เผยเชียนเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็นมาก
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะทำกำไรได้นิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
แต่ประเด็นคือไอ้กำไรนิดหน่อยนี้อาจจะทำให้ความพยายามรอบนี้ของเผยเชียนสูญเปล่าได้!
รอบนี้ระบบให้เวลาสองเดือน ตอนนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
เผยเชียนคำนวณกำไรขาดทุนดูคร่าวๆ นับรวมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันต่างๆ น่าจะขาดทุนได้สักสองสามแสนตอนปิดบัญชี
และการที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทุกสาขาต้องขาดทุนให้ได้หลักล้าน ก็เป็นส่วนสำคัญมากๆ ในแผนของเขา
ถ้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเริ่มทำกำไรหรือหาเงินคืนทุนตั้งต้นได้ เผยเชียนอาจจะมีรายได้ที่ไม่สามารถผลาญได้ทันวันปิดบัญชีเพิ่มมาอีกกว่าหนึ่งล้านหยวน!
ถึงหนึ่งล้านกว่าหยวนจะดูเหมือนไม่เยอะ แต่ก็อาจเปลี่ยนแผนขาดทุนที่วางไว้ให้กลายเป็นทำกำไรได้ในพริบตา
แบบนั้นโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่ทำมาก็ไร้ค่าทันทีสิ
ความตั้งใจแรกของเผยเชียนคือยำรวมทุกอย่างใส่ ‘ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู’ ที่มีทั้งโซนบาร์ โซนหนังสือ โรงหนังขนาดย่อม ร้านอาหาร และอื่นๆ ทั้งหมดนี้อัดรวมอยู่แน่นในร้านอินเทอร์เน็ต
เขาหวังให้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเป็นร้านที่ขาดทุนสุดๆ
แต่ก็ไม่คิดว่าโซนบาร์จะทำเงินให้ร้านได้เยอะกว่าโซนอินเทอร์เน็ตเพราะนักร้องประจำคนใหม่!
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเลยกลายมาเป็นบาร์โมหยู เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย
ผิดจากที่เผยเชียนตั้งใจไว้หมดเลย!
จะทำยังไงดี
เอาโต๊ะเก้าอี้ด้านนอกออกให้หมดเหรอ
ยกเลิกการให้ส่วนแบ่งนักร้องจากยอดขายเหรอ
หรือเลิกจ้างนักร้องประจำคนนี้ไปเลยดี
ทำไม่ได้เลยเพราะไม่เหมาะสมสักวิธี ไม่มีเหตุผลใช้อ้างได้
เผยเชียนบอกหม่าหยางให้เอาจอออกและลดจำนวนโต๊ะด้านนอกลง ซึ่งก็พอจะมีเหตุผลเพราะจะได้เหมาะสมกับสไตล์และภาพลักษณ์ของร้าน
แต่ถ้ารุกหนักกว่านี้ก็จะดูไม่มีเหตุผล
ถ้าเอาโต๊ะออกหมดแล้วลูกค้าจะนั่งไหน
การให้ส่วนแบ่งยอดขายเครื่องดื่มช่วยทำรายได้ให้ร้าน แถมยังทำให้นักร้องมีกำลังใจในการร้องเพลงอีก แล้วจะหาเหตุผลอะไรมายกเลิกล่ะ
การกระทำแบบนี้จะสร้างความสงสัย แล้วอาจโดนระบบเตือนเอาได้
อีกอย่างเรื่องพวกนั้นก็ไม่ใช่ต้นตอของปัญหา
ถ้าเผยเชียนอยากจะกอบกู้สถานการณ์ เขาต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด!
ถึงจะเอาโต๊ะออกกับยกเลิกส่วนแบ่งแล้วยังไง ทุกคนอยากมาฟังเฉินเหล่ยร้องเพลงกันทั้งนั้น!
ถ้าไม่มีที่ให้นั่ง พวกเขาก็ยังยืนฟังได้ ไม่ได้แก้ปัญหาอยู่ดี
ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหา เผยเชียนต้องหาทางจัดการเฉินเหล่ย!
“สงสัยจังว่าเจ้าเด็กนี่มีฝันอะไรที่ฉันจะช่วยเติมเต็มให้ได้รึเปล่า”
…
สี่ทุ่ม การแสดงจบ
เฉินเหล่ยโค้งให้ผู้ชมแล้วลงจากเวทีไป ผู้ชมยังคงปรบมือกันเกรียวกราวพร้อมโห่เชียร์
หม่าหยาง จางหยวน และพนักงานคนอื่นๆ เดินไปส่งลูกค้า
เผยเชียนรีบดึงเฉินเหล่ยไปนั่งตรงที่เงียบๆ แถวโซนอินเทอร์เน็ต
เฉินเหล่ยไม่เคยเจอเผยเชียนมาก่อน แต่พอได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวเอง เขาก็รู้ว่าเผยเชียนคือ ‘บอสเผย’ ที่หม่าหยางพูดถึงบ่อยๆ จึงรู้สึกกดดันขึ้นมา
เผยเชียนถามคำถามเฉินเหล่ยเล็กน้อยและรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียนต่อหลังจบชั้นมัธยม เอาแต่เก็บตัวอยู่บ้าน จนถึงขั้นเป็นเด็กมีปัญหาหน่อยๆ
เฉินเหล่ยใช้เวลาที่บ้านหมกมุ่นอยู่กับเรื่องดนตรี วันหนึ่งบังเอิญเดินผ่านร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแล้วได้ยินเสียงคนร้องเพลง เลยรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปขอสมัครเป็นนักร้องประจำ
ครอบครัวของเฉินเหล่ยมีความสุขมากพอรู้ว่าเขาหางานได้ พวกเขาบอกเฉินเหล่ยว่าให้ตั้งใจทำงานและเข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้
“คุณอยู่จิงโจวมาตลอดชีวิต ไม่อยากออกไปเห็นโลกกว้างบ้างเหรอ
“ถ้าคุณอยากไล่ตามฝันในสายดนตรี ผมว่าคุณควรไปเซี่ยงไฮ้หรือไม่ก็ปักกิ่ง ทั้งสองที่เหมาะกับการทำตามฝันของคุณมากกว่า”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี