แต่เด็กหนุ่มรองเท้าแตะผู้นั้นกลับเป็นเหมือนสายลมเย็นระลอกหนึ่งที่พัดโชยมา
ความเร็วของร่างกายเขาไม่ลดกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น และมาหยุดอยู่ข้างกายของชายฉกรรจ์ที่ร่างยังไม่ร่วงลงพื้น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดหนึ่งไปที่ศีรษะของฝ่ายหลัง
ปัง!
ร่างของชายฉกรรจ์ชุดดำถูกต่อยให้ร่วงกระแทกพื้นโดยตรง เนื่องจากแรงที่ร่วงกระแทกพื้นรุนแรงเกินไป ถึงขั้นเกิดแรงเด้งกลับจากพื้นกระดานเรือเบาๆ อีกด้วย
หลังจากกระอักเลือดสดคำใหญ่ ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสามที่ยังไม่ได้ออกกระบวนโจมตีแม้แต่ท่าเดียวก็หมดสติไปทั้งอย่างนั้น
ความโชคดีในความโชคร้าย พอเห็นว่าเขาหมดสติไปแล้ว รองเท้าแตะข้างที่กำลังจะเหยียบลงไปบนใบหน้าของเด็กหนุ่มพลันหยุดชะงัก แล้วชักเท้ากลับคืนไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา
ชายวัยกลางคนไม่ทันหันตัวกลับ ได้แต่ค้างอยู่ในท่าหันหน้ามามองด้วยสีหน้าเหมือนบัณฑิตที่ตกลงไปในบ่ออาจม
สตรีแต่งงานแล้วหน้าขาวซีด เด็กชายในอ้อมอกนางก็อ้าปากค้าง
สาวใช้และบ่าวชายกลุ่มหนึ่งที่ติดตามมาด้วยก็ยิ่งไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน
เฉินผิงอันปรายตามองชายฉกรรจ์ชุดดำที่อยู่ข้างฝ่าเท้าตัวเอง หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะไม่มีโอกาสลงมือลอบโจมตี เขาจึงหันไปมองชายสวมชุดลัทธิขงจื๊อ สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่บนร่างของสตรีแต่งงานแล้ว เอ่ยปากเนิบช้า “ตอนนี้ถือว่าพูดันด้วยเหตุผลแล้วหรือเปล่า?”
สตรีแต่งงานแล้วที่ตกใจจนขวัญกระเจิงพลันหันไปแผดเสียงแหลมใส่ชายวัยกลางคน “หม่าจิ้งฟู่คือเศษสวะไร้ค่า แต่เจ้าที่เป็นถึงขุนนางน้ำดีของต้าหลีที่ยิ่งใหญ่ก็จะต้องเป็นเศษสวะด้วยหรือ?! รีบแสดงตัวตนขุนนางของเจ้าออกไปสิ!”
บุรุษหมุนตัวกลับ ชี้หน้าเด็กหนุ่มรองเท้าแตะแล้วตวาดกร้าว “เจ้าช่างบังอาจนัก! ข้าผู้เป็นขุนนางคือนายอำเภอหว่านผิงที่อยู่สุดปลายของแม่น้ำซิ่วฮวาสายนี้! ตอนนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปรับตำแหน่ง…”
เฉินผิงอันไม่ได้สนใจชายที่อับอายจนพานมาเป็นความโกรธผู้นั้นแม้แต่น้อย เอาแต่จ้องสตรีแต่งงานแล้วเขม็ง
ประโยคของสตรีแต่งงานแล้วที่บอกว่ามีพ่อให้เกิดเนิดแต่ไม่มีแม่สั่งสอน อีกทั้งประโยคที่บอกว่าจะลักพาตัวหลี่เป่าผิงไปเป็นสาวใช้ของนาง
เฉินผิงอันจดจำได้อย่างชัดเจน
เฉินผิงอันไม่ใช่คนที่จดจำความแค้นฝังใจ คนบางคนพูดจาทำร้ายจิตใจตนโดยไม่ได้ตั้งใจ เฉินผิงอันก็สามารถอดทนกับมันได้ ทว่าความแค้นบางอย่างที่จำเป็นต้องเอาคืน ขอแค่วันหนึ่งที่ยังไม่ได้แก้แค้น ถ้าอย่างนั้นเขามีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยปีก็ต้องจำได้เก้าสิบหกปี!
อาเหลียงเคยถามขำๆ ว่าอีกสี่ปีที่เหลือถูกเจ้ากินไปแล้วรึ
เฉินผิงอันตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนอายุสี่ขวบ ข้ามีพ่อแม่ อีกทั้งยังไม่รู้ความ สามารถไม่นับรวมได้
เฉินผิงอันพุ่งไปข้างหน้าดุจสายลมเย็นอีกครั้ง แล้วยกเท้าถีบเข้าสตรีแต่งงานแล้วผู้นั้นพร้อมกับเด็กชายในอ้อมกอดของนางให้เซล้มไปพร้อมกัน
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับชายฉกรรจ์ชุดดำแล้ว สิ่งที่คนทั้งสองได้รับคือความตกใจมากกว่าความเจ็บปวด
เฉินผิงอันปรายตามองเด็กชายที่ถูกประคบประหงมราวไข่ในหินด้วยสายตาเย็นชา
ชายวัยกลางคนก่นด่าเสียงดัง “มีอย่างที่ไหน แม้แต่เด็กกับสตรีเจ้าก็ยังไม่ละเว้นงั้นหรือ? เจ้าอันธพาลใจทราม! บ้าคลั่งฟั่นเฟือน!”
เฉินผิงอันเดินไปทางชายผู้นั้นพลางพูดว่า “ขอแค่เป็นคน เมื่อถึงวัยที่รู้ความก็ต้องรู้จักพูดจาด้วยเหตุผล ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใหญ่มาจากไหน แล้วก็ไม่สนว่าจะเป็นหญิงหรือชาย”
ชายสวมชุดลัทธิขงจื๊อถอยหลังทีละก้าว ยกนิ้วชี้หน้าเด็กหนุ่มตลอดเวลา เอ่ยข่มขู่เสียงสั่นว่า “ข้าจะลงโทษเจ้าสถานหนัก ให้เจ้าต้องติดคุกกินข้าวแดงไปตลอดชีวิต!”
และเวลานี้เอง บนชั้นสองก็มีเสียงหนักๆ ของคนผู้หนึ่งดังลอยมา “ไอ้หนู ทำแบบนี้ออกจะเกินไปหน่อยนะ สั่งสอนผู้ฝึกยุทธ์ข้ารับใช้ของเขาก็พอแล้ว ยังไม่รีบหยุดมืออีก หากยังไม่ยอมเลิกรา อาศัยความสามารถเพียงแค่นั้นแล้วกล้าทำกระทำความผิด แม้ข้าผู้อาวุโสจะไม่ใช่ขุนนาง แต่ก็ต้องขัดขวางเจ้า ช่วยใต้เท้านายอำเภอจับเจ้าเข้าคุกก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองตามเสียง ผู้เฒ่าสวมชุดคลุมตัวยาวสีเขียวคนหนึ่งยืนอยู่บนหัวเรือชั้นสอง ข้างกายมีชายสวมชุดคลุมขาวพกกระบี่ผู้หนึ่งกำลังยืนหลับตาทำสมาธิ
เฉินผิงอันถอนสายตากลับมา หันมาพูดกับชายที่บอกว่าตัวเองคือนายอำเภอ “ขอโทษพวกเราซะ”
หลังจากเห็นว่ามีคนช่วยพูดออกหน้าทวงความเป็นธรรม ชายวัยกลางคนก็พลันบังเกิดความห้าวหาญจึงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ฝันไปเถอะ! เมื่อไปถึงเขตการปกครองของอำเภอหว่านผิงเมื่อไหร่ ข้าผู้เป็นขุนนางจะต้องให้โจรชั่วอย่างเจ้าได้รู้จักกฎหมายของต้าหลีเราซะบ้าง!”
เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง “ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
ชายสวมชุดลัทธิขงจื๊อย่นคอลงเล็กน้อย แต่พอมองไปทางชั้นสองกลับตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีก “หวังว่าท่านผู้เฒ่าจะกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วข้าน้อยจะจดจำไว้ขึ้นใจ!”
ผู้เฒ่าสีหน้าไร้อารมณ์ต่อคำพูดของเขา เพียงมองแผ่นหลังของเฉินผิงอัน “เจ้าหนุ่ม ข้าผู้อาวุโสจะเกลี้ยกล่อมเจ้าเป็นประโยคสุดท้าย หยุดการกระทำของเจ้าซะ!”
เฉินผิงอันหันไปส่งสายตาให้หลินโส่วอีที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือว่าอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม แล้วจึงหันกลับมาถาม “ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่าทำอะไร?”
ผู้เฒ่ายิ้มตอบอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนว่ายืนดูอยู่เฉยๆ แต่ถ้าหากใต้เท้านายอำเภอกล้ารังแกชาวบ้านตาดำๆ ข้าผู้อาวุโสก็ต้องออกหน้าขัดขวางเช่นกัน”
เฉินผิงอันถามอีก “แล้วถ้าพวกเขาฆ่าลาของพวกเราล่ะ? ท่านจะขัดขวางหรือไม่?”
ผู้เฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “ข้าผู้อาวุโสไม่ใช่พระโพธิสัตว์มีชีวิตที่คอยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากสักหน่อย แน่นอนว่าย่อมไม่ลงมือขัดขวาง ก็แค่ลาตัวหนึ่งเท่านั้น”
เฉินผิงอันถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นใครกันแน่ที่ไม่มีเหตุผล?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!