ผู้ช่วยที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือรีบชักมือกลับทันที
บรรยากาศในร้านดีมาก อาหารก็ทำออกมาดูดี ช่างทรมานเหลือเกินที่ไม่สามารถถ่ายรูปไปอวดเพื่อนได้!
ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ แล้วจะเอาประสบการณ์กินอาหารหรูนี้ไปอวดคนอื่นได้ยังไง
ปวดใจจริงๆ
แต่ที่บอสเผยพูดก็ฟังดูมีเหตุผล
อาหารดีๆ ไม่ควรรับรู้ด้วยลิ้นเพียงอย่างเดียวแต่ต้องใช้ใจและจิตวิญญาณด้วย
ถ้าเอาแต่คิดว่าจะอวดคนอื่นยังไงระหว่างกินก็จะไม่ได้สนใจถึงรสชาติอาหาร รสชาติที่สัมผัสได้จะแย่กว่าความเป็นจริง
ก็เหมือนกับการชื่นชมงานศิลปะ บางคนต้องจดจ่ออยู่กับมัน ถึงจะเข้าใจความงามของงานชิ้นนั้นได้
แต่ก็มีบางส่วนที่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไม่หยุด สิ่งที่พวกเขาคิดมีแค่เรื่องแสงกับมุมกล้อง จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะละเลยความงามของงานศิลปะ ณ ตอนนั้นไป
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงควรตั้งใจลิ้มรสอาหาร
ถ้ามัวคิดเรื่องถ่ายรูป อาจจะทำให้พะวงจนไม่สามารถเข้าถึงรสชาติอาหารทั้งหมดในจานได้
ถ้าคิดตามนี้ก็ถูกตามที่บอสเผยพูด!
ผู้ช่วยเก็บโทรศัพท์ไปเงียบๆ และเลิกคิดเรื่องถ่ายรูป
พนักงานจัดการล็อบสเตอร์ตัวใหญ่อย่างช่ำชอง เขาใช้กรรไกรตัดขาออกแล้วตักเนื้อด้านในออกมา จากนั้นก็ควักไข่สีทองด้านในเปลือกมาบรรจงวางไว้บนเนื้อแล้วจัดแบ่งให้ทุกคนบนโต๊ะที่รอลิ้มรสอยู่
เขาจัดแบ่งแต่ส่วนที่ดีที่สุดของล็อบสเตอร์ให้ ส่วนอื่นๆ ที่เหลืออย่างก้ามจะยกกลับไปที่ครัว
จากนั้นเชฟจะจัดการเอาเนื้อออกมาจากส่วนต่างๆ แล้วรังสรรค์เป็นจานอาหารออกไปเสิร์ฟอีกรอบ
เผยเชียนยกมือขึ้น “เชิญเลยครับคุณจาง”
จางจู่ถิงกับผู้ช่วยมองเนื้อหอมฉ่ำและไข่ตรงหน้า ความอยากอาหารของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงทันที
ผู้ช่วยของจางจู่ถิงรู้สึกว่าการเดินทางมาจิงโจวครั้งนี้คุ้มค่ามาก!
จางจู่ถิงได้ค่าจ้างสองล้านหยวนในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เกม แต่ผู้ช่วยไม่ได้สักหยวน
ตอนแรกเขาคิดว่าการมาจิงโจวครั้งนี้คงไม่มีอะไรพิเศษ น่าจะมาทำงานธรรมดาทั่วไป จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
ใครจะคิดเล่าว่าจะมีโอกาสได้มากินอาหารชั้นเลิศที่นี่!
ตัดเรื่องอื่นออก แค่นั่งเครื่องมากินล็อบสเตอร์ก็คุ้มค่ามากแล้ว!
จางจู่ถิงกินล็อบสเตอร์ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกว่าบอสเผยช่างเอาใจใส่จริงๆ!
ถึงพรุ่งนี้จะไม่ได้ถ่ายทำอะไรมาก แต่เขาบอกกับตัวเองว่าจะต้องจริงจังกับงาน เขาต้องดึงทักษะการแสดงของตัวเองออกมาใช้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อที่จะทำให้โฆษณานี้ออกมาสมบูรณ์แบบ!
…
เช้าวันต่อมา ที่สตูดิโอ
จางจู่ถิงแต่งตัวเต็มยศ ดูองอาจมาก
เขาสวมเกราะศึกสีเงินแดง ตรงไหล่มีหัวมังกรสีทองประดับอยู่ ชุดเกราะออกแบบมาอย่างดี ได้บทบาทความเป็นตัวละครมาก
ชุดนี้สั่งทำพิเศษเพื่อเขาโดยออกแบบตามชุดระดับสูงในเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรด
นอกจากนั้นเขายังมีกระบี่สีทองสะท้อนแสงที่ยาวเกือบเท่าขนาดตัวคนด้วย
แน่นอนว่าชุดเกราะกับกระบี่ไม่ได้ทำจากทองจริงๆ จึงไม่หนักมาก ถึงจางจู่ถิงจะเต้นไปรอบๆ ก็ไม่น่าจะเหนื่อย
จางจู่ถิงเห็นสารรูปตัวเองแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยว
ฉันเป็นใคร
ตอนนี้อยู่ไหน
กำลังทำอะไรอยู่
หลังจากมื้ออาหารเมื่อคืน จางจู่ถิงก็ตัดสินใจจะดึงทักษะการแสดงเกินร้อยเปอร์เซ็นต์มาใช้ในการถ่ายทำครั้งนี้เพื่อตอบแทนล็อบสเตอร์ของบอสเผย
แต่พอมาถึงสตูดิโอ เขาก็พบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ทำไมชุดกับพร็อบถึงได้เว่อร์ชะมัด
จางจู่ถิงเคยถ่ายงานย้อนยุคมากก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นชุดเกราะกับอาวุธที่เว่อร์ขนาดนี้
ดาบในมือที่ถืออยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีเลข ‘-1’ ปรากฏขึ้นบนหัวเรื่อยๆ บ่งบอกค่าสติปัญญาที่ลดลง
เขาหันมองบอสเผยด้วยแววตาสงสัย แต่บอสเผยกลับชูนิ้วโป้งให้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพอใจกับเซ็ตติ้งนี้
“นี่บทค่ะ ลองอ่านดูนะคะ บทง่ายมากๆ มีไม่กี่ประโยคเอง” สตาฟคนหนึ่งยื่นบทให้เขา
บทยาวแค่หนึ่งหน้ากระดาษ แถมยังใช้ฟ้อนต์ขนาดใหญ่เหมือนกลัวว่าจางจู่ถิงจะอ่านไม่ถนัด
จางจู่ถิงมั่นใจมาก
การจำบทถือเป็นของกล้วยๆ
เขาไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นที่ตะโกนหนึ่งสองสามสี่แล้วค่อยมาพากย์เสียงใส่ทีหลัง จางจู่ถิงมั่นใจมากว่าอ่านแค่สองสามรอบก็น่าจะจำบทได้
ถึงจะต้องให้คนไปพากย์เสียงใส่ที่หลังเพราะสำเนียงฮ่องกง แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถขยับปากให้ตรงกับคำพูดได้
เขาอ่านบทดู
“สวัสดีครับทุกคน! ผมจางจู่ถิงเอง ผมเล่นหนังมาหลายเรื่อง แต่เรื่องเกมต้องยกให้เพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดเท่านั้น เกมนี้ยุติธรรมสุดๆ พวกคุณจะได้สัมผัสความรู้สึกของพวกผู้เล่นสายวาฬ เกมนี้ดีมากสหายทุกคนมาร่วมรบไปด้วยกันเถอะ! “จางจู่ถิงชอบเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดมาก! เล่นเพลินสุดๆ ถ้าพลาดบอกเลยว่าต้องรอไปอีกร้อยยี่สิบปีถึงจะมีเกมแบบนี้อีก!
“นี่คืออัปเดตใหม่ที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อน แค่แป๊บเดียวพวกคุณจะรักเกมนี้เหมือนผม!”
บทมีแค่นี้ นับรวมดูแล้วไม่กี่ประโยค ใช้กระดาษแค่หน้าเดียวก็พอ
จางจู่ถิงดูงงงวย
ไหนล่ะพล็อต
ฉันเป็นถึงราชาภาพยนตร์ ถึงจะผ่านยุครุ่งเรืองมาแล้ว แต่ก็ฝึกฝีมือมาตลอด ทักษะการแสดงของฉันดีขึ้นมาก!
อุตส่าห์เตรียมตัวมาปล่อยของเต็มที่ แล้วนี่…มันอะไรกัน
บทนี่มันอะไร นี่มันบทของพวกโฆษณาง่อยๆ ไม่ใช่เหรอ!
แล้วฉันจะได้โชว์ทักษะอะไรกับบทแบบนี้ล่ะ
บทแค่นี้ อย่าว่าแต่ค่าจ้างสองล้านหยวนเลย แค่ชุดกับพร็อบแพงๆ พวกนี้ก็เสียของฉิบหายแล้ว!
จางจู่ถิงหันมองเผยเชียนอีกรอบ แต่กลับได้รับท่าทางให้กำลังใจกลับมา
เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะไล่สายตาจำบททั้งหมดทันที



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี