็คือ พิษดอกรักของเอี้ยก้วยไม่เคยกำเริบเพราะก๊วยพู้เลย!”

“พิษดอกรัก?”

อู๋หย่งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

นี่เป็นคำตอบที่เฉียบขาดจริงๆ!

กู้ตงที่สามารถโต้แย้งชนะอีกฝ่ายได้ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ รีบตามหลินเยวียนเข้าไปในห้องทำงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“ตัวแทนหลิน ตอนนี้ซีรีส์ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีใกล้ถ่ายทำเสร็จแล้ว แผนกซีรีส์อยากทราบว่าคุณมีแผนจะใช้เพลงไหนประกอบซีรีส์บ้างคะ”

ใช่แล้ว

เช่นเดียวกับมังกรหยก หลังจากที่ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีได้รับการเผยแพร่ หลินเยวียนก็ส่งต้นฉบับไปยังบริษัทเพื่อให้แผนกซีรีส์เริ่มผลิตซีรีส์ในทันที

แผนกซีรีส์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงรีบดำเนินการทันที

ปัจจุบันซีรีส์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำไปได้ไม่น้อยแล้ว

หลินเยวียนแวะไปเยี่ยมกองถ่ายหลายครั้ง และใช้ไอเท็มพิเศษเล็กน้อยเพื่อช่วยเสริมทักษะการแสดงของนักแสดงที่รับบทเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง

เมื่อได้ฟังคำถามของกู้ตง หลินเยวียนตอบว่า “อีกไม่นานผมจะพาคนไปอัดเพลง”

เพลงประกอบซีรีส์มังกรหยกได้รับคำชมอย่างมาก เพลงของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีก็ต้องไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังเช่นกัน ดังนั้นหลินเยวียนจึงวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้ว

เช่นเดียวกับมังกรหยก

เขาเตรียมเพลงหลักสำหรับศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีไว้หลายเพลง

เพลงแรกคือเพลง ‘ผู้มีรักในใต้หล้า’ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในเพลงตัวแทนของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี โดยหลินเยวียนเตรียมนำเพลงนี้มาใช้เป็นเพลงธีมหลักของซีรีส์

เพลงนี้ยังสามารถปล่อยเวอร์ชันภาษาฉีในชื่อ ‘คำรักดั่งตำนาน’ ได้อีกด้วย

เพลงที่สองคือเพลง ‘ใต้หล้าหาใดเปรียบ’ ซึ่งมีเนื้อร้องอ่อนหวาน ลึกซึ้ง โศกเศร้าทว่างดงาม ถ่ายทอดอารมณ์และบรรยากาศของศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับใช้เป็นเพลงปิดท้ายของซีรีส์

ส่วนเพลงที่สาม?

แม้ว่าจะอ่านนิยายกำลังภายในของกิมย้ง แต่ฟางเหวินซานเลือกหยิบยกเพียงแง่มุมของกิมย้งในฐานะ ‘นักเขียนนิยายรัก’ มาใช้ และนำความเข้าใจส่วนตัวมาผสมผสานเข้ากับอารมณ์ความรักของหนุ่มสาวเพื่อสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา

เพราะฉะนั้น…

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแม้เพลงโรงเตี๊ยมโลกีย์จะดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรี แต่เนื้อร้องของเพลงกลับเข้ากับเนื้อเรื่องของนิยายเรื่องนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

อย่าลืมว่า

ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีนับเป็นหนึ่งในผลงานที่กิมย้งถ่ายทอดเรื่องราว ‘ความรัก’ ได้ถึงจุดสูงสุด

และสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ เพลงโรงเตี๊ยมโลกีย์ยังมี ‘โชคชะตาเชื่อมโยง’ ที่แสนพิเศษ

เพราะเพลงนี้สามารถร้องโดยใช้ทำนองของเพลงเครื่องลายครามได้พอดิบพอดี

มีคนเคยลองนำทำนองของเพลงเครื่องลายครามมาใช้ร้องเพลงโรงเตี๊ยมโลกีย์ได้อย่างลงตัว

โดยเฉพาะท่อนคอรัสของทั้งสองเพลงที่เมื่อมาผสมกันแล้ว ไม่มีความรู้สึกขัดแย้งเลย

สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะโครงสร้างคอร์ดของสองเพลงมีความคล้ายกัน หากไม่นับการเรียบเรียงดนตรีที่แตกต่างกัน ที่จริงแล้วสไตล์ของสองเพลงนี้ก็มีความใกล้เคียงกันมากทีเดียว

เพียงแต่เพลงแรกเล่าเรื่องราวของความรัก

ขณะที่เพลงที่สองเล่าเรื่องราวของผู้คนในยุทธภพ

นอกจากนี้ ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือเพลง ‘หวนคืน’

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงคลาสสิกที่เกิดขึ้นจากซีรีส์ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีเช่นเดียวกัน

ขณะที่หลินเยวียนกำลังคิดเกี่ยวกับบทเพลงเหล่านี้ จู่ๆ กู้ตงก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“งานประกาศรางวัลดรากอนอวอร์ดปีนี้กำลังจะจัดขึ้นแล้ว ทางคณะกรรมการเชิญตัวแทนหลินไปร่วมงาน ดูเหมือนว่าหนังเมื่อปีที่แล้วจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงหลายเรื่อง ตัวแทนหลินต้องการจะไปปรากฏตัวในงานไหมคะ?”

“ไม่ไปครับ”

หลินเยวียนปฏิเสธทันที

กู้ตงพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นก็น่าเสียดายนะคะ ฉันคิดว่าปีนี้ตัวแทนหลินน่าจะสามารถคว้ารางวัลใหญ่กลับบ้านได้แน่ๆ ชาวเน็ตพูดกันไม่ใช่เหรอคะว่าคุณทุ่มสุดตัวในด้านดนตรี แต่กลับไม่แสดงฝีมือในวงการภาพยนตร์ งานนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลบคำสบประมาทนะคะ”

“แล้วถ้าผมไม่ไปจะส่งผลต่อการได้รับรางวัลไหม?”

“ไม่น่าจะถึงขั้นนั้นค่ะ รางวัลดรากอนอวอร์ดคงไม่กล้าใช้วิธีนี้ สมาคมวรรณศิลป์ควบคุมดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวด จะเข้าร่วมงานหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ผลงานอยู่แล้วค่ะ”

“งั้นก็ดี”

ไม่ว่าจะไปร่วมงานหรือไม่ ปีนี้หลินเยวียนไม่คิดจะเป็นตัวประกอบนั่งรอรับรางวัลโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว แม้ว่าตัวรางวัลอาจจะไม่มีความหมายอะไรมากนัก แต่ค่าความโด่งดังนี่แหละที่หอมหวาน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน