โจวชิงเกาในทุกวันนี้ จู๋เชี่ยผู้นาแห่งกระโจมเจี่ยเชินในอดีต ก็ เหมือนอย่างค าสัพยอกของเจิ้งจวีจง คือผู้เลื่อมใสอิ่นกวานอันดับ หนึ่งซึ่งเป็ นที่ล่วงรู ้กันทั้งสองใต้หล้าอย่างแท้จริง
ช่วงเวลาที่เฉินผิงอันอยู่เฝ้ าหัวกาแพงเมืองของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ จู๋เชี่ยก็เคยขอร ้องให้อิ่นกวานหนุ่มอนุญาตให้ตัวเองขึ้น ไปบนก าแพงเมือง หมายจะขอความรู ้จากเฉินผิงอัน ร่วมทบทวน สถานการณ์สู้รบไปด้วยกัน
ภายหลังสมาชิกในการประชุมของทั้งฝ่ ายศาลบุ๋นและฝ่ าย ภูเขาทัวเยว่ สองใต้หล้าคุมเชิงกันอยู่ไกลๆ ในถ้อยคาที่โจวชิงเกาเอ่ย ก็ยิ่งไม่ปิดบังความเลื่อมใสที่ตัวเองมีต่อเฉินผิงอัน
อวี๋เสวียนกวาดตามองเถ้าธุลีของยันต์ที่ถูกเจิ้งจวีจงทาลายไป พยักหน้าเอ่ยว่า “ยันต์ดี”
เพียงแต่ว่าวิธีการของคนวาดยันต์ต่าช ้าไปสักหน่อย อีกทั้งยัง เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนมาเป็ นอย่างดี หมายจะเล่นงานอิ่นกวาน หนุ่มอย่างชัดเจน
เพราะยันต์นี้มีขีดจากัดของธรณีประตู จาเป็ นต้องรวบรวมเอา เลือดของคนคนหนึ่งมานอกจากนี้ทั้งเส้นผม เล็บมือและน้าลาย ฯลฯ ก็ล้วนสามารถน ามาท าเป็ น “กระดาษยันต์” ให้กับยันต์ประเภทนี้ได้
ด้วย หากว่าคนที่วาดยันต์สามารถนาแก่นเลือดแห่งชะตาชีวิตของผู้ ฝึกลมปราณที่เป็ นศัตรูกันมาได้ หรือสามารถนาจิตวิญญาณ พลัง จิตส่วนหนึ่งมา ระดับขั้นของยันต์ที่วาดออกมาก็จะสูงยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็วาดรูปลักษณ์ของผู้ฝึกลมปราณลงไป เขียนวันเดือนปีเกิด ที่แน่ชัดลงไปด้วย ยันต์จึงจะถือว่าสาเร็จ
เฉินผิงอันขมวดคิ้วน้อยๆ คิดคานวณในใจอย่างว่องไว
ปีนั้นอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ไม่ใช่แค่เฉินผิงอันเท่านั้นที่ ระมัดระวังรอบคอบอย่างถึงที่สุด ป๋ ายหมัวมัวที่เป็ นผู้ดูแลเรือน ตระกูลหนิงและน่าหลันเย่สิงที่เป็ นคนเฝ้ าประตูผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ต่างก็ระมัดระวังกันมาก เคยกาชับเฉินผิงอันไว้นานแล้วว่าทุกครั้งที่ สระผมตัดเล็บล้วนต้องเก็บเส้นผมที่ร่วงและเศษเล็บมาให้หมด ทางที่ ดีที่สุดคือทาลายทิ้งไปทันที อย่าได้เหลือ “หลักฐาน” ไว้แม้แต่น้อย นอกจากนี้ทุกครั้งที่เฉินผิงอันไปดื่มเหล้าที่ร ้านเหล้าก็ระวัง รายละเอียดพวกนี้อย่างมาก
หลังจากเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลบร ้อนแล้ว ต้องลงสนามรบอยู่ หลายครั้ง เฉินผิงอันก็ปิดบังตัวตนอย่างลึกล้าเรียกได้ว่าระวังตัวสุด ขีด ไม่ให้ถูกกระโจมเจี่ยจื่อของเปลี่ยวร ้างพุ่งเป้ าเล่นงาน ถึงขั้นที่ว่า แม้แต่วิธีที่ต้องปลอมตัวเป็ นสตรีเขาก็ยังเอามาใช ้ จนถึงทุกวันนี้ที่ นครบินทะยานก็ยังมี “เรื่องเล่าขานที่งดงาม” เรื่องหนึ่งอยู่เลย ซึ่ง มักจะถูกผู้ฝึกกระบี่สายของสิงกวานเอาไปเป็ นกับแกล้มแกล้มสุราที่ รสชาติเลิศล้าที่สุด
ดังนั้นช่องโหว่เพียงหนึ่งเดียว เกินครึ่งก็น่าจะเป็ นช่วงก่อนที่เฉิน ผิงอันจะรับหน้าที่เป็ นอิ่นกวาน ได้ออกรบแทนหนิงเหยา การจับคู่ เข่นฆ่ากับหลีเจินลูกศิษย์ปิดส านักของบรรพบุรุษใหญ่แห่งเปลี่ยวร ้าง ครั้งนั้น
เวทคาถาบนภูเขามีความประหลาดมหัศจรรย์หลากหลาย มากมายจนมิอาจป้ องกันได้หวาดไหวอย่างแท้จริง
ภายหลังหวนกลับมายังไพศาล ในอารามหวงฮวาของนครเซิ่น จิ่งราชวงศ์ต้าเฉวียน เฉินผิงอันเคยถูกเผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่ที่ปิดบัง ชื่อแซ่ใช ้ร่มกระดาษน้ามันคันหนึ่งต่างกระบี่บินแทงทะลุผ่านหน้าท้อง …
เพราะตราประทับชิ้นนั้น หลิวเม่าผู้เป็ นเจ้าอารามจึงได้ถูกทางฝั่ง ของศาลบุ๋นตรวจ สอบมาก่อนแล้ว จึงสามารถตัดออกจากผู้ต้อง สงสัยได้ หรือจะเป็ น…นักพรตน้อยสองคนที่ยังไม่ได้หลอมลมปราณ?
มีโอกาสเฉินผิงอันจะต้องกลับใบถงทวีปไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ตัวเอง หรือไม่ก็สามารถส่งกระบี่บินไปบอกยอดเขามี่เซวี่ยอย่างลับๆ ให้ชุยตงซานรีบตรวจสอบก่อนได้?
หลวี่เหยียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นักพรตแบ่งสมาธิเป็ นเรื่องที่ สิ้นเปลืองแรงใจที่สุด หลักการเหตุผลข้อนี้ไม่ระวังไม่ได้”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ข้าจะระวัง”
นักพรตฉุนหยางท่านนี้กาลังเตือนถึงเรื่องที่เฉินผิงอันแบ่งแยก ดวงจิตออกไปก่อนหน้านี้ว่าต้องระวังให้มาก
เรื่องการแบ่งแยกดวงจิตมีธรณีประตูสูงผลประโยชน์น้อยสาหรับ บนภูเขา ผลประโยชน์กับความเสี่ยงไม่ใช่อัตราส่วนโดยตรง ข้อแรก จาเป็ นต้องใช ้ยันต์แทนตัวซึ่งกระดาษยันต์แผ่นหนึ่งมีราคาสูงมาก แต่ ตบะและขอบเขตของร่างแยกกลับต่ากว่าร่างจริงไปมาก อีกทั้งตัว แทนมิอาจเป็ นฝ่ ายฝึกตนได้ด้วยตัวเองจึงค่อนข้างเหมือนซี่โครงไก่ ข้อที่สอง เนื่องจากเฉินผิงอันคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง เรือน กายแข็งแรงทนทานเหนือเกินกว่าผู้ฝึกลมปราณทั่วไป ถึงได้สามารถ เรียกใช ้ยันต์มากมายขนาดนั้นในเวลาเดียวกัน หาไม่แล้วดวงจิตดวง หนึ่งสิงอยู่บนยันต์เดินท่องอยู่ในฟ้ าดินเพียงลาพังก็เหมือนเปลวเทียน ความเร็วในการเผาผลาญปราณวิญญาณของยันต์หุ่นเชิดแผ่นหนึ่ง จะว่องไวอย่างมากส าหรับผู้ฝึ กตนห้าขอบเขตบนแล้วการกระท า เช่นนี้แทบไม่มีผลประโยชน์ใดๆ บนมหามรรคาให้กล่าวถึง กลับกัน หากร่างแยกเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน มิอาจถูกร่างจริงดึงกลับคืนมาได้ เป็ นเหตุให้จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนได้รับความเสียหาย จิตวิญญาณ ไม่ครบถ้วนก็ต้องเสียใจจนไส้เขียว ได้แต่โอดครวญอย่างทุกข์ ทรมานใจ ด้วยเหตุนี้จึงได้ไม่คุ้มเสีย
เจิ้งจวีจงกล่าว “ความผิดพลาดแบบเดียวกันอย่าได้ทาผิดเป็ น ครั้งที่สอง เชื่อว่าทางฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างน่าจะมีปีศาจใหญ่ที่เริ่ม
ลงมือศึกษาชุยฉานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เจ้าจะตามหาเครื่องกระเบื้อง แห่งชะตาชีวิตมาให้ครบทุกชิ้นก็ควรเร่งมือเข้าหน่อย”
เพราะหากจิตวิญญาณบางส่วนของผู้ฝึกตนมิอาจดึงกลับมาที่ ร่างจริงได้ โรคที่ทิ้งไว้เบื้องหลังก็จะมีเยอะมาก อีกทั้งยังจะรับมือได้ ยากมากกว่ากันขึ้นทุกที เบาหน่อยก็เป็ นเหตุให้ผู้ฝึกตนยากจะฝ่ า ทะลุคอขวดของบางขอบเขตไปได้ จิตแห่งมรรคามิสมบูรณ์ หนัก หน่อยก็คือถูกผู้ฝึกตนที่เป็ นศัตรูอย่างพวกเฝยหราน โจวชิงเกาคว้า โอกาสไว้ได้ ยกตัวอย่างเช่นเอาดวงจิตดวงนั้นไปทาเป็ นแก่นยันต์ หลอมเป็ นกระดาษยันต์ ขัดเกลาท าลายตบะได้ตามใจชอบ ถึงขั้น ที่ว่าอาจทาลายไปถึงรากฐานมหามรรคา ผลลัพธ ์ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ทางฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างเอาอย่างซิ่วหูซุยฉาน ใช ้วิธีการที่ คล้ายคลึงกับการสร ้างคนกระเบื้อง หุ่นเชิดยันต์ขึ้นมา ต่อให้ระดับ ความสูงจะอยู่ห่างชั้นจากชุยฉานมาก ถูกกาหนดมาแล้วว่ามิอาจ “เปลี่ยนจากแขกมาเป็ นเจ้าบ้าน” ได้ แต่ก็จะต้องมีโอกาสสร ้าง สถานการณ์บางอย่างที่ทาให้เฉินผิงอันปวดหัวอย่างถึงที่สุดได้ แน่นอน ความเกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายก็เหมือนคนกระเบื้องที่อยู่ข้าง กายชุยตงซานซึ่งมีความเกี่ยวพันแนบแน่นกับเกาเฉิงวิญญาณ วีรบุรุษของนครจิงกวานชายหาดโครงกระดูก
ดวงจิตดวงหนึ่งยังเป็ นเช่นนี้? แล้วถ้าเครื่องกระเบื้องแห่งชะตา ชีวิตตกไปอยู่ในมือของเปลี่ยวร ้างเล่า?
เฉินผิงอันพยักหน้ารับเงียบๆ
เจิ้งจวีจงเอ่ยต่ออีกว่า “ยังคงเป็ นเพราะเห็นทัศนียภาพของบน ยอดเขามาน้อยเกินไปมีเหตุผลให้พออภัยได้”
เมื่อครู่นี้หากไม่เป็ นเพราะหลี่ซีเซิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึง ส่งเสียงเตือนทุกคนเป็ นเหตุให้แสงกระบี่ของป๋ ายจิ่งแค่ระเบิดยันต์ใน ส่วนน้อยเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!