นอกจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องสภาพการณ์ด้วย
เกมสไตล์ Souls ไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่ม ต้องผ่านช่วงที่ยอดขายตกต่ำมาก่อน
ตั้งแต่เกมแรกสุดอย่างเกม Demon’s Souls ไล่ไปเกม Dark Souls เกม Bloodborne เกม Dark Souls 3 ไปจนถึงเกม Sekiro ความยากของเกมค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ
ถึงจะยังรักษาแก่นความเป็นเกมสไตล์ Souls อยู่ แต่ผู้พัฒนาเกมก็ลดความยากของเกมลงเพื่อเพิ่มยอดขาย
แสดงให้เห็นว่ายิ่งเกมยากเท่าไหร่ ยอดขายก็น้อยลงเท่านั้น
แถมความสำเร็จของเกมสไตล์ Souls ยังขึ้นอยู่กับภูมิภาคด้วย
เกม Demon’s Souls พัฒนาไปในทิศทางตรงกันข้ามจากที่ค่ายเกมต้องการ ระหว่างค้นคว้าและพัฒนาเกม มิยาซากิ ฮิเดทากะไม่ได้ทำตามแนวทางที่วางเอาไว้และสร้างเกมในแบบของตัวเองขึ้นมา
ตอนที่ฝ่ายบริหารมารู้เรื่องเข้า เกม Demon’s Souls ก็พัฒนาเกือบจะสมบูรณ์แล้ว พวกเขาโกรธจัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ตอนแรกค่ายเกมไม่คิดว่าเกมนี้จะประสบความสำเร็จ ถ้าทาเคชิ ไคจิ ที่เป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์ไม่ค้านหัวชนฝา เกมก็คงไม่ได้ปล่อยออกมา
ช่วงแรกที่เกมปล่อย นิตยสารเกมชื่อดังอย่าง Famitsu ให้คะแนนเกมนี้แค่ยี่สิบเก้าคะแนน จากคะแนนเต็มสี่สิบคะแนน
เกมไม่ประสบความสำเร็จเลยภายในประเทศ มิยาซากิ ฮิเดทากะพยายามใช้เส้นสายที่มีอย่างเต็มที่ติดต่อไปยังค่ายเกมในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป สุดท้ายตัวเกมก็ดังเป็นพลุแตกขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด!
เหตุผลหลักที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเกมสไตล์ Souls ตรงรสนิยมเกมเมอร์ฝั่งตะวันตกที่ชอบเกมสแตนด์อโลน
ในประเทศจีน เกมสไตล์ Souls เริ่มมีกระแสในช่วงสิบห้าปีมานี้เอง
ตอนนี้สภาพการณ์ของอุตสาหกรรมเกมตรงตามที่เผยเชียนจำได้ เกมยากบรมแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของเกมเมอร์กลุ่มเล็กๆ ไม่ได้โด่งดังอะไรมาก
เมื่อเป็นแบบนี้ เผยเชียนก็น่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยการสร้างเกมสไตล์ Souls ที่ยากจนต้องร้องขอชีวิตขึ้นมาแล้ววางขายในประเทศจีน
นอกจากนั้น เพื่อกันไม่ให้ผู้เล่นฝั่งตะวันตกมาพบเกมนี้เข้า เขาต้องหยิบวัฒนธรรมหัวเซี่ย[1]มาใช้เป็นแนวทางในการทำเกมเพื่อสร้างความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้ผู้เล่นฝั่งตะวันตกเข้าไม่ถึงตัวเกมแม้จะพยายามลองเล่นดูแล้วก็ตาม!
เผยเชียนอดรู้สึกภูมิใจในตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ความคิดสร้างสรรค์ของคนเรานั้นไม่มีขีดจำกัดจริงๆ
ถ้าไม่ต้องพยายามหาทางทำให้บริษัทขาดทุนอย่างสุดกำลัง เขาก็คงไม่รู้เลยว่าตัวเองมีความคิดสร้างสรรค์ขนาดนี้!
…
เผยเชียนอธิบายแนวทางของเกมใหม่ให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด ก่อนจะสรุปข้อกำหนดออกมาห้าข้อ
ข้อแรก ตัวเกมจะใช้วัฒนธรรมหัวเซี่ยเป็นตีม ใส่ปริศนาคำทายภาษาจีนเข้าไปเยอะๆ และต้องเป็นภาษาจีนโบราณ
ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ไปโด่งดังในหมู่ผู้เล่นฝั่งตะวันตก
การจะแก้ปริศนาแต่ละอย่างได้ จะต้องเข้าใจภาษาจีนโบราณอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นฝั่งตะวันตกไม่คิดอยากเล่น!
นอกจากนั้นแล้ว ตัวเกมยังขายแค่ในประเทศ การไม่แปลเกมเป็นภาษาอื่นไม่ถือว่าขัดต่อกฎของระบบ
ข้อสอง เกมจะต้องยากมากๆ
เผยเชียนให้เปาซวี่กับลู่หมิงเหลียงเค้นสมองคิดหาวิธีการที่จะทำให้ผู้เล่นเล่นเกมไม่ผ่าน
เรื่องที่พวกเขาต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือทำให้ผู้เล่นยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้
ข้อสาม เกมจะต้องออกมาเป็นเกมแอ็กชันฟอร์มยักษ์
ต้องมีตัวละคร การเคลื่อนไหว และฉากหลายแบบ โดยเอาทุนไปลงกับทรัพยากรงานภาพอย่างเต็มที่!
พวกเขาต้องหาทางใช้เงินให้ได้เยอะที่สุด!
แน่นอนว่า การอัดทุนเพิ่มนั้นเป็นสไตล์การลงทุนที่เถิงต๋าใช้กับเกมที่ผ่านๆ มา จริงๆ แล้วเผยเชียนตั้งทุนไว้ในใจที่ยี่สิบล้านหยวน
เขาอยากจะตั้งให้สูงกว่านี้ แต่ระบบไม่อนุญาต
ทุนแค่นี้เทียบกับทุนค้นคว้าและพัฒนาโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ ของต่างประเทศซึ่งเริ่มตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงร้อยล้านไม่ได้เลยสักนิด แต่ถ้าเทียบกับโปรเจ็กต์ภายในประเทศแล้ว โปรเจ็กต์นี้นับเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่เลยทีเดียว
ข้อสี่ เกมนี้จะเปิดให้ผู้เล่นรีฟันด์ได้นานที่สุด
ตามที่แพลตฟอร์มเกมทางการกำหนดไว้ เกมที่ซื้อจากแพลตฟอร์มเกมทางการสามารถรีฟันด์ได้ภายในสามชั่วโมง โดยขยายเวลาให้นานขึ้นได้ แต่ลดเวลาให้สั้นลงไม่ได้
เอาเข้าจริงบริษัทเกมส่วนใหญ่ต่างอยากลดระยะเวลาการรีฟันด์ลง หรือไม่ก็ตัดออกไปเลย ไม่มีใครอยากยืดเวลารีฟันด์หรอก

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี