กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1011

สรุปบท บทที่ 1011.2 ใครไม่ใช่นกขมิ้น: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 1011.2 ใครไม่ใช่นกขมิ้น จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1011.2 ใครไม่ใช่นกขมิ้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทางฝั่งของอวี๋โจวมี “เฉินผิงอัน” ที่ใช ้สถานะของอุบาสกที่นับถือ พระพุทธเจ้าไปอยู่ที่วัดนิกายวินัย ศึกษาการรักษาศีล เน้นศึกษาใน เรื่อง “ธรรมคุปตะวินัย” และหลักการกับจุดประสงค์ทางพุทธศาสนา ของนิกายวินัยก็อยู่ที่คาว่า “ศีล” และศีลมากมายก็สามารถสรุป ออกเป็ นสองประเภทได้แก่ “หยุดการถือมั่น” และ “ยึดมั่นใน หลักการ” หยุดการถือมั่นคือไม่ทาความชั่วทั้งปวง หยุดกระทาความ ชั่วร ้าย ยึดในหลักการก็คือปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทาแต่สิ่งที่ดี ดังนั้น “เฉินผิงอัน” ที่อยู่ที่นี่ ก่อนหน้านั้นถึงได้เขียนประโยคภาษาธรรมของ ลัทธิพุทธลงไป

ในอาณาเขตของแคว้นชิงซิ่งมีผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่นคนหนึ่งที่ อ่านต าราพิชัยยุทธอยู่ในโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนทุกวัน หากออกไป เที่ยวข้างนอกในมือก็จะต้องถือเข็มทิศตามหาฮวงจุ้ยที่ดี ควบคู่ไปกับ การฝึกวิชาห้าธาตุหยินหยาง

บริเวณใกล้เคียงกับภูเขาตะวันเที่ยงมีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่า พรรคกิ่งไผ่ภูเขาไฉอวี้ รับหน้าที่เป็ นจือเค่อฝ่ ายนอก ใช ้ศาสตร ์แห่ง การค านวณมาศึกษารากฐานของส านักกสิกรรมและส านักการค้า อย่างลึกซึ้ง

เซวียหรูยิ้มองตัวอักษรสามสิบหกตัวแล้วเงยหน้าถามว่า “เจ้า เป็ นใครกันแน่?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “บนภูเขาของโลกมนุษย์ ใครเล่าไม่ใช่ “นักพรต”

เซวียหรูอี้ก้มหน้าลงอีกครั้ง มองตัวอักษรสามสิบหกตัวที่ถูกแบ่ง วรรคตอนใหม่ ยิ่งใคร่ครวญนางก็ยิ่งรู ้สึกว่ามีความหมายลึกซึ้งอย่าง หาที่สิ้นสุดไม่ได้ หากไม่ผิดไปจากที่คาดการอ่านประโยคแบบนี้จึงจะ เป็ นการไขข้อความได้อย่างถูกต้อง!

รอกระทั่งเซวียหรูอี้เงยหน้าขึ้น นักพรตวัยกลางคนก็หยิบกระบี่ ไม้ท้อเดินจากไปไกลแล้ว นางถามว่า “จะไปตั้งแผงหรือ?”

เฉินผิงอันหันหน้ากลับมายิ้มกล่าว “ผินเต้าเชี่ยวชาญการสังเกต สีหน้าท่าทางของคนอื่นมากที่สุด นี่ก็คือเตรียมจะม้วนเสื่อไสหัวไปอยู่ ที่อื่นแล้ว”

เซวียหรูอีกล่าว “เจ้าไม่ได้เช่าบ้านจากข้าเสียหน่อย จะอยู่ หรือไม่อยู่ ข้าไม่ใช่คนตัดสินใจ”

นักพรตวัยกลางคนร ้องเอ๊ะหนึ่งที ทาท่ากระจ่างแจ้ง ใช่สิ พวก เขาต่างก็เป็ นผู้พักอาศัย คนหนึ่งมาใหม่คนหนึ่งเป็ นคนเก่าก็เท่านั้น

เซวียหรูอี้ลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “นักพรตเฉินช่วยถ่ายทอด วิชาการเปิดจวนและวิชาการหลอมไฟที่เหมาะสมที่สุดให้ได้หรือไม่?”

นักพรตส่ายหน้า “จางโหวมีใจมุ่งมั่นอยู่แต่กับการอ่านตารา อริยะปราชญ์ ผินเต้าเป็ นคนหยาบ มิอาจสอนเวทคาถาตระกูลเซียน ชั้นสูงให้กับเขาได้”

เซวียหรูอี้เริ่มร ้อนใจบ้างแล้ว “ทาไมเจ้าถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นนัก นะ”

นักพรตยิ้มบาง “แบ่งแยกทรัพย์สินเงินทองชัดเจนก็คือลูกผู้ชาย แบ่งแยกความรักความแค้นชัดเจนก็คือวีรบุรุษที่แท้จริง หากไม่มีนิสัย ร ้ายๆ และความเย่อหยิ่งบ้างเลยจะเป็ นนักพรตได้อย่างไร”

เซวียหรูอี้ยื่นมือออกมา “ยันต์ที่ท่านนักพรตจะขายให้ข้าก่อน หน้านี้ ข้าซื้อทั้งหมด”

นักพรตร ้องโอ้โหหนึ่งที ก่อนจะรีบยกชายแขนเสื้อขึ้น ก้าวเร็วๆ เดินมาหานาง “ผินเต้ารู ้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าฐานกระดูกของคุณชาย จางยอดเยี่ยม มียันต์นี้อยู่ก็เหมือนมีเทพเจ้าช่วยเหลือ!”

……

ช่วงอากาศเย็นปลายฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ชัดเจนมากเป็ นพิเศษ ในช่วงปลายเดือนที่สองยังมีหิมะใหญ่เท่าขนห่านตกลงมา

ทางฝั่งของจวนจิงหยางแคว้นชิงหลิง นับแต่โบราณมาก็มี ประเพณีความเคยชินที่ต้องดื่มเหล้าตอนเช ้า

หลังจากหิมะละลายไปแล้ว ต่อให้จะหนาวจนตัวแข็งเหมือนนก กระทา ไม่เพียงแต่บุรุษเท่านั้นยังรวมไปถึงสตรีออกเรือนแล้วต่างก็ เรียกหาสหายมา ในหมู่ชาวบ้านยังมีกลิ่นหอมของเนื้อย่างและกลิ่น หอมของสุราลอยโชยมาจากทั่วทุกหนทุกแห่ง

ในอาณาเขตของจวนจิงหยางมีพรรคตระกูลเซียนที่ ประวัติศาสตร ์ยาวนานอยู่แห่งหนึ่ง พรรคกิ่งไผ่แห่งภูเขาไฉอวี้ นั่นคือ หนึ่งในพรรคใต้อาณัติของภูเขาตะวันเที่ยงที่มีเซียนกระบี่มากมายดุจ ก้อนเมฆ

ลาธารสายหนึ่งที่ผิวน้าแข็งเพิ่งจะเริ่มละลาย น้าในลาธารไหล ริกๆ มีบุรุษวัยกลางคนสวมชุดผ้าฝ้ ายคนหนึ่ง สวมรองเท้าหุ้มแข้ง หนังกลับก าลังก้าวเดินไปบนเส้นทางดินเหนียวฝีเท้าเร่งร ้อนพลางปัด เศษหินที่ติดอยู่ตามตัวไปด้วย มองไกลๆ ไปเห็นผู้เฒ่าหน้าดาคล้าคน หนึ่งก็รีบก้าวยาวๆ ตรงเข้าไปหา

ผู้เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าเดือดดาล “เฉินจิ้ว! เจ้านี่มันยังไงกัน แขก มาถึงแล้วแต่กลับยังไม่เห็นเงาของเจ้า ข้าต้องมารับเจ้าถึงที่นี่ ช่าง วางมาดใหญ่โตยิ่งนัก คิดว่าคุณชายเซี่ยโหวเลี้ยงเหล้าเจ้าอย่างนั้น หรือ?!”

บุรุษเอ่ยอย่างน้อยใจว่า “ท่านลุงป๋ าย ข้าออกจากบ้านมาก่อน เวลาตั้งหนึ่งเค่อแล้วนะ”

ผู้เฒ่าที่ถูกเรียกว่าลุงป๋ ายกล่าวอย่างเดือดดาล “นัดหมายกันไว้ แล้วว่าจะดื่มเหล้าตอนเช ้าในยามชื่อ (เก้าโมงเช ้าถึงสิบเอ็ดโมง) คุณชายเซี่ยก็ต้องมาถึงตรงตามเวลา ออกจากบ้านก่อนเวลานัด หมายหนึ่งเค่อจะพอได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ควรมาก่อนเวลาสัก ครึ่งชั่วยาม มารยาทในการเข้าสังคมน้อยนิดแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ยังจะ เป็ นจือเค่อได้อย่างไร!”

บุรุษก้มหัวค้อมเอว เป่าลมใส่มือหาไออุ่น “จือเค่อฝ่ ายนอก แค่จื อเค่อฝ่ ายนอก ท่านลุงป๋ ายอย่าโมโหเลย ครั้งหน้าข้าจะเลี้ยงเหล้า ชงจือท่านเอง”

ผู้เฒ่าถลึงตาใส่ “ห้ามให้มีคราวหน้าอีก!”

บุรุษพยักหน้ารับอย่างแรง “รับรอง รับรอง ไม่มีคราวหน้าอีก แล้ว!”

ผู้เฒ่าลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนใช ้เสียงนใจเอ่ยว่า “คุณชายเซี่ยมี นิสัยอย่างไร ต่อให้เจ้าไม่เคยพบเจอกับตัวมาก่อน แต่ก็น่าจะเคยได้ ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่รู ้จักหนักจักเบา หากงานเลี้ยงครั้งนี้ถูก เจ้าทาพัง เรื่องดีเปลี่ยนเป็ นเรื่องร ้าย ถึงเวลานั้นก็จะไม่หันมาโทษข้า อยู่ดีหรอกหรือ?”

บุรุษถูมือยิ้มเอ่ย “หากว่าถูกคุณชายเซี่ยอาฆาตแค้นเพียงแค่ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้จริงๆ โทษใครก็ไม่มีทางโทษท่านลุงป๋ ายแน่นอน มโนธรรมในใจของข้าไม่ได้ถูกสุนัขกินไปสักหน่อย”

ผู้เฒ่าเหลือบตามองเศษฝุ่ นที่อยู่บนไหล่ของบุรุษ เห็นได้ชัดว่า เจ้าเด็กนี่ลงหลุมไปขุดหาหินแร่ด้วยตัวเองอีกแล้ว สายตาของผู้เฒ่า อ่อนโยนลงหลายส่วนอย่างไม่ให้เป็ นที่จับสังเกต แต่กลับแค่นเสียง เย็นในลาคอ “เจ้าเป็ นจือเค่อฝ่ ายนอกที่เท้าเปล่าก็ไม่กลัวว่าต้องสวม รองเท้า ไม่ต้องกลัวว่าคุณชายเซี่ยจะคิดเล่นงาน อย่างมากก็แค่ปัด กันจากไปเท่านั้นสถานที่แห่งนี้ไม่รั้งนายท่านย่อมมีที่อื่นรั้งนายท่าน ไว้ แต่หากข้าต้องเดือดร ้อนเพราะเจ้า จะจากไปได้อย่างไร สามารถ แบกภูเขาไฉอวี้ทั้งลูกหนีไปได้หรือ ถึงเวลานั้นอย่าให้ข้าได้เจอเจ้า ระหว่างทางเชียว ไม่อย่างนั้นเจอกันครั้งหนึ่งข้าก็จะด่าเจ้าทีหนึ่ง”

คาว่าหน้าเย็นใจร ้อน (หรือปากร ้ายใจดี) ก็หนีไม่พ้นเช่นนี้เอง

มักจะมีผู้เฒ่าบางคนที่ชอบจงใจพูดจาไม่น่าฟังแต่กลับมีเหตุผล ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะเห็นถึงความดีของเขาอย่างไรอย่างนั้น

บุรุษคล้ายจะเป็ นคนที่ไม่ยี่หระกับสิ่งใด ทาหน้าทะเล้นบีบนวด ไหล่ให้ผู้เฒ่า “ท่านลุงป๋ ายคือเทพเซียนผู้เฒ่า แบกภูเขาไฉอวี้ทั้งลูก ก็ยังก้าวเดินได้ว่องไวราวกับบินอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”

ผู้เฒ่าสะบัดไหล่ปิดสองมือของบุรุษที่สวมชุดผ้าฝ้ ายออก เอ่ยสั่ง สอนว่า “จะดีจะชั่วก็เป็ นจือเค่อคนหนึ่งแล้ว เก็บเงินซื้อชุดคลุมอาคม ที่เข้าท่าเข้าที่สักตัว ดูสารรูปยากจนของเจ้านี่สิ!”

บุรุษยิ้มกล่าว “สิ่งของอย่างชุดคลุมอาคมนี้ สวมกี่ชิ้นก็คือสวม เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างคนมีเงินที่แท้จริงบนภูเขาก็เป็ นแบบข้า กันทั้งนั้น สวมชุดคลุมอาคมกลับกลายเป็ นว่าดูไม่ร่ารวยมากพอ”

“เจ้ามีเงินสักกี่แดงกันเชียว? ยังจะกล้าพูดถึงคนมีเงินที่แท้จริง อะไร เจ้าเคยเห็นมาก่อนหรือ?”

“ท่านลุงป๋ าย รอวันใดที่ข้าร่ารวยแล้ว จะสวมชุดคลุมอาคมเจ็ด แปดตัวไว้บนร่างเดินอวดไปให้ทั่วตลาดเลยล่ะ”

“เจ้าจะสวมชุดคลุมอาคมหรือจะขายชุดคลุมอาคมกันแน่?”

“สวมไปด้วยขายไปด้วยไม่ละเลยทั้งสองทาง ท่านลุงป๋ าย เคล็ด ลับทาการค้านี้ของข้าไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบพี่เซี่ยโหวคนนี้กลับไม่เคยใช ้วิธีการต่าช ้า แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ไม่กล้าทาอะไรบุ่มบ่ามด้วย เพราะถึงอย่างไรที่ พึ่งของภูเขาลั่วพั่วก็คือภูเขาพีอวิ๋นมหาบรรพตอุดร ต่างก็พูดกันว่า เจ้าขุนเขาหนุ่มที่มีชาติกาเนิดเป็ นคนบ้านนอกขาเปื้อนโคลนคือนัก บัญชีที่เว่ยป้ อซานจวินประคับประคองขึ้นมาด้วยตัวเอง รับหน้าที่ จัดการรายรับสีเทามากมายของจวนซานจวิน โดยอาศัยท่าเรือหนิว เจี่ยวที่ภูเขาสองลูกเช่าร่วมกันมาฟอกเงินเทพเซียนเหล่านั้นให้ สะอาด ก่อนจะส่งเข้าคลังสมบัติของจวนซานจวินอย่างลับๆ ทุกปี

ส่วนหลิวเสี้ยนหยางผู้นั้นก็ออกจากบ้านเกิดไปนานแล้ว ไปขอ ศึกษาต่ออยู่กับสกุลเฉินผู้รอบรู ้ของทักษินาตยทวีปนานหลายปี ผล คือพอกลับบ้านก็มีโชคมหาศาลมาเยือน สะบัดตัวเปลี่ยนร่างกลาย ไปเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหร่วนฉงแห่งสานักกระบี่หลงเฉวียน และหร่วนฉงก็คือผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าหลี

ที่พึ่งของทั้งสองฝ่ ายหากไม่ใช่ซานจวินขุนเขาเหนือก็เป็ นหร่วน อันดับหนึ่งแห่งต้าหลีนี่จึงเป็ นเหตุให้เซี่ยโหวไม่กล้าทาอะไรเหลวไหล

รอกระทั่งงานเลี้ยงฉลองของสานักที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีป สิ้นสุดลง พี่เซี่ยโหวก็กลายเป็ นคนที่มี “คุณูปการเปี่ยมล้น” แล้ว

เฉินจิ้วพลันเอ่ยว่า “ท่านลุงป๋ าย จะขอร ้องท่านเรื่องหนึ่ง หาก เซียนกระบี่เซี่ยโหวถามขึ้นมา ท่านช่วยบอกได้ไหมว่าเหล้ามื้อนี้เป็ น เงินของข้าที่ตบหน้าตัวเองสวมรอยเป็ นคนอ้วน?”

ลุงป๋ ายกล่าว “เหล้าซงจือสามกา”

เดิมทีภูเขาไฉอวี้ก็ต้องมาตรวจสอบบัญชีต่อหน้าเซี่ยโหวจ้าน ตามเวลาที่กาหนดอยู่แล้ว ดังนั้นเงินค่าเหล้ามื้อหนึ่งจึงเป็ นเงิน ส่วนกลางที่พรรคกิ่งไผ่เป็ นผู้ออก ป่ายหนีไม่ต้องควักเงินตัวเอง

“สองกา!”

“ตกลง”

ในอาณาเขตของภูเขาไฉอวี้ ริมฝั่งแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าหาดโปรย ดอกไม้ มีเหลาสุราของพรรคกิ่งไผ่ที่ไม่เปิดทาการค้าต่อคนภายนอก เวลานี้กาลังมีงานเลี้ยงสุราเกิดขึ้น

เจ้าภาพของวันนี้ก็คือขุนนางขุดเหมืองคนปัจจุบันของลานขุด หินภูเขาไฉอวี้ ผู้เฒ่ามีชื่อว่าป๋ ายหนี คือผู้ฝึกตนศาลบรรพจารย์ของ พรรคกิ่งไผ่ ผู้ฝึ กตนในพรรคต่างก็เคยชินที่จะเรียกผู้เฒ่าว่าท่าน ลุงป๋ าย

แขกมีแค่คนเดียว คือผู้สูงศักดิ์ที่มาจากภูเขาตะวันเที่ยงซึ่งเป็ น สานักเบื้องบน เซียนกระบี่ที่ไม่ถือว่าอายุน้อยแต่ก็ไม่ถือว่าแก่อย่าง แน่นอน เซี่ยโหวจ้าน

คนที่นั่งขนาบข้างเขาคือหนึ่งชายหนึ่งหญิง เฉินจิ้ว จือเค่อฝ่ าย นอก ผู้ฝึกตนหญิงเหลียงอวี้ผิง ฉายา “เจียวเย่”

ปิ่นปักผม” ของผู้ฝึกตนหญิงคือพัดใบกล้วยขนาดกะทัดรัดชิ้น หนึ่ง

ส่วนบุรุษคนนั้นกลับไม่มีอะไรให้พูดถึงแล้ว เป็ นแค่จือเค่อฝ่ าย นอก รูปโฉมธรรมดาสามัญ ขอบเขตไม่สูง สถานะธรรมดา

ไม่รู ้ว่านางได้ข่าวมาอย่างไรถึงเป็ นฝ่ ายขอเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย ท่านลุงป๋ ายเองก็ไม่สะดวกจะขัดขวาง

เหลียงอวี้ผิงคือลูกศิษย์ของสายภูเขาจีจู๋ หากไม่ผิดไปจากที่คาด นางก็คือตัวเลือกเจ้ายอดเขาคนถัดไป

และภูเขาจีจูก็คือสายควันธูปที่เจ้าประมุขรุ่นก่อนสืบทอดทิ้งไว้ ในความเป็ นจริงแล้วภายในของพรรคกิ่งไผ่ก็ได้แบ่งออกเป็ นสอง ฝักฝ่ าย ฝ่ ายผู้ฝึกตนสายของภูเขาไฉอวี้ไม่ค่อยยินดีจะพึ่งพาภูเขา ตะวันเที่ยง แต่สายของภูเขาจีจู๋กลับตัดสินใจแล้วว่าจะสวามิภักดิ์ต่อ ภูเขาตะวันเที่ยง เมื่อก่อนคอยแสดงความเป็ นมิตรกับภูเขาชิวลิ่งทุก เรื่อง ทุกวันนี้เปลี่ยนไปกอดขาใหญ่ของยอดเขาหม่านเยว่แทน ความสัมพันธ์ของผู้อยู่ใต้อาณัติบนภูเขาแบ่งออกเป็ นสามประเภท ประเภทแรกคือมีลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าสองฝ่ ายมีความสัมพันธ์ เป็ นภูเขาเบื้องบนกับเบื้องล่างต่อกัน ผู้ฝึกตนทาเนียบของผู้เขาเบื้อง ล่างจะถูกบันทึกลงในทาเนียบรองของศาลบรรพจารย์ภูเขาเบื้องบน

ฐานะย่อมต่ากว่าคนอื่นระดับหนึ่ง อีกทั้งยังยากที่จะหลุดพ้นจากการ ควบคุมของภูเขาเบื้องบน ประเภทที่สองก็คือพรรคใต้อาณัติตระกูล เซียนที่อยู่ใต้สังกัดจาเป็ นต้องส่งมอบข้าวของเงินทองเป็ นของ บรรณาการให้กับพรรคเหนือหัวตามเวลาที่กาหนด ความสัมพันธ ์ ระหว่างพรรคกิ่งไผ่กับภูเขาตะวันเที่ยงก็คือประเภทนี้ ประเภทที่สาม คือพันธมิตรบนภูเขา แต่ศักยภาพของทั้งสองฝ่ ายแตกต่างกัน ทว่า ฝ่ ายที่ด้อยกว่าไม่จาเป็ นต้องมอบบรรณาการ ยกตัวอย่างเช่นภูเขา ลั่วพั่วกับเกาะจูไชแห่งภูเขาหลังอ๋าว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!