บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 497

หลังจากเข้าวังแล้ว ก่อนอื่นก็ส่งลูกชายทั้งสามคนไปยังตำหนักบูรพาตงกงก่อน

หลังจากไปถึงแล้ว มู่หรูกงกงกับเลขานุการกรมพิธีการได้นำคนมารออยู่ก่อนแล้ว แม่นมหูที่รับใช้ข้างกายไทเฮาก็อยู่ด้วย

เสื้อผ้าของลูกชายทั้งสามคนได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เพื่อจะเปลี่ยนให้กับพวกเขา

ซาลาเปาเป็นราชนัดดาองค์ใหญ่ ฉะนั้น เพิ่งจะครบเดือนก็ได้สวมใส่ชุดลายปักมังกรบิน สีม่วงเหลือบแดง สวมหมวกทรงกลมสีเหลืองขอบแดง

ทังหยวนกับข้าวเหนียวที่เป็นพระราชนัดดาก็สวมใส่ชุดสีม่วงเหลือบแดง แต่ละคนมีลายปักเป็นอินทรีย์กับสัตว์เทพในตำนาน หูสองข้างด้านล่างศีรษะกลมมน ยิ่งเสริมให้ดูเหมือนเทพแห่งนักรบ

หยู่เหวินเห้ามองพวกเขา รู้สึกเพียงหัวใจเต็มไปด้วยความยินดี ทำไมลูกจึงน่ารักน่ามองขนาดนี้

หยวนชิงหลิงก็รู้สึกชื่นชอบมาก หอมไปคนละหนึ่งที ซาลาเปาฉีกยิ้มออกมา ทังหยวนเงียบสงบอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ ข้าเหนียวมีแต่ความงงงวยเต็มใบหน้า

หลังจากสวมใส่ทั้งหมดจนครบแล้ว ก็ไปยังศาลบรรพชนเสินหมิง

ไท่ซ่างหวง ไทเฮา ฮ่องเต้หมิงหยวนและฮองเฮาต่างก็อยู่ที่นั่นแล้ว แน่นอนว่า ท่านหญิงของแต่ละตำหนักก็มาด้วย

ไทเฮารออย่างกระวนกระวายใจอยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ยินว่ามากันแล้ว “โธ่เอ๊ย ทำเอาข้ารอจนคอยืดยาวแล้ว”

เห็นทั้งสามคนที่มีมาดนักรบอันหล่อเหลา ไทเฮายิ่งรู้สึกชอบใจมาก เรียกแต่ละคนว่ายอดดวงใจ ทำเอาหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงที่จะทำการคำนับเสียเวลาไปหลายครั้ง

ยังคงเป็นไท่ซ่างหวงที่คงความเคร่งขรึมจริงจัง “พอแล้ว ให้พวกเขาพาเด็กๆไปคำนับก่อน ประเดี๋ยวก็มีเวลาของเจ้า ”

ไท่ซ่างหวงกระทั่งรู้สึกรังเกียจ

รู้ว่าตัวเองเป็นแม่เฒ่าที่แก่มากแล้ว กลับเอาริมฝีปากของตัวเองไปแตะที่หน้าของคนอื่นอยู่เรื่อย ไม่รู้สึกสกปรกหรืออย่างไร

เพราะฉะนั้น รอให้หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงพาลูกๆทั้งสามคนเข้าไปคำนับเหล่าบรรพชนที่ล่วงลับไปเสร็จแล้ว ตอนที่อุ้มออกมาคำนับเขา อย่างไม่มีที่มาที่ไปและไม่รู้ว่าเขาไปล้วงเอาผ้าเช็ดมือออกมาจากไหน เช็ดไปที่หน้าของเด็กๆทั้งสามคน เช็ดแล้วเช็ดอีก

ไทเฮามองเห็นแล้ว ก็รู้ว่าเป็นการรังเกียจตน ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กล้าล่วงเกินไท่ซ่างหวง ได้แต่เอ่ยพึมพำว่า “ราวกับก้อนแป้งข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม ใครเห็นแล้วไม่เอ็นดูบ้าง”

ฮ่องเต้หมิงหยวนจัดระเบียบเสื้อผ้าแล้วนั่งอย่างเป็นระเบียบ หลังจากคุกเข่าคำนับเสร็จแล้ว เขาก็รีบอ้าสองแขนออกกว้าง “มา เสด็จปู่อุ้มหน่อย”

มู่หรูกงกงถามขึ้นว่า “ฮ่องเต้พระองค์ต้องการอุ้มคนไหนพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างมองไปที่ฮ่องเต้หมิงหยวน หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงต่างก็มองเขาด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาทันที

คนแรกที่เขาอุ้มในวันนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต้องการแสดงถึงสิ่งอื่นใด แต่คนข้างนอกต้องคิดว่าเขามีแน่

ตามหลักแล้วอุ้มราชนัดดาพระองค์โตถือว่าถูกแล้ว แต่ราชนัดดาอีกสองพระองค์ไม่เท่ากับถูกละเลยไม่ให้ความสนใจหรอกหรือ

เขายื่นมือออกไป ใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังไท่ซ่างหวงด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

ไท่ซ่างหวงไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเขาพูดอะไรออกไป นั่นมีความหมายสำคัญมากกว่าฮ่องเต้หมิงหยวนยื่นมือออกไปอุ้มด้วยตนเองเสียอีก

ด้วยเหตุนี้ ไท่ซ่างหวงจึงหันหน้ามองออกไปทางอื่น ทำเหมือนมองไม่เห็น

ฮ่องเต้หมิงหยวนได้แต่พูดยิ้มๆว่า “อุ้มทั้งสามคนเลย เอามา ”

เช่นนี้เอง เด็กทั้งสามคนถูกยัดไปไว้ข้างกายเขา เขาใช้มืออุ้มข้างละหนึ่งคน ข้าวเหนียวนอนนิ่งอยู่ที่ ต้นขาใหญ่ ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่กล้าขยับตัว เพราะว่า เด็กที่ครบเดือนแล้ว ได้กินนมอย่างเพียงพอ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งสามคนน้ำหนักก็ไม่เบา

แต่ทว่า ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก มองคนนี้ที มองคนนั้นที แล้วพูดว่า “อืม หลานคนนี้เหมือนข้า คนนี้ก็เหมือนข้า”

เหล่าของว่างต่างก็บิดตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน “ปู๊ดๆๆ”ผายลมออกมา เป็นการตอบรับคำพูดของฮ่องเต้หมิงหยวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน