ฉินเป่ยบอกลาพ่อกับแม่ก่อนจะออกจากบ้าน
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงหน้าห้องของอวี่เจียวหรง
อันหนิงยืนอยู่หน้าประตู เขาเห็นสีหน้าของอันหนิงไม่ค่อยสู้ดีก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ก่อนจะรีบถาม “หรงเอ่อร์เป็นอะไรไป?”
เมื่อได้ยินฉินเป่ยเรียกเธออย่างสนิทสนม เธอก็รู้สึกเกลียดเขาแทบตาย
แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งที่อวี่เจียวหรงบอกกับเธอ เธอก็ไม่กล้าเสียมารยาทต่อฉินเป่ย จึงรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับเขา “วันนี้ก่อนที่คุณหนูของเราจะออกจากโรงพยาบาลได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง จากนั้นก็อารมณ์ไม่ดีเลยค่ะ”
“ฉันจะพูดยังไงก็ไม่ได้ผลเลย คุณเข้าไปดูคุณหนูของเราเถอะค่ะ ตอนนี้ในใจเธอมีแต่คุณ คุณอย่าทำให้เธอผิดหวังแล้วก็อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะคะ”
“ถือว่าฉันขอร้องล่ะค่ะ!”
อันหนิงร้องไห้ ถึงเธอจะเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของอวี่เจียวหรง แต่อวี่เจียวหรงก็ปฏิบัติต่อเธอราวกับพี่น้องแท้ ๆ
“ได้ ให้ผมจัดการ คุณไปพักเถอะ”
หลังจากให้อันหนิงกลับออกไป ฉินเป่ยก็เคาะประตูห้องของอวี่เจียวหรง ตรีลมปราณสัตตะชีพจรของอวี่เจียวหรงแย่ลง และวัตถุดิบยาอีกหลายตัวก็ยังหามาไม่ได้
อีกทั้งกระบวนการรักษาทั้งหมดก็กินเวลายาวนาน เดิมที่เขาตั้งใจจะอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ ค่อยมารักษาอวี่เจียวหรง
แต่หลังจากเห็นอาการของอวี่เจียวหรงแล้ว เขาก็ตัดสินใจรักษาเริ่มอาการบาดเจ็บของเธอก่อนทันที
สีหน้าของเธอแย่มาก ขาวซีดราวสำลี
“ฉินเป่ย คุณมาแล้ว นั่งลงก่อนสิคะ”
หลังจากเห็นฉินเป่ยเข้ามา อวี่เจียงหรงก็เปลี่ยนท่าทีทันที สีหน้าที่กลัดกลุ้มก็มลายหายในพริบตา เป็นความอ่อนโยนที่ยังคงไว้ซึ่งความเด็ดขาด เธอปัดเตียงเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าให้ฉินเป่ยมานั่งตรงนี้
ฉินเป่ยไม่กล้ารอช้า เขารีบเดินไปนั่งลงข้างอวี่เจียวหรง ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงบนหัวเข่าของเขา แล้วเริ่มจับชีพจรของเธอ
จากนั้นฉินเป่ยก็พูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ทั้งปวดใจและโมโห “หรงเออร์ ผมกำชับคุณแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าให้ทำใจให้สงบ ห้ามโกรธห้ามฉุนเฉียวยังไงครับ”
“ทำไมคุณถึงไม่ฟังผมบ้างเลยนะ ตอนนี้ลมปราณของคุณไม่เสถียรเลย มันกระทบไปถึงจตุลมปราณอัฐชีพจรของคุณแล้วนะครับ!”
“รีบนอนลงเถอะ ผมจะฝังเข็มให้คุณ พรุ่งนี้ผมจะต้องสร้างตรีลมปราณสัตตะชีพจรให้คุณ”
ฉินเป่ยพูดพร้อมกับกดร่างกายของอวี่เจียวหรงเบา ๆ เพื่อให้เธอนอนลง แต่เธอกลับนอนทับตัวลงในอ้อมกอดของเขา
“คุณเรียกฉันว่าหรงเออร์เหรอคะ? ฉันชอบจังเลยค่ะ เรียกอีกครั้งเถอะนะคะ!”
“เรียกอีกครั้งกับผีบ้านผีเรือนน่ะสิครับ! รีบนอนลงเดี๋ยวนี้เลย!”
ฉินเป่ยทำเสียงเข้มงวด แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าอวี่เจียวหรงจะลุกจากอ้อมอกไปนั่งคร่อมเขาแทนก่อนจะดันเสื้อผ้าบนตัวของตัวเองลง จากนั้นก็แนบร่างกายของเธอเข้ากับอ้อมกอดของเขา
“ฉินเป่ย ฉันจะกลับกรมการทหารแล้ว เป็นเรื่องด่วน แต่คุณมั่นใจได้เลยนะคะว่าฉันจะกลับมา ตอนนี้ฉันเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง เรามาทำเรื่องที่ควรทำกันเถอะนะคะ”
อวี่เจียวหรงลุกขึ้นก่อนจะกดฉินเป่ยลงกับเตียง รูปร่างที่เว้าโค้งงดงามราวรูปปั้นหยกเปิดเผยอยู่ต่อหน้าของฉินเป่ยทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่าย
“หรงเออร์จะกลับกรมการทหารเหรอครับ? ร่างกายเป็นแบบนี้ยังจะกลับไปอีก คุณจะไม่รักษาชีวิตแล้วรึไง”
“ตอนนี้คุณเป็นคนไข้ของผม ผมไม่อนุญาตให้คุณออกห่างจากสายตาผม”
“นอนลง! ตอนนี้ผมจะฝังเข็มให้ลมปราณในร่างกายของคุณเสถียรก่อน พรุ่งนี้ผมจะเตรียมวัตถุดิบยาทั้งหมดให้เร็วที่สุด อาการบาดเจ็บภายในของคุณจะชักช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ”
ทำไมฉินเป่ยจะไม่อยากลิ้มรสช่วงเวลาหอมหวานดั่งใบไม้ผลิ แต่เขาทำไม่ได้ เขารีบดึงชุดนอนมาปิดร่างกายของอวี่เจียวหรงแล้วเตรียมฝังเข็มให้เธอ
แต่อวี่เจียวหรงกลับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหวานซึ้ง “ฉินเป่ย ขอบคุณนะ ร่างกายของฉันฉันรู้ดี รอฉันกลับมาแล้วค่อยรักษาเถอะค่ะ คุณฝังเข็มให้ฉันตอนนี้เถอะค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่ยอมให้ฉันไปนอนตายในกรมการทหารแน่”
อวี่เจียวหรงพูดอย่างมั่นใจ ฉินเป่ยเองไม่ได้คะยั้นคะยอต่อ จึงเริ่มฝังเข็มให้เธอเพื่อทำให้ลมปราณในร่างของเธอเสถียร
เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง การฝังเข็มก็สิ้นสุด
อวี่เจียวหรงลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะจับหน้าของฉินเป่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รอฉันกลับมานะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณภรรยาเทพนักรบของผม
ต้องการอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
อยากอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
ไม่ไปต่อแล้วเหรอครับ...
บทที่ 11-14 หายไปไหนเหรอครับ...