“เถ้าแก่ ขอบะหมี่เนื้อกับข้าวผัดอีกอย่างละหนึ่ง! ขอเครื่องเคียงด้วย! แตงกวาแช่เย็นก็ได้!”
เผยเชียนทุ่มเงินเลี้ยงหม่าหยางที่กำลังสวาปามบะหมี่เนื้ออย่างสุขใจอยู่ตรงหน้า “สุดยอดเลยพี่เชียน! พี่ไม่ได้โม้ แต่เป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลรวยจริงๆ ด้วย! แต่…มีเงินขนาดนี้เราไปกินร้านข้างๆ ก็ได้นี่…”
เผยเชียนโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ๆ ถึงร้านข้างๆ จะไม่ได้แพงมาก แต่มันไม่อิ่มท้อง”
“จริงๆ เราก็ควรกินอะไรดีกว่านี้เพื่อฉลองการเริ่มงาน แต่ฉันเก็บเงินไว้สร้างเกมหมดเลยต้องใช้ประหยัดๆ หน่อย”
จริงๆ แล้วเป็นเพราะได้ความมั่งคั่งส่วนบุคคลมาน้อยต่างหาก ตอนนี้เขามีแค่เจ็ดร้อยหยวน ไม่พอต่อการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
หม่าหยางพยักหน้าขณะกินบะหมี่ “เข้าใจเลย! ต้องทำแบบนั้นแหละ ตอนนี้เรากำลังสร้างตัว เอาเงินไปใช้สิ้นเปลืองไม่ได้”
“เดี๋ยวเกมวางขายแล้วฉันพาแกไปกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างหัวละห้าสิบหยวน!”
หม่าหยางพยักหน้ารัว “โอเคเลย!”
บุฟเฟต์ส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้จะอยู่ที่สามสิบหยวนต่อคน บุฟเฟต์หัวละห้าสิบหยวนที่เผยเชียนบอกถือเป็นอะไรที่หรูมาก
แต่สิบปีต่อมา ราคาบุฟเฟต์ก็ขึ้นเป็นหนึ่งร้อยถึงสองร้อยหยวนต่อหัว เอามาเทียบกับตอนนี้ไม่ได้
ถ้าเผยเชียนเสียเงินสามแสนหยวนเพื่อให้แปลงเป็นความมั่งคั่งส่วนบุคคลได้ เขาก็จะกินอะไรก็ได้ตามใจชอบ
“จริงด้วย เรื่องสัญญา” เผยเชียนตักข้าวผัดไข่ “เดี๋ยวกลับไปแล้วจะไปหาแบบฟอร์มดู เซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกงานจ่ายค่าจ้างสามพันหยวนตอนสิ้นเดือนแล้วกัน”
หม่าหยางรีบตอบ “พี่เชียน ไม่ต้องทำให้เป็นทางการหรอก เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมว่าไม่ต้องเซ็นสัญญาก็ได้”
เผยเชียนส่ายหัว “ไม่ได้ แกทำงานหนักให้ฉันก็ต้องได้เงิน เรากำลังทำธุรกิจกันอยู่ ก็ต้องทำให้มันถูกต้องตามกระบวนการ ต้องมีสัญญา”
“เอางั้นก็ได้ ตามใจพี่เลย” หม่าหยางไม่ได้ดึงดันต่อ ใครกันจะไม่อยากได้เงินฟรีๆ
เขาแค่คิดว่าสามพันหยวนมันเยอะไปหน่อย รู้สึกกระดากใจถ้าจะรับมา
จริงๆ แล้วเผยเชียนอยากให้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ระบบไม่ยินยอม!
ระบบมีกฎห้ามจ่ายเงินเดือนพนักงานสูงกว่ามาตรฐาน หลังจากลองทดสอบดู เผยเชียนก็รู้ว่ามาตรฐานที่เหมาะสมต้องไม่เกินสองเท่าของราคาตลาด
ยกตัวอย่างกรณีของหม่าหยาง
ถ้าเขาไปช่วยงานบริษัทเกมอื่น เงินเดือนเด็กฝึกงานพื้นฐานจะอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยหยวน
แน่นอนว่าอาจมีกรณีที่บางบริษัทใจดีหรือเด็กฝึกงานมีภาระรับผิดชอบเยอะก็จะได้เงินเพิ่มขึ้น
แต่ก็ต้องดูความสามารถของหม่าหยางด้วย ดูแล้วน่าจะไปสร้างปัญหาให้บริษัทมากกว่า…
ดังนั้นเผยเชียนเลยให้ค่าจ้างเด็กฝึกงานที่สามพันหยวนซึ่งเป็นราคาสูงสุดที่ระบบยอมให้ผ่าน
ขณะกำลังกินบะหมี่อยู่ หม่าหยางก็ตบหน้าขาตัวเอง
“เอ้อ! พี่เชียน! ผมนึกอะไรดีๆ ออก! ผมเปลี่ยนแม่ทัพในสามก๊กเป็นผู้หญิงให้หมดเลยได้มั้ย ฉีกแนวพอรึเปล่า”
เผยเชียนแทบสำลักข้าว
“ไม่ได้!”
เขาปฏิเสธเด็ดขาด
หม่าหยางงงไปหมด “ทำไมล่ะ ไหนพี่บอกให้ฉีกแนว”
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก
ทำไมไม่ได้น่ะหรือ
ก็เพราะดูเป็นไอเดียที่น่าจะประสบความสำเร็จไงล่ะ…
แนวคิดจับตัวละครสามก๊กมาเปลี่ยนเพศนั้นมีในมังงะและอนิเมะแล้ว แถมได้กระแสตอบรับดี
แม้ว่าในปี 2009 เกมแนวภาพสองมิติจะยังไม่ค่อยมีกระแสเท่าไหร่ แต่ก็มีสัญญาณว่ากำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากเกมการ์ดหลายๆ เกมก็ออกแบบมาเป็นสไตล์การ์ตูน แปลว่ากระแสนี้ได้รับการยอมรับอยู่กลายๆ
ถ้าสลับเพศแล้วดันไปติดใจพวกเก็บตัวอยู่บ้านแล้วเกมดังขึ้นมาจะทำอย่างไร!
เผยเชียนไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นแน่
แต่แน่นอนว่าเผยเชียนไม่สามารถบอกความจริงในใจให้หม่าหยางรู้ได้
เขากระแอมกระไอก่อนจะอธิบายเหตุผล “ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะตัวละครแต่ละตัวจะขาดเอกลักษณ์!”
“อย่างถ้าม้าเฉียว เตียวหยุน กองซุนจ้านเป็นผู้หญิง…ตัวละครทุกตัวเป็นผู้หญิงหมดก็ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยสิ!”
“ที่นายทำมาน่ะดีแล้ว ม้าเฉียวเป็นเซ็นทอร์ กวนอูเป็นมังกร ทำแบบนี้แล้วแยกง่ายว่าใครเป็นใคร!”
“เพราะงั้นอันปัจจุบันที่ทำมาน่ะดีแล้ว”
หม่าหยางพยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจ “อ๋อ แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว”
เผยเชียนถอนหายใจยาว เหมือนว่าการจ้างพนักงานจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่
ถึงจะเอาเงินไปจ่ายเป็นเงินเดือนเพิ่มได้ แต่กลยุทธ์ของเผยเชียนจะทำให้พวกเขานึกสงสัยและตั้งคำถามได้ พอเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องหาคำอธิบายที่มีเหตุผลมาแก้ต่าง
ถ้าไม่ทำแบบนั้น พนักงานอาจสงสัยว่าเผยเชียนตั้งใจทำให้บริษัทขาดทุนหรือเปล่า ถ้ามีใครสงสัยขึ้นมาจะไปละเมิดกฎระบบเอาได้
“โชคดีที่หม่าหยางไม่ฉลาดเท่าไหร่”
“ต่อไปถ้าจะจ้างคนเพิ่มก็ต้องหาคนแบบเจ้านี่แหละ”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี