พวกแก๊งฮาเล่ย์ใจกล้ามากที่มาแย่งคนถึงหน้าประตูสนธิไชยกรุ๊ป ถึงกับลากณิชาไปยังชานเมืองอันห่างไกล และสุดท้ายก็ปล่อยเธออย่างง่ายดาย……
เพราะว่าเชื่อที่เธอบอกว่าเธอไม่รู้เบื้องหลัง หรือว่ากลัวว่าไปทำร้ายชีวิตใครเข้าแล้วโดนฟ้องงั้นเหรอ?
กล้าทำเรื่องพวกนี้ ก็ถือว่าเป็นพวกกล้าตายไม่ใช่เหรอ?
นิต้าถามต่อเหมือนล้อเล่น “ถ้ายังงั้นเธอเห็นใบหน้าของพวกแก๊งฮาเล่ย์ชัดไหม? ถ้าเกิดว่าเห็นชัดล่ะก็ พรุ่งนี้พอเธอรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว เดี๋ยวฉันจะให้ตำรวจมาสอบปากคำ จะได้ง่ายต่อการที่จะจับคนพวกนี้ออกมาแล้วนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วเธอจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในอนาคตด้วย”
ทันใดนั้นณิชาก็เงียบลง ไม่ได้พูดอะไรต่อ
นิต้าเห็นว่าสีหน้าของเธอเริ่มซีดลง ก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ “ทำไมสีหน้าถึงได้ดูแย่ขนาดนี้ล่ะ? ไม่สบายเหรอ? ”
หลังจากนั้น เขาก็หันไปมองเวธัส แล้วก็ออกปากเตือนว่า “พี่ มือคุณณิชาเย็นมากเลย พี่เพิ่มอุณหภูมิแอร์หน่อยสิ”
เวธัสกวาดตามองณิชาด้วยสายตาคลุมเครือ ริมฝีปากบางก็เม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆ
มือของณิชาที่จับมุมผ้าห่มอยู่นั้นเริ่มกำแน่น ในใจกลับรู้สึกลุกลี้ลุกลน
ตอนนี้เธอถึงตั้งสติได้……
เหมือนกับว่าเธอจะตกหลุมพรางของคนอื่นเอาซะแล้ว
คืนนี้คนพวกนั้นไม่ได้มุ่งเป้ามาที่มาวิน แต่ว่ามุ่งเป้ามาที่เธอต่างหาก
การที่จับเธอไปนั้นไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะถามอะไรที่มีประโยชน์จากเธอ แต่เพื่อเสี้ยมให้เธอกับเวธัสแตกแยกกันมากกว่า
เธอถูกจับตัวไป และสุดท้ายก็กลับออกมาอย่างไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าตอนที่อยู่ในโรงงานร้างนั้น เธอจะได้พูดอะไรกับพวกแก๊งฮาเล่ย์นั้นหรือไม่ แต่ในสายตาของคนอื่นแล้ว ถ้าเกิดว่าเธอไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงอะไรบางอย่าง เธอก็ไม่มีทางออกมาได้หรอก
พอคิดได้แบบนี้แล้ว ณิชาก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
หรือว่าเป็นเก้างั้นเหรอ?
เขาจะบีบเธอให้เจอทางตัน และจำเป็นต้องแตกหักกับเวธัสใช่ไหม?
ทันใดนั้นในใจเธอก็มีความรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก……
“เกี่ยวกับเรื่องโครงการเมืองใหม่ในเมืองนั้น ฉันไม่ได้เปิดเผยต่อภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว”ณิชาเน้นย้ำอย่างจริงจัง อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“ณิชา ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก พวกเรายังไม่ได้พูดเลยว่าไม่ได้เชื่อเธอ”นิต้าบีบหลังมือณิชาเบาๆ มอบความอบอุ่นให้กับเธอ
แต่ณิชาก็มองเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเวธัส ทันใดนั้นเธอก็หวั่นใจไปในทันที
เขาไม่เชื่อเธอเหรอ?
……
ณิชาถูกเวธัสพาตัวออกมาจากคฤหาสน์สนธิไชย เวธัสเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่รองเท้า ก็อุ้มเธอด้วยท่าเจ้าหญิงเหมือนเดิม และอุ้มเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างมั่นคง
ลุงชัยยืนอยู่ตรงทางเข้า และก็หยิบรองเท้าผู้หญิงสีชมพูคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้า
รองเท้าแตะคู่นี้ได้รอนายหญิงของมันมานานแล้ว
ลุงชัยเอารองเท้าแตะคู่นั้นวางไว้ข้างเท้าของณิชาด้วยความเคารพ พอเห็นว่าเท้าของณิชาสกปรก ก็รีบสั่งให้สาวใช้ไปเอากะละมังน้ำอุ่นมา อุณหภูมิของน้ำค่อนข้างร้อนเล็กน้อย ซึ่งสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบรรเทาความเหนื่อยล้าได้
สาวใช้คุกเข่าลงข้างกะละมัง เตรียมจะล้างเท้าให้ณิชา……
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้”ณิชาอยู่ด้วยตัวเองมานานหลายปีแล้ว เธอไม่เคยชินกับการถูกคนอื่นปรนนิบัติรับใช้ แล้วอีกอย่างนี่มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กเรื่องน้อยที่สามารถทำเองได้
สาวรับใช้ไม่ได้ลุกขึ้นและออกไปทันที แต่กลับหันไปมองเวธัส เหมือนกับรอฟังคำสั่งของเขา
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเวธัสมีสีหน้าเคร่งเครียด ยังคงดูเฉยเมยเหมือนเดิม ดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหน “เธอลงไปก่อน”
สาวรับใช้ถึงได้ค่อยๆ จากไป
ณิชาวางเท้าลงบนขอบกะละมัง แล้วก็ค่อยๆ ทำความสะอาด
ถึงแม้ว่าแผลบนเท้าถือว่าไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่แผลเล็กๆ น้อยๆ มารวมกันก็ทำให้รู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...