เช้าวันต่อมาหยางเทียนแบกตะกร้าที่ใส่ผูเถาเอาไว้ออกจากบ้านไปตั้งแต่ยามเหม่า พร้อมด้วยหยางเทาผู้เป็นพี่ชาย เป้าหมายคือโรงเตี๊ยมเยี่ยนไหล เช้านี้ทั้งสองคนจะนำเอาผูเถาที่ลูกชายเก็บกลับมาจากภูเขาอู๋หลงเข้าไปขาย ทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ แต่หยางเสี้ยวบอกเอาไว้ว่าต้องขายได้แน่ ๆ เพียงแต่จะได้มากได้น้อยนั้นขึ้นอยู่กับราคารับซื้อของโรงเตี๊ยม
“น้องรอง ตั้งแต่เสี้ยวเอ๋อร์หายป่วยท่านพ่อบอกว่าหลานเปลี่ยนไปมากหรือ” หยางเทาถามน้องชายถึงความเปลี่ยนแปลงของหลาน
“ใช่ขอรับพี่ใหญ่ เสี้ยวเอ๋อร์เปลี่ยนไปมากจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าตอนที่ลูกล้มป่วยเขาไปเจอเรื่องอันใดมา แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นลูกชายของข้าเสมอ”
“เจ้าเองอย่าได้คิดมากเลย การที่อาเสี้ยวเปลี่ยนไปในทางที่ดีแบบนี้ก็ดีแล้ว อายุแค่ 8 ขวบปีแต่จิตใจเข้มแข็งกล้าหาญกว่าข้าที่เป็นท่านลุงอีก อาเชวียนเล่าว่าอาเสี้ยวสอนวางกับดักด้วย เสียดายที่พวกเราไม่มีเงินส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือ ด้วยความฉลาดของพวกเขาข้าคิดว่าต้องสอบได้เป็นซิ่วไฉแน่”
“ไม่แน่ว่าในอนาคตชีวิตของพวกเราอาจจะดีขึ้นก็ได้ ข้าเองรู้สึกละอายใจมาก ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นบิดาที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ตอนนี้คงต้องมาพึ่งพาลูกชายอายุเพียงแค่ 8 ขวบปีหาเงิน ข้าเป็นพ่อแท้ ๆ แต่กลับคิดอะไรไม่ได้เท่าอาเสี้ยว”
“เจ้าอย่าคิดมากเลยน้องรอง นับว่าสวรรค์เห็นใจครอบครัวของเรา ถึงไม่พรากอาเสี้ยวไปจากเจ้า ตอนนั้นอาเชวียนบอกว่าอาเสี้ยวนอนป่วยไม่ได้สติอยู่ตั้งสามวัน เจ้าอย่าได้โทษตัวเองเลย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นหรอกนะ”
“ข้าเข้าใจขอรับพี่ใหญ่ การที่ข้าไม่เสียอาเสี้ยวไปนับว่าสวรรค์เมตตาข้าแล้ว”
ในระหว่างที่สองพ่อไปขายของป่าในเมือง สองลูกอย่างหยางเสี้ยวกับหยางเชวียน หลังจากกินมื้อเช้าแล้วทั้งสองคนก็เข้าป่าเช่นเคย หยางเสี้ยวยังคงหวังว่าจะพบเจออะไรก็ตามที่มันสามารถกินได้
“ทั้งสองคนอย่าได้เข้าไปในป่าลึกมากเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจขอรับท่านแม่”
“อาสะใภ้รองวางใจได้ พวกข้าจะระวัง”
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะช่วยท่านแม่ถางหญ้าในสวนหลังบ้านเอง เสี่ยวไป๋ก็จะช่วยด้วย” หยางเสียน
“ขอบใจนะน้องเล็ก เดี๋ยวพี่ชายจะเอาผลไม้อร่อย ๆ มาฝาก”
“ท่านแม่ บ้านเรามีเมล็ดมันเทศหรือไม่ขอรับ”
“มันเทศหรือ มันเทศคือสิ่งใดแม่ไม่รู้จัก”
“แล้วเผือกเล่าขอรับ มีหรือไม่”
“เผือกหรือ ที่บ้านเราไม่มีหรอกลูก เผือกมีแต่อยู่ในป่าซึ่งหายากเข้าไปทุกวันแล้ว” เสิ่นซื่อทอดถอนใจ
“ทำไมเราไม่ปลูกเอาไว้เล่าขอรับท่านแม่”
“ปลูกหรือ ไม่มีใครเขาปลูกกันน่ะสิ”
“ขอรับข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นท่านแม่เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเอาไว้ให้ข้าด้วยนะขอรับ”
“ได้สิ แม่จะเตรียมเอาไว้ให้นะ”
“ขอบคุณท่านแม่ขอรับ พี่ใหญ่เชวียนเราไปกันเถอะขอรับประเดี๋ยวจะร้อนเอาได้”
“ไป รีบไปกันเถอะ อาสะใภ้รองพวกเราไปก่อนนะขอรับ”
จากการสอบถามท่านแม่ ที่แห่งนี้มีเผือก มีข้าวโพดแต่ไม่มีมันเทศและไม่น่าจะมีมันฝรั่ง เผือกมีแค่ในป่าแต่ไม่มีใครปลูก เป็นแบบนั้นก็ดี ในเมื่อไม่มีใครปลูก เขาจะเป็นคนแรกที่ปลูก ต่อไปจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอาหารไม่พอ ก่อนอื่นต้องคุยกับท่านพ่อเรื่องซ่อมแซมบ้าน เงินไม่พอก็อาศัยไม้ในป่าก็แล้วกัน หรือจะเป็นไม้ไผ่ก็ดี เมื่อไหร่ที่มีเงินค่อยสร้างบ้านอิฐหลังคากระเบื้อง
ทางด้านหยางเทียนที่เข้าเมืองมาเพื่อขายผูเถาตอนนี้เขาก็มาถึงโรงเตี๊ยมเยี่ยนไหลแล้ว หยางเทาเองเกิดความลังเลไม่แน่ใจเขาได้แต่มองหน้าน้องชาย ในใจคิดว่าถ้าขายได้ก็ดี แต่ถ้าขายไม่ได้ก็อดเสียดายอยู่บ้าง แต่ถ้าหากขายไม่ได้จริง ๆ ก็เอากลับไปให้ลูก ๆ กิน เท่านี้ก็นับว่าไม่มีอะไรเสียหาย
“พี่ชาย ข้าขอถามหน่อยจะได้หรือไม่ ไม่ทราบว่าโรงเตี๊ยมของพวกท่านรับซื้อผลไม้ป่าหรือไม่ขอรับ” หยางเทียนถามเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังกวาดลานด้านหน้าอยู่
“รับสิ แต่ต้องเป็นผลไม้ที่หายากสักหน่อยนะ จำพวกซานจาหรือว่าพุทราพวกนั้นไม่รับหรอกนะ พวกเจ้ามีผลไม้อะไรมาขายล่ะ ให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่”
“เป็นผูเถาดำขอรับ”
“อะไรนะ! เจ้าพูดจริงหรือไม่ ? รีบเอาออกมาให้ข้าดูเร็วเข้า”
หยางเทียนหยิบองุ่นในตะกร้าสะพายหลังของหยางเทาออกมาหนึ่งพวง เพื่อให้เสี่ยวเอ้อร์ดู เสี่ยวเอ้อร์พอเห็นว่าเป็นผูเถาดำที่หายาก เขาจึงเด็ดชิมเสียหนึ่งลูก รสชาติหวานกรอบ อร่อยเป็นอย่างมาก เสี่ยวเอ้อร์รีบกระตือรือร้นพาสองพี่น้องไปพบกับหลงจู๊ทันที
“ไป พวกเจ้าทั้งสองคนตามข้ามา ข้าจะพาไปหาหลงจู๊ น่าจะอยู่ด้านหลังตรงลานรับซื้อของป่า พวกเจ้าเดินตามมา”
“ขอบคุณท่านมากขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง