บทที่ 25 เผาตั๋วเงิน
พอลากนางออกมา หลานเยาเยาก็ให้จื่อซีช่วยนำโต๊ะสองตัวมาเชื่อมเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งนำผ้าสะอาดมาปูรองไว้ ท้ายที่สุดจึงนำพระราชธิดาจาวหยางขึ้นมาไว้บนโต๊ะ
จื่อซี ผู้ที่ไม่ว่าจะอยู่ใน เมืองหลวง หรือจวนอ๋องเย่ต่างมีตำแหน่งสูงส่งอย่างเขา ในวันนี้กลับกลายเป็นผู้ช่วยของนางเสียได้.....
เพียงครู่เดียว!
หลานเยาเยาก็ใช้เข็มเงินเริ่มทำการรักษาให้พระราชธิดาจาวหยางแล้ว
เมื่อเริ่มฝังเข็มเงิน สีหน้าของนางก็จริงจังขึ้นมา ดูผิดแปลกไปในทันใด ราวกับว่านางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อีกทั้งมีฝีมือยังร้ายกาจมาก จังหวะรวดเร็วแม่นยำ
จื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นแล้วดวงตาเปล่งประกาย จากนั้นจึงคอยสังเกตดูอย่างตั้งใจ พอเกือบจะถึงเวลาสองชั่วยาม หลานเยาเยาก็ดึงเข็มเงินออกในที่สุด
จากนั้นหันศีรษะแลดู พบว่าจื่อซีมองดูนางตาเป็นประกาย
นางอดก้าวเท้าถอยหลังไปมิได้ มองเขาอย่างระแวดระวัง จากนั้นถามอย่างเคลือบแคลงใจว่า “เจ้ามองอันใดรึ มิใช่ว่าเจ้าต้องใจคนมากความสามารถอย่างข้าเข้าแล้วหรอกนะ”
“มิกล้า มิกล้า” จื่อซีหลุบตาลง
เขาจะกล้าได้อย่างไร!
หลานเยาเยาเป็นของเจ้านาย เขาเพียงแค่มองพินิจดู ว่าเจ้านายชอบนางที่ใดกันแน่
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าช่วยไปเตรียมเสื้อคลุมให้ข้าสักชุดสิ ให้คนออกแบบตามรูปร่างและความชอบของพระราชธิดาจาวหยางได้เลย แล้วยังมีถุงมือที่ทำจากหนัง พร้อมทั้งหมวกคลุมศีรษะ ผ้าเนื้อบางตรงข้างหมวกคลุมนั้นจะต้องเปลี่ยนเป็นผ้าสีดำด้วยนะ”
ได้ฟังนางชี้แจงเช่นนั้น จื่อซีก็เข้าใจจุดประสงค์ของนางทันใด หมุนตัวจากไปอย่างตื่นเต้นโดยพลัน
หลังจากจื่อซีเดินจากไปแล้ว
สายตาของหลานเยาเยาที่ยากจะหยั่งลึก นางเดินมายังข้างประตูในทันใด พูดเสียงทุ้มต่ำกับสาวใช้และองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูว่า
“พวกเจ้าคอยเฝ้าดี ๆล่ะ หากข้าไม่เปิดประตู ก็ห้ามใครเข้ามาทั้งนั้น แม้แต่อ๋องเย่ก็ไม่ได้ เข้าใจไหม”
พอได้ยินว่า แม้แต่อ๋องเย่ก็ห้ามเข้า สาวใช้และองครักษ์ต่างมีท่าทีลังเล
เห็นเช่นนั้น!
หลานเยาเยาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนพูดว่า “ถ้าหากพวกเจ้าอยากให้พระราชธิดาจาวหยางสิ้นพระชนม์แล้วล่ะก็ จะไม่ฟังคำข้าก็ได้” พอพูดจบ เสียงดัง “ปัง” ประตูถูกปิดลง มิหนำซ้ำยังลงกลอนไว้เสียด้วย ปล่อยให้สาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ข้างนอกมองตากันปริบ ๆ
ภายในห้อง!
หลานเยาเยาให้น้ำเกลือพระราชธิดาจาวหยางด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมดมีอยู่หกขวด นางรีบเร่งมือเป็นอย่างมาก
ทว่า!
แม้ว่าจะทำเช่นนั้น ก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามถึงหนึ่งชั่วยาม
และเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน นางยังลงกลอนหน้าต่างทุกบานอีกด้วย
เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรก จึงต้องให้ยาเยอะเสียหน่อย ถึงแม้จะเป็นการรักษาตามอาการไม่ใช่ที่ต้นเหตุก็ตาม แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยยืดอายุขัยนางออกไปได้
ครึ่งชั่วยามให้หลัง!
ภายนอกเริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว......
“เหตุใดประตูจึงลงกลอนไว้เล่า แล้วหลานเยาเยาอยู่ที่ใดล่ะ” เป็นเสียงของจื่อซี เขาถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“รายงานองครักษ์ลับ จื่อซี แม่นางกล่าวว่า ห้ามใครเข้าไปทั้งนั้น แม้แต่อ๋องเย่ก็ไม่ได้ มิเช่นนั้น พระราชธิดาจะตกอยู่ในอันตราย” องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
“มิน่าล่ะ ถึงได้ขับไสข้าออกไป!” จื่อซีเข้าใจในทันใด จากนั้นจึงพูดอย่างหมดหนทางว่า “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะยืนรอตรงนี้แหละ”
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่
ทันใดนั้น ภายนอกห้องมีเสียงดังขึ้นว่า “องครักษ์เงา จื่อซี นี่เจ้า .....”
“ชู่ว!”
จากนั้นก็สงบเงียบดังเดิม
หลานเยาเยาที่อยู่ข้างในนั้น ไม่ได้ขยับศีรษะแม้เพียงสักนิด สายตาจับจ้องหยดน้ำยาแต่ละหยด มือขวาวางอยู่บนจุดชีพจรของพระราชธิดาจาวหยาง ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง!
หูของนางขยับเบา ๆ เอียงศีรษะเล็กน้อย สายตาเคลื่อนไปยังบานหน้าต่าง
มีหน้าต่างบานหนึ่งถูกแง้มออกเล็กน้อย นางฮัมในลำคอเบา ๆ หันศีรษะกลับ แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว!
“นึกไม่ถึงว่าจะระมัดระวังถึงเพียงนี้เชียว แม้แต่หน้าต่างก็ลงกลอนไว้แล้ว” จื่อซีขยับหน้าต่างไปมาอยู่ครู่ใหญ่ แต่ไม่ได้เปิดหน้าต่างออกแต่อย่างใด ยอมจำนนไปอย่างหมดหนทาง
ตามองดูน้ำยาขวดสุดท้ายที่ให้ไปแล้วครึ่งขวด อีกทั้งยังปรับหยดน้ำยาให้ไหลลงไปโดยเร็วที่สุด ยามนี้ที่นอกประตู กลับมีเสียงเยือกเย็นทว่านุ่มทุ้มราวเสียงสตรีลอยมาโดยพลัน
“จาวหยางเป็นอย่างไรแล้วบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...