ช่วงเที่ยงวัน ดวงตะวันลอยอยู่กลางฟ้ า
เฉินผิงอันวางคันเบ็ดไว้บนพื้น ลุกขึ้นยืน เขี่ยปลายเท้าเกี่ยวกา เหล้าขึ้นมา จิบเหล้าดื่มหนึ่งอึก “เดินไปคุยกันไป”
ลู่เฉินจึงพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างร่างของผู้เฒ่าชั่วคราว พูดคุยพลางเดินเล่นไปกับเฉินผิงอันอยู่ริมล าธาร
ในสายตาของคนนอกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะท่านลุงป๋ ายที่เป็ น ขุนนางผู้ขุดเหมืองของภูเขาไฉอวี้ก็สนิทสนมกับเฉินจิ้วจือเค่อฝ่ าย นอกอยู่แล้ว
เฉินผิงอันกล่าว “ก็แค่ภาพลวงตาที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ไยเจ้าลัทธิลู่ต้องระดมก าลังใหญ่โต ยอมละเมิดกฎของศาลบุ๋นแฝง ตัวเข้ามาในใต้หล้าไพศาลโดยพลการ เว้นเสียจากว่า…”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยต่อประโยคจากเขา “เว้นเสียจากว่าเดิมทีผินเต้าก็มี จิตธรรมหนึ่งที่ไม่เคยได้เก็บกลับมา ล่องลอยอยู่ในไพศาลมาเนิ่น นาน ในเมื่อผินเต้าไม่ได้เดินทางมาจากป๋ ายอวี้จิงก็ไม่ถือว่าเป็ นการ ละเมิดกฎของศาลบุ๋น”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “เว้นเสียจากว่าเจ้าลัทธิลู่อยากจะเลื่อนเป็ น ขอบเขตสิบห้าในทันทีเพื่อเข้าแทนตาแหน่งที่ว่างลงหลังจากที่
อาจารย์สลายมรรคา และก่อนหน้าที่ศิษย์พี่เจ้าลัทธิใหญ่จะหวน กลับไปยังป๋ ายอวี้จิง เพื่อสยบสิบสี่มณฑลแห่งมืดสลัว ในเมื่อทั้ง ไพศาลและเปลี่ยวร ้างต่างก็สามารถมองเป็ นเรือลาหนึ่งที่ท่องอยู่ใน ความว่างเปล่า คิดดูแล้วมืดสลัวก็น่าจะเป็ นเหมือนกัน บังเอิญกับที่มี ค าโบราณกล่าวเอาไว้ว่า “หากท่านไม่อบรมบ่มเพาะคุณธรรม คน บนเรือล าเดียวกันก็ล้วนกลายมาเป็ นศัตรู” ส่วนผู้ไร ้เทียมทานจะใช่ผู้ ไร ้เทียมทานที่แท้จริงหรือไม่ คิดดูแล้วในฐานะคนที่มองอยู่ด้านข้าง เจ้าลัทธิลู่ก็น่าจะมีค าตอบสาหรับเรื่องนี้มานานแล้ว ผลคือพอเจ้า ลัทธิลู่ท าการอนุมาน ค้นพบว่าการฝ่ าทะลุขอบเขตในตอนนี้ โอกาส ที่จะสาเร็จกลับลดต่าลงอย่างไม่มีลางบอกเหตุ รู ้สึกว่าผิดปกติ คิดไป คิดมาก็เลยคิดมาถึงข้า ยอมกดขอบเขตใช ้วิชาลับปิดแผ่นฟ้ าข้าม มหาสมุทร เจ้าลัทธิลู่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าไร หนึ่งเค่อ? หรือว่า หนึ่งก้านธูป?”
“เฉินผิงอัน เจ้าไม่ใช่คนที่เดายากสักเท่าไร แบ่งจิตวิญญาณ ออกมากระทาเรื่องที่เสี่ยงอันตราย ต้องการจะทาให้ฟ้ าดินในหัวใจ ใกล้เคียงกับความเป็ นจริงอย่างไร้ขีดจ ากัด ใช้ทางลัดขยับเข้าใกล้ มรรคา ผลกลับถูกคนนอกมองร่างแยกออก ผู้ฝึกตนทั่วไปอาจจะยัง ถือเม็ดหมากค้างไว้อย่างลังเล อยากหาวิธีที่สามารถพบกันได้ครึ่ง ทาง แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเลือกแค่สองทางแล้ว หนึ่งคือนิ่งสงบรอดูการเปลี่ยนแปลง ลงเดิมพันว่าจะเป็ นแค่การตกใจ ไปเอง อีกอย่างหนึ่งคือระเบิดจิตวิญญาณดวงหนึ่งทิ้งอย่างเด็ดเดี่ยว
ยอมให้รากฐานมหามรรคาได้รับความเสียหาย ทั้งสองฝ่ ายผูกปม แค้นเงื่อนตายกันนับแต่นี้ จากนั้นเจ้าก็แจ้งข่าวให้อริยะปราชญ์ ศาลบุ๋นที่นั่งพิทักษ์ม่านฟ้ าปิดประตู ช่วยจับตามองดูสิ่งกีดขวางแห่ง ฟ้ าดิน อีกด้านหนึ่งเรียกอาจารย์เสี่ยวโม่และแม่นางเซี่ยมาขวางทาง เฉินผิงอันผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่เปลี่ยน ความคิดและวิธีคิดที่หากไม่ถูกก็ต้องผิดนี้ได้อย่างสิ้นเชิงนะ”
“สหาย” สองคนที่ความสัมพันธ ์ค่อนข้างซับซ ้อนได้กลับมาพบ เจอกันอีกครั้งในต่างบ้านต่างเมือง ทว่าแต่ละคนกลับพูดแต่เรื่องของ ตัวเองเหมือนไก่คุยกับเป็ ด
“ความคิดและวิธีคิดมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน?”
“ความคิดสามารถไร้ขีดจ ากัดไร้ขอบเขต วิธีคิดกลับมีเส้นสาย และมีช่องทาง”
เฉินผิงอันพยักหน้า “นี่ถือว่าเป็ นความแตกต่างของจิตวิญญาณ หรือไม่? ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางเดียวกัน แต่กลับค่อยๆ มีความรู ้สึก และความเป็ นเหตุผลก่อกาเนิดขึ้นมา”
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “เรียนรู ้วิธีการของฟ้ ามาอบรมจิตใจ เรียนรู ้ วิธีการของคนมาอบรมร่างกาย ร่างสงบใจเป็ นสุขก็คือคนฟ้ า บางทีที่ พูดมานี้อาจจะค่อนข้างคลุมเครือ ถ้าอย่างนั้นผินเต้าก็จะยกตัวอย่าง ง่ายๆ ให้ฟัง การตั้งป้ ายวิญญาณของคนรุ่นหลังล้วนมีอยู่ทั้งในศาล บรรพจารย์บนภูเขา ศาลบรรพชนของชาวบ้านล่างภูเขาและศาลบุ
รพกษัตริย์ของแคว้น โดยทั่วไปแล้วเอาไว้ใช ้บูชาบรรพบุรุษและผู้ที่ ล่วงลับไป การตั้งป้ ายวิญญาณคือการปฏิบัติต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ใน ป้ ายวิญญาณเขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับ ตัวอักษรเล็กๆ ด้านข้างคือชื่อของ คนที่ท าพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงสวรรค์และบรรพบุรุษ กระท าอย่าง สารวมและรอบคอบ พูดเช่นนี้เจ้าคิดว่าหากจิตวิญญาณมีความ แตกต่างกันจริงๆ ใครเป็ นหลักใครจะเป็ นรองล่ะ?”
เฉินผิงอันถามอย่างสงสัย “สามารถเปรียบเทียบแบบนี้ได้ด้วย หรือ?”
“แน่นอนว่า”
ลู่เฉินกล่าว “ไม่ได้!”
เฉินผิงอันหันหน้ามา หากไม่เป็ นเพราะเป็ นร่างของท่านลุงป๋ าย เขาก็อยากจะป้ อนหมัดให้อีกฝ่ ายได้กินอย่างเต็มคราบจริงๆ
ลู่เฉินกล่าว “ผินเต้าก็แค่พิสูจน์การคาดเดาของตัวเจ้าเองเท่านั้น ไม่ได้มีก าหนดเวลาเป็ นหนึ่งเค่อ หนึ่งก้านธูปอะไร ผินเต้าอยากจะอยู่ ในใต้หล้าไพศาลได้นานเท่าไรก็นานได้เท่านั้น ศาลบุ๋นไม่มีทางมา ควบคุมผินเต้าได้”
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “อันที่จริงข้าพูดผิดตั้งแต่แรกแล้ว ความรู้สึกและความมีเหตุผลของคนเรา อันที่จริงไม่ใช่ทางสองสายที่ แบ่งแยกออกไป แต่เป็ นการสืบทอดสายเดียว มีความรู้สึกก่อนแล้ว ค่อยมีเหตุผล ไม่ถูกสิ ต้องมีเหตุผลก่อนแล้วค่อยมีความรู้สึก ความ
ต่างระหว่างหลักการแห่งฟ้ ากับความปรารถนาของคน? ก็เหมือน ป้ ายวิญญาณที่ถูกบูชาและถูกเซ่นไหว้ที่เจ้ากล่าวถึง…เมื่อสืบย้อนไป ถึงต้นก าเนิด สามารถสืบย้อนไปถึงบรรพบุรุษของแซ่หนึ่งได้ หาก ขยับขึ้นไปอีก…ก็คือเจ้าของร่างคือคน เจ้าของใจคือฟ้ า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!