ตอนที่23 ผมจะไปส่ง
วรินทรไม่ใช่หญิงสาวผู้อ่อนแอที่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งอยู่แล้ว!
เธอมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะตวัดฝ่ามือเข้าที่หน้าอมันด้าอย่างแรง อมันด้าที่ตั้งหลักไม่ทันถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นสภาพอนาถ
“กรี้ด!”อมันด้าไม่รู้ว่าการตบฉาดนี้จะทำให้จมูกที่ทำมาอย่างดีของเธอเบี้ยวหรือเปล่า อิงดาวและนวีนหัวเราะออกเสียงดังมาอย่างไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป
วรินทรปัดฝุ่นที่มือทั้งสองข้าง ในใจของเธอไม่ได้รู้สึกดีนักหรอกที่ทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปแบบนั้นกลับกันเธอกลับรู้สึกสงสารอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
อมันด้าค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้น เมื่อเธอเห็นว่าเสื้อผ้าชุดหรูของเธอเวลานี้เลอะเทอะสกปรกไปหมดก็กัดฟันกรอดกำหมัดแน่น ดวงตาตัวดจ้องวรินทรอย่างแค้นเคือง อีกฝ่ายทิ้งท้ายคำพูด “ฝากไว้ก่อนเถอะเดี๋ยวได้รู้กัน”ก่อนจะพุ่งตัวออกไปจากแผนกทันที
“เก่งจังเลยวรินทร!”อิงดาวมองหน้าวรินทรอย่างเคารพนับถือ
เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ หัวใจเธอก็มีความสุขจนแทบล้นปรี่ออกมา!
วรินทรไม่มีความสุขแม้แต่นิดเดียว งานของเธอที่นั่งวาดแบบอยู่ตั้งนานเละไปหมดแล้ว
“แบบร่างต้องส่งมอบให้หัวหน้าพรุ่งนี้เช้าแล้วด้วย อีกอย่างหัวหน้าธนชาติน่ะขึ้นชื่อเรื่องความโหดสุดๆไปเลย เอาอย่างนี้สิคนสวย เดี๋ยวพวกเราสองคนอยู่ช่วยเธอก่อนดีไหม”นวีนมองภาพที่ถูกน้ำหกจนเลอะไปหมดก็รู้สึกเสียดาย
วรินทรยิ้มออกมาแบบไม่คิดอะไร“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจัดการได้สบายมาก พวกเธอทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลย ฉันทำงานเร็วอยู่แล้วล่ะ”
“ไม่ต้องการให้เราอยู่ช่วยจริงหรือ”อิงดาวถามอย่างเป็นห่วง งานชิ้นนี้เธอเห็นวรินทรใช้เวลาร่างแบบอยู่นานทั้งวันเลยนะ อมันด้าช่างเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ!
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ ฉันทำได้คนเดียวสบายมาก”วรินทรหลุบตาลงกัดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหยิบกระดาษใบใหม่ขึ้นมาจากลิ้นชัดและเตรียมจะลงมือวาดแบบร่างใหม่อีกครั้ง
อิงดาวและนวีนเห็นว่าเธอยืนกรานเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อถึงเวลาเลิกงานทั้งสองคนก็ออกจากแผนกไป
การออกแบบครั้งแรกมักจะสื่อความรู้สึกของผู้ร่างออกมาได้แทบจะทั้งหมด แต่พอจะให้เธอมาเริ่มทำมันใหม่อีกครั้งเธอก็ไม่มีความรู้สึกแบบเดิมอีกแล้วนี่สิ
วรินทรไม่มีแรงบันดาลใจเกิดขึ้นเสียแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ วรินทรโทรศัพท์หากวินเพื่อไม่ให้ลูกชายของเธอเป็นห่วงก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิให้ใจจดใจจ่อกับงานตรงหน้าอีกครั้ง
“ท่านประธานครับ ได้เวลาแล้วจะไปเลยไหมครับ”เลขานิธูรถามพลางวางแฟ้มงานในมือลงบนโต๊ะทำงานของทาวัต
ทาวัตนวดขมับบรรเทาความปวดก่อนจะเหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่าเวลานี้ใกล้จะหกโมงครึ่งแล้ว
หากไม่ได้ทำโอทีแล้วล่ะก็พนักงานส่วนใหญ่ก็คงเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้วสินะ
เธอเองก็คงเหมือนกัน
เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะโบกมือไล่
เลขานิธูรพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานท่านประธานอย่างนอบน้อม
หลังจากที่ทาวัตนั่งเงียบๆอยู่สักพัก เขาก็เอื้อมมือไปปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะแล้วยืนขึ้นหยิบเสื้อนอกที่พาดไว้จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ตกกลางคืน แสงไฟในตึกก็ค่อยๆดับลงไปทีละชั้นจนสุดท้ายเหลือเพียงแค่ชั้นที่วรินทรทำงานอยู่ เท่านั้นที่ยังเปิดไฟไว้สว่างจ้า
ตอนที่เดินเข้ามาในลิฟต์ทาวัตตั้งใจจะกดลงไปชั้นหนึ่ง แต่เผลอแปปเดียวมือของเขาดันไปกดลิฟต์ชั้นสิบสองที่วรินทรทำงานเสียได้
ชายหนุ่มเหลือบมองตัวเลขบนแผงลิฟต์ด้วยใจเต้นระรัว เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำเป็นประกายเย็นเยียบแวบหนึ่งก่อนจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นสิบสอง ทาวัตก็เดินออกมาจากลิฟต์ตรงไปที่แผนกออกแบบ
วรินทรวางดินสอลงก่อนจะบิดกายขับไล่ความขบเมื่อย เมื่อปรายสายตาไปที่แผ่นกระดาษบนโต๊ะ ด้วยความเร็วระดับนี้กว่าเธอจะได้กลับถึงบ้านก็คงจะเกือบสามทุ่มเลยมั้ง
บรรยากาศยามค่ำคืนค่อนข้างจะหนาวเย็น บานหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ก็มีสายล่มเย็นพัดเข้ามาเอื่อยๆ เย็นจนเธอถึงกับขนลุกชูชัน แต่เธอก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเดินไปปิดหน้าต่าง อีกอย่างแบบร่างของเธอก็ใกล้เสร็จแล้วด้วย
ระหว่างที่หญิงสาวนั่งตัวสั่นอยู่นั้นก็มีเสื้อสูทคลุมมาบนร่างของเธอ จมูกของเธอได้กลิ่นมิ้นท์จางๆของใครบางคนที่แสนคุ้นเคยลอยเข้ามา วรินทรวางปากกาในมือก่อนจะเงยหน้ามองผู้มาใหม่
ทาวัต!
เขากอดอกยืนจ้องเธออยู่เหนือเธอ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามายังชายหนุ่มทำให้ใบหน้าเขาดูนุ่มนวล นัยน์ตาคมของเขาดูลุ่มลึกขึ้นจนคนมองไม่ออกว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...