แน่นอนว่าไม่มีเวลาอยู่แล้ว
ในบ้านยังมีคนแก่ที่บาดเจ็บอยู่หนึ่ง เด็กน้อยอีกหนึ่ง เธอจะวางใจแล้วไปกินข้าวกับคนอื่นได้ที่ไหนกัน
เธอปฏิเสธไป จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมเลิกงานกลับบ้าน
สถานการณ์ในบ้านของเธอ คนในแผนกศัลยกรรมต่างก็เข้าใจดีทั้งนั้น หัวหน้าพยาบาลก็บอกไว้แล้วเหมือนกัน ถ้ามีเรื่องอะไร หมอคนอื่นในโรงพยาบาลไม่สามารถทำได้ ก็จะโทรศัพท์หาเธอ
คิดๆดูแล้วก็ใช่ ถ้าจู่ๆถูกเรียกมาที่โรงพยาบาลกลางดึกกลางดื่น ทิ้งคนที่พิการครึ่งซีกหนึ่งคน กับเด็กอีกหนึ่งคนไว้ที่บ้าน เธอวางใจลงไม่ได้จริงๆ
เธอไปรับมู่มู่ก่อน เด็กน้อยช่างพูดที่พอเห็นหม่ามี๊ก็ตื่นเต้นดีใจก็เริ่มการแสดงของเธออยู่ที่เบาะหลัง เด็กคนไหนฉี่ราดกางเกง ใครทำน้ำซุปหกตอนกินข้าว แล้วก็ใครที่ไม่นอนกลางวันแถมยังดึงผมหางเปียของเธออีก
เวลาส่วนใหญ่ ไป๋ซีเยว่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ฟัง พูดตามจริง ทำงานยุ่งที่โรงพยาบาลมาตลอดทั้งวัน เธอก็เหนื่อยจนแสดงอารมณ์อะไรออกมาไม่ไหวแล้ว การที่จะคาดหวังให้เธอพูดจาฉะฉานกับมู่มู่ด้วยความดีอกดีใจนั้น มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
แต่ไป๋ซีเยว่จะเพิ่มคำเสริมน้ำเสียงลงไประหว่างการสนทนากันของทั้งสองคนอย่างเหมาะสม
“ว้าว!”
“ฮ่าๆ!”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“อื้อ”
หลอกมู่มู่ว่าไม่มีปัญหา
ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน ลงจากรถ มู่มู่อ้าสองแขนจะให้เธออุ้ม
ไป๋ซีเยว่อุ้มเธอลงจากรถ วางไว้บนพื้นไปตรงๆ
มู่มู่ไม่เต็มใจ กอดขาของเธอ“อุ้มๆ!หม่ามี๊อุ้ม!”
มู่มู่หนักหนึ่งกิโลครึ่งแล้ว ทั้งตัวมีแต่เนื้อล้วนๆ อุ้มไปสักพักจะรู้สึกหนักแขน ตอนผ่าตัด ไป๋ซีเยว่ก็ใช้เรี่ยวแรงพลังงานที่แขนมากเกินไปแล้ว เหนื่อยจนสภาพเป็นแบบนี้ ตอนกินข้าวเธอยังไม่อยากจะถือตะเกียบเลยด้วยซ้ำ
เธอคว้ามือที่จ้ำม่ำของมู่มู่ พร้อมกับพูดปลอบเธอ“หม่ามี๊จูงมู่มู่ ดูว่าจะบินขึ้นมาได้ไหม?”
“เริ่มแกว่ง!”
มู่มู่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจทันที วิ่งเตาะแตะตามไป๋ซีเยว่ไป
ไม่มีทางบินขึ้นมาได้อยู่แล้ว แถมยังทำให้มู่มู่เหนื่อยจนหายใจหอบหืดอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คิดจะรัก คิดถึงอดีต(เมีย)