เขามาจิงโจวเพื่อจัดการธุระส่วนตัวและบังเอิญเห็นโพสต์บนเว่ยป๋อของจางจู่ถิงบอกว่ามีครัวส่วนตัวดีๆ ในเมืองนี้ เลยตัดสินใจมาลองชิมดู
เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่
“จองล่วงหน้าสำหรับคืนนี้ได้มั้ย” ชายหนุ่มพยายามทำใจเย็นอย่างสุดความสามารถ
พนักงานเสิร์ฟเอ่ยขอโทษ “ขอโทษครับ คืนนี้มีคนจองไว้แล้ว คำนวณเวลานำเข้าวัตถุดิบแล้ว คุณลูกค้าสามารถจองเป็นคืนวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้ได้ครับ”
ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก เขาหันมองพนักงานสลับกับเมนูอาหาร พยายามข่มกลั้นอารมณ์อยากด่าทอ สุดท้ายเขาก็สั่งกับข้าวสองจานกับซุปหนึ่งถ้วย
“เอาแค่นี้ก่อน” ชายหนุ่มยื่นเมนูคืน
“ได้ครับ กรุณารอสักครู่” พนักงานรับออเดอร์กับเมนูคืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมา ตั้งใจจะค้นดูว่ามีรีวิวร้านนี้หรือเปล่า แต่กลับค้นไม่เจออะไร แม้แต่ที่ตั้งร้านบนแผนที่ในมือถือของเขายังไม่มีเลย
นอกจากนั้นป้ายเล็กๆ บนโต๊ะที่เขียนเลขโต๊ะเอาไว้ยังมีคำเตือนแจ้งไว้ว่า ‘เพื่อให้ลิ้มรสชาติอาหารได้อย่างเต็มที่ โปรดงดเว้นการถ่ายรูป!’
ชายหนุ่มคิดถึงเมนูหรูที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า เมนูที่ไม่ต้องจองล่วงหน้าเป็นเมนูธรรมดาที่มีเสิร์ฟในร้านอาหารทั่วไป แถมยังตั้งราคาแพงกว่าที่อื่นอีก
“…นี่ฉันโดนหลอกมารึเปล่าเนี่ย”
ยิ่งคิดชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ภัตตาคารแห่งนี้ดูมีอะไรแปลกๆ
เขาชื่อเซวียเจ๋อปิน เป็นลูกชายคนเดียวของเซวียหยวนชิ่งผู้เป็นเจ้าของโรงงานถ่านหิน ว่าง่ายๆ คือเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลร่ำรวย เขาชอบทำตัวโดดเด่นสะดุดตาเหมือนพ่อ ไม่เคยเขินอายที่จะบอกให้โลกรู้ว่าตัวเองบ้านรวย
เซวียเจ๋อปินรวยมาก จึงไม่แปลกที่เขาจะเคยไปภัตตาคารส่วนตัวมาหลายที่ และรู้ว่าภัตตาคารส่วนตัวระดับสูงหลายแห่งมักมีกฎแปลกๆ
แต่น้อยครั้งมากที่จะเจอร้านที่มีกฎเยอะแยะเหมือนร้านนี้
ที่ทำให้เขาไม่พอใจคือท่าทีของพนักงานที่มักจะตอบอะไรไม่ได้ประโยชน์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับการนิ่งเงียบอยู่เฉยๆ
ถ้าภัตตาคารไม่ได้ตกแต่งอย่างหรูหราและจางจู่ถิงเป็นคนแนะนำเต็มที่ เขาคงจะตบโต๊ะลุกออกจากร้านไปนานแล้ว
จริงๆ แล้วที่เซวียเจ๋อปินมาที่ร้านก็เพราะเซวียหยวนชิ่ง พ่อของเขาเป็นแฟนคลับของจางจู่ถิง เขาเคยเลี้ยงข้าวจางจู่ถิงอยู่หลายครั้ง ก็เลยได้ติดตามเว่ยป๋อของจางจู่ถิงและได้รู้เรื่องภัตตาคารแห่งนี้เข้า
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันหาร้านนี้เจอหรอก
“รออีกหน่อยแล้วกัน ถ้าอาหารไม่อร่อย ฉันจะด่าร้านนี้ลงเว่ยป๋อ”
เซวียเจ๋อปินยึดมั่นในหลักการไม่ใส่ร้ายคนดี เลยตัดสินใจรอชิมอาหารดูก่อน
ถ้าอาหารสองจานที่สั่งไปรสชาติพอใช้ได้ เขาจะจองร้านวันพรุ่งนี้ไม่ก็วันมะรืนเพื่อลองชิมบรรดาอาหารหรูดู
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารที่เซวียเจ๋อปินสั่งไปก็มาเสิร์ฟ เขาสั่งกุ้งผัดชาหลงจิ่ง พีระมิดหมูสามชั้นตุ๋น และซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวย
ปริมาณอาหารในจานน้อยมาก แต่ราคากลับแพงหูฉี่
“เสิร์ฟอาหารไม่ช้าเท่าไหร่”
เซวียเจ๋อปินรู้ว่าพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างนาน นอกจากเชฟจะต้องหั่นหมูให้สวยงามแล้ว ยังต้องเอาไปตุ๋นอีก สามสิบนาทีถือว่าเป็นระยะเวลาเตรียมการที่เร็วเลยทีเดียว
นอกจากนั้นระหว่างที่กำลังรออาหารก็มีอาหารเรียกน้ำย่อยเบาๆ มาเสิร์ฟ รสชาติค่อนข้างดีจนทำให้เขาคลายความหงุดหงิดระหว่างรอไปได้นิดหน่อย
“เดี๋ยวจะได้รู้ว่าร้านนี้เป็นพวกลวงโลกรึเปล่า”
เซวียเจ๋อปินมองอาหารสองจานที่พนักงานยกมาเสิร์ฟ
เขาตั้งใจสั่งพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นกับซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวยเพราะรู้ว่าทั้งสองเมนูเป็นตัววัดทักษะการใช้มีดและฝีมือของเชฟได้ดีมาก
“หืม ไม่เลวเลยนี่”
แค่มองอาหารทั้งสองเมนูก็ทำให้ตาลุกวาวได้!
การทำพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋น เชฟต้องบรรจงตัดหมูทั้งชิ้นเป็นแผ่นบางๆ จากนอกเข้าใน ห้ามให้ขาดและต้องหนาเท่ากันพอดีพอได้เนื้อหมูเป็นแผ่นยาวแล้วก็ม้วนเป็นสี่เหลี่ยมแล้วเอาเข้าแม่พิมพ์พิเศษเพื่อเรียงเป็นรูปพีระมิด
ส่วนซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวยต้องหั่นเต้าหู้อ่อนยวบเป็นเส้นตรงบางราวเส้นไหมและต้องหั่นให้แต่ละเส้นหนาเท่ากันพอดี แถมยังห้ามทำขาดแม้แต่เส้นเดียว หลังจากนั้นก็เอาไปต้มในน้ำแล้วจัดเรียงให้เป็นทรงดอกเก๊กฮวย
เซวียเจ๋อปินสั่งสองเมนูนี้เพราะอยากจะรู้ว่าภัตตาคารนี้ดีจริง ไม่ใช่ร้านลวงโลก
เขาสั่งกุ้งผัดชาหลงจิ่งมาเผื่อกรณีที่พีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นกับซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวยออกมาไม่ได้เรื่อง อย่างน้อยจะได้มีอาหารบ้านๆ ไว้สำรอง
แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นกับซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวยออกมาดีกว่าที่คิด!
สองเมนูนี้เป็นตัววัดทักษะการใช้มีดของเชฟ มีแค่เชฟมือหนึ่งที่ฝึกฝนทักษะการใช้มีดมาเป็นสิบๆ ปีถึงจะทำออกมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้
นอกจากนั้นแล้ว อาหารทั้งสองจานยังไม่มีขอบเขตตายตัว ตัวอย่างเช่น ยิ่งหั่นเนื้อได้บางเท่าไหร่ พีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นก็จะมีจำนวนชั้นมากขึ้น ปกติแล้วพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นที่ผ่านเกณฑ์จะต้องมีเก้าชั้น แต่จานตรงหน้าเซวียเจ๋อปินมีทั้งหมดสิบเจ็ดชั้น แค่หน้าตาก็กินขาดพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นที่เซวียเจ๋อปินเคยเห็นมาแล้ว
เซวียเจ๋อปินอดใจไม่ไหว จึงหยิบตะเกียบคีบกุ้งผัดมาลองชิม
ตัวกุ้งนุ่มมากและได้กลิ่นชาหลงจิ่ง ถึงจะราคาจานละเกือบสามร้อย แต่เซวียเจ๋อปินก็คิดว่าอาหารออกมาคุ้มค่ามาก
เพราะเขาเคยกินเมนูนี้ครั้งหนึ่งที่ร้านอาหารจีนชื่อดังในเมืองหวงโจว รสชาติเหมือนจานนี้มาก!
เขาลองชิมพีระมิดหมูสามชั้นตุ๋นกับซุปเต้าหู้ดอกเก๊กฮวยต่อ รสชาติไม่ทำให้ผิดหวังเลย สมบูรณ์แบบทั้งสองจาน!
ผสานเข้ากับบรรยากาศอันอบอุ่นชวนสบายใจแล้ว เซวียเจ๋อปินก็รู้สึกว่าตัวเองมองร้านนี้ผิดไปในตอนแรก
การจะทำอาหารออกมาได้แบบนี้ต้องจ้างเชฟมือหนึ่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารหางโจวมาไกลหลายพันลี้ เชฟในจิงโจวไม่มีทางทำออกมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้น อาหารในเมนูไม่ได้มีแค่อาหารขึ้นชื่อเมืองหางโจว แต่ยังมีเมนูอื่นๆ อีกหลายแบบ
หมายความว่าจ้างเชฟมือหนึ่งคนเดียวนั้นไม่พอ
ถ้าเงินไม่มากพอก็ไม่สามารถดึงตัวเชฟมาได้ เพราะเชฟฝีมือดีทำงานที่ร้านอาหารชั้นสูงในเมืองของตัวเองก็น่าจะได้ค่าแรงสูงพอตัวอยู่แล้ว และเชฟเหล่านี้ก็น่าจะมองหาร้านที่ใกล้บ้านตัวเองมากกว่า ใครจะยอมถ่อมาทำงานไกลถึงจิงโจวกัน
ถ้าจ้างเชฟหลายคนแบบนี้ รายจ่ายต้องสูงมากแน่ๆ
แบบนี้จะหาเงินได้พอกลบรายจ่ายเหรอ
ตอนแรกเซวียเจ๋อปินคิดว่าแต่ละเมนูตั้งราคาแพงเกินไป แต่พอได้ลองชิมก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งแพงเกินไปเลย ถือว่าค่อนข้างถูกด้วยซ้ำ
เจ้าของภัตตาคารนี้หาเงินคืนทุนได้มั้ยเนี่ย
ปัญหาหลักคือร้านนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกลผู้คน เรื่องโฆษณาร้านนี่ไม่ต้องพูดถึง แค่ป้ายหน้าร้านยังไม่มีเลย จนถึงตอนนี้ เซวียเจ๋อปินยังไม่รู้เลยว่าร้านนี้ชื่ออะไร
จวนจะเที่ยงแล้ว แต่ในภัตตาคารใหญ่โตแบบนี้ เซวียเจ๋อปินกลับเป็นลูกค้าเพียงคนเดียว
ร้านนี้กำลังขาดทุนอยู่หรือเปล่านะ
เซวียเจ๋อปินมองจานอาหารสลับกับพนักงานที่กำลังยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆ จากนั้นก็มองไปรอบๆ เห็นบรรยากาศด้านนอก โต๊ะ เก้าอี้ จานชามหรูหราคุณภาพดี…
“หรือว่า…ร้านนี้จะแอบทำอะไรผิดกฎหมายอยู่ด้วย”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี