วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน ช่วงเย็น
เสียงร้องเพลงดังก้องร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ที่นั่งด้านล่างเวทีกลับว่างเปล่า มีลูกค้านั่งดื่มอยู่แค่สองสามคนเท่านั้น
นักร้องร้องเพลงอย่างไร้ชีวิตชีวา เหล่าผู้ชมด้านล่างเวทีแทบจะผล็อยหลับ
ใบหน้าหม่าหยางเต็มไปด้วยความกังวล
ทำยังไงดี!
พอการแข่งขันจากร้านรวงรอบๆ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทวีความรุนแรงขึ้น ลูกค้าก็เข้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูน้อยลงเรื่อยๆ
ถึงร้านของพวกเขาจะมีนักร้องประจำ แต่บาร์อื่นมีอะไรมากกว่านั้น แถมยังมีส่วนลดให้กับเครื่องดื่มทุกอย่างในเมนูอีก!
บาร์พวกนั้นมีลูกค้าแน่นร้าน ลูกค้าประจำของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูหลายคนเปลี่ยนไปใช้บริการร้านพวกนั้นแทน
เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไปบาร์เพื่อสังสรรค์และเข้าสังคมอยู่แล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่อยากนั่งดื่มในร้านร้างผู้คน แถมราคาก็ไม่ได้ถูก
นักร้องประจำคนใหม่ของร้านร้องเพลงเพราะ แต่ก็ยังห่างชั้นกับมาตรฐานที่เฉินเหล่ยทำเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากนัก
ยิ่งลูกค้าเข้าร้านน้อย นักร้องก็หมดกำลังใจ พอไม่มีกำลังใจก็ร้องเพลงได้ไม่ดีเหมือนเดิม กลายเป็นวังวน
“พี่เชียนบอกว่าไม่ต้องทำอะไร
“แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี…”
หม่าหยางนั่งดื่มอยู่คนเดียวอย่างปวดใจ
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง กิจการโมหยูเดลิเวอรี่เองก็ไม่ดีขึ้นเลย พอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หม่าหยางก็เริ่มคลางแคลงใจในความสามารถของตัวเอง
หลี่สือนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตรงมุมหนึ่งในโซนอินเทอร์เน็ต เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
คนพวกนี้อ่อนประสบการณ์เกินกว่าจะสู้กับฉันจริงๆ
บริษัทลงทุนฟู่หุยลงทุนกับธุรกิจมากมายในเมืองจิงโจว ถือว่ามีอิทธิพลไม่น้อยทีเดียว
แค่พวกเขาเจียดเงินนิดหน่อยให้ร้านในละแวกเดียวกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจัดโปรโมชัน เท่านี้ลูกค้าก็จะเข้าร้านพวกนั้นเยอะขึ้น ในขณะที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูโดนแย่งลูกค้าไป ทีนี้บริษัทลงทุนฟู่หุยก็จะทำอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น
ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายสำหรับหลี่สือและร้านในละแวกเดียวกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู
หลี่สือแอบสังเกตการณ์ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมาพักใหญ่ทำให้พอจะเข้าใจแนวทางของร้านนี้
เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคือบอสเผยที่อายุยังน้อย เป็นคนที่ทั้งดื้อและหัวแข็ง หลี่สือคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังคำแนะนำจากคนอื่น จึงต้องค่อยๆ หาทางจัดการอีกฝ่ายให้อยู่หมัด
จางหยวนเป็นผู้จัดการเขต แต่จริงๆ แล้วหมอนี่ไม่ได้ใกล้ชิดกับบอสเผย ที่เขารับผิดชอบส่วนใหญ่มีแค่เรื่องดูแลกิจการต่างๆ ของร้าน
กุญแจสำคัญคือเจ้าหน้าใหญ่
คนที่ชื่อหม่าหยางดูค่อนข้างสนิทกับบอสเผย แถมยังไม่ค่อยฉลาดนัก คนแบบนี้มักจะโดนปั่นหัวเอาง่ายๆ
หลี่สือต้องจัดการเจ้าหน้าใหญ่ก่อน พอเจ้านั่นติดกับก็ค่อยๆ ใช้เป็นเครื่องมือโน้มน้าวบอสเผย จากนั้นภารกิจก็จะสำเร็จลุล่วง
ตอนนี้บอกได้ยากว่าบอสเผยมีท่าทียังไง เพราะเขาไม่ได้มาที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสองวันแล้ว แต่ดูจากท่าทีของเจ้าหน้าใหญ่ หลี่สือเดาว่าบอสเผยก็น่าจะกำลังเครียดอยู่ไม่น้อย
หลี่สือคำนวณทุกอย่างไว้ดีมาก เขาพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมดและหาทางจบภารกิจนี้ให้ได้เร็วที่สุด
เพราะจะให้ผลาญเงินเยอะเกินไปก็คงไม่ได้ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อบีบบังคับบอสเผยเท่านั้น
พอทุกคนในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเริ่มไม่แน่ใจว่าร้านจะทำกำไรได้หรือเปล่า เขาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตอนที่คนเหล่านั้นกำลังตกที่นั่งลำบาก…
จากนั้นก็จะเป็นโอกาสดีในการเริ่มลงทุน
หลี่สือเดินถือแก้วไปนั่งตรงข้ามหม่าหยาง
หม่าหยางที่กำลังกลุ้มใจอยู่สะดุ้งโหยงเมื่อหลี่สือผู้ซึ่งค่อนข้างมีอายุนั่งลงตรงหน้า
อะไรกันเนี่ย
เขาต้องการอะไร โต๊ะฉันไม่มีสาวสวยสักคน
หรือว่า…พวกผู้ชายรวยๆ จะมีงานอดิเรกแปลกๆ
หม่าหยางไม่รู้จะพูดอะไร เขาแอบเลื่อนแก้วเข้าใกล้ตัวเองให้ออกห่างจากหลี่สือ
หลี่สือไม่รู้ว่าหม่าหยางคิดเตลิดไปไกลถึงไหน เขาคิดแค่ว่าอีกฝ่ายระแวดระวังตัวตามปกติ
“บอสหม่าใช่ไหมครับ ขอผมแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อหลี่สือ เป็น CEO ของบริษัทลงทุนฟู่หุยครับ”
หลี่สือยื่นนามบัตรให้หม่าหยาง “จริงๆ ผมเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ ไม่ทราบว่าบอสหม่าสนใจคุยเรื่องร่วมงานกับทางผมไหมครับ”
หม่าหยางเห็นว่าหลี่สือไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับตัวเองจึงค่อยๆ เลื่อนมือไปรับนามบัตรมาอ่านภายใต้แสงไฟสลัว



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี