อู๋ยวนที่สีหน้าเหนื่อยล้ากล่าวอย่างจนใจ “เป็นไปได้ว่าหลี่เป่าเจินบุตรชายคนรองของหลี่หงไปสร้างชื่อเสียงอยู่ในเมืองหลวง ไม่แน่ว่าอาจหาที่พึ่งได้แล้วจึงส่งจดหมายกลับมาบ้านบอกห้ามไม่ให้หลี่หงกระทำการบุ่มบ่าม หรือไม่ก็เป็นเพราะบุตรชายคนโตที่เก็บตัวเงียบเตือนให้หลี่หงใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ล้วนบอกได้ยาก สรุปก็คือตอนนี้คนที่เดือดร้อนก็คือพวกเรา ช่วยไม่ได้ แผนการเดิมล้วนขึ้นอยู่กับอาจารย์ของข้า…เฮ้อ ไม่พูดแล้วๆ เรือล่องมาถึงท่าย่อมต้องจอดนิ่ง ไปดื่มเหล้ากัน ดื่มเหล้าต้มดอกท้อวสันต์สักสองไหก่อนแล้วค่อยว่ากัน ข้าเชื้อเชิญ เจ้าจ่ายเงิน จดบันทึกไว้ในบัญชีของคุณชายฟู่อย่างเจ้าก็แล้วกัน”
สำหรับเรื่องบัญชีเชื่อของผู้บังคับบัญชานี้ ราชเลขาฝ่ายบุ๋นแซ่ฟู่ชินชาซะแล้ว จึงแค่ถามด้วยความใคร่รู้ว่า “ในเมืองเล็กล้วนเล่าลือกันว่าตระกูลหลี่บนถนนฝูลวี่มีสองบุตรชายหนึ่งบุตรสาว ซึ่งหมอดูคนหนึ่งที่ทำนายดวงชะตาได้อย่างแม่นยำเคยขนานนามพวกเขาว่ามังกร กิเลนและหงส์งั้นหรือ?”
อู๋ยวนนวดคลึงซีกแก้มซูบตอบที่ค่อนข้างซีดเซียว ตอบกลั้วหัวเราะอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ “เรื่องพวกนี้เจ้าก็เชื่อด้วยหรือ? เมืองหลวงต้าหลีของพวกเรา คนที่อยากจะมีหน้ามีตา โดยเฉพาะพวกที่เกิดในตระกูลยากจนข้นแค้น ใครบ้างที่ไม่หวังสั่งสมชื่อเสียงอันดีงาม? ต่อให้เป็นตระกูลร่ำรวยก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ คำพูดของตระกูลฟู่พวกเจ้าที่บอกว่า ‘ทองมรกตสว่างเรืองรอง ของล้ำค่าดารดาษละลานตา’ เป็นจริงสักกี่ส่วน คนนอกอาจไม่รู้ แต่เจ้าฟู่อวี้น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ?”
ฟู่อวี้ที่ถูกแฉเสียหมดเปลือกโมโหปรี๊ดทันที “ใต้เท้าอู๋ ท่านยังกล้ามีหน้ามาพูดถึงตระกูลฟู่พวกเราอีกหรือ?”
อู๋ยวนอารมณ์ดีทันตาเห็น หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ตบไหล่สหายรู้ใจ “พวกเราสองคนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หมาป่าและเป้ยสมคบคิดกัน”
ฟู่อวี้หัวเราะตามไปด้วย “ใช้คำว่ามีปณิธานตรงกัน รสนิยมเดียวกันจะน่าฟังกว่าหรือเปล่า?”
อู๋ยวนด่ากลั้วหัวเราะ “เกิดดัดจริตอะไรขึ้นมา? เป็นวิญญูชนจอมปลอมเหนื่อยจะตายไป เป็นคนถ่อยที่แท้จริงนี่แหละถึงจะสะใจ”
ฟู่อวี้ส่ายหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย “คำพูดประโยคนี้ของใต้เท้าอู๋ไม่ค่อยจะมีจุดยืนของตัวเองสักเท่าไหร่”
อู๋ยวนถอนหายใจหนึ่งที แล้วเปลี่ยนหัวข้อพูด “เริ่มคิดถึงภรรยาแล้วสิ”
ฟู่อวี้ยิ้มบางๆ “ใต้เท้านายอำเภอ หอโคมเขียวของอำเภอหลงเฉวียนพวกเราก็ควรจะยกเลิกข้อห้ามแล้วหรือไม่? สุรานารี มีแต่สุราก็ดูจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่”
อู๋ยวนพยักหน้ารับ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในบรรดานักโทษของราชวงศ์สกุลหลูที่ถูกเนรเทศ สถานะของสตรีบางคนเหมาะสมพอดี แทนที่จะให้ไปทำงานยากลำบากเหนื่อยตายอยู่ในป่าเขา ไม่สู้มอบทางเลือกอีกอย่างหนึ่งให้กับพวกนาง แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่อาจบังคับฝืนใจกัน ต้องดูที่ความสมัครใจของตัวพวกนางเองเป็นหลัก ฟู่อวี้ หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องคอยติดตามข้าไปให้คนค้อนตาดูแคลนใส่ทุกวันแล้ว เจ้ารับเรื่องนี้ไปทำ”
คราวนี้เป็นฟู่อวี้บ้างที่มีสีหน้าตะลึง ประโยคก่อนหน้านี้เขาก็แค่เสนอไปอย่างนั้นเอง จึงถามด้วยความสงสัย “เอาจริงหรือ?”
อู๋ยวนขยับคอเสื้อชุดข้าราชการ ตอบยิ้มๆ “มีอะไรจริงไม่จริงเล่า ภูเขาถูกบุกเบิกหลายลูกขนาดนั้น อนาคตคนที่จะมาอยู่อาศัยส่วนมากก็ต้องเป็นเทพเซียนบนภูเขา คิดจะรั้งตัวนายท่านใหญ่ที่สายตามองแต่ที่สูง ถุงเงินหนาใหญ่ ให้พวกเขาใช้จ่ายเงินมือเติบอยู่ในเมืองเล็กของพวกเรา จะอาศัยแค่ตำแหน่งนายอำเภอเล็กๆ ของข้าที่อีกไม่นานก็ต้องถูกปลดสถานะผู้ตรวจการ หรือว่าจะให้อาศัยเจ้าฟู่อวี้? เมื่อก่อนเคยได้ยินอาจารย์ของข้าเล่าให้ฟังว่า คนบนภูเขาที่หยิ่งยโสพวกนั้นมักจะไม่ค่อยสนใจความงามเพริศพริ้งของสตรีในโลกมนุษย์ เพราะเมื่อเทียบกับเทพธิดาที่ฝึกตนแล้ว ความต่างด้านในหนังหุ้มนั้นมีมาก ถ้าอย่างนั้นขอแค่สตรีล่างภูเขายังมีสถานะหลงเหลืออยู่ อย่างเช่นเป็นดั่งกิ่งทองใบหยกของแคว้นที่ล่มสลาย เป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ตระกูลล้มละลาย ก็พอจะมีความดึงดูดใจไม่มากก็น้อย สำหรับข้อนี้ พวกนักโทษกลุ่มนั้นของราชวงศ์สกุลหลู ไม่ขาด”
ฟู่อวี้แค้นเคืองด้วยรู้สึกไม่เป็นธรรม “ราชสำนักคิดจะแต่งตั้งขุนนางผู้ตรวจการงานเตาเผาคนใหม่ในเวลาเช่นนี้ หากไม่ได้คิดจะเก็บเกี่ยวดอกผลจะเป็นอะไรไปได้อีก? สองเดือนมานี้ใต้เท้าต้องเดินเท้าไปทั่วภูเขาหกสิบกว่าลูก คอยติดตามพวกจิ้งจอกเฒ่าปากร้ายพวกนั้นปรึกษาหารือเรื่องขุดดินปลูกสร้างศาลเทพอภิบาลเมืองของอำเภอไปจนถึงเลือกสถานที่สำหรับสร้างศาลเจ้าบุ๋นบู๊สองแห่ง ช่วงก่อนหน้านี้ยังต้องไปวัดที่และเตรียมไม้ให้พร้อม จากนั้นก็มาจัดการเรื่องชาวบ้านสกุลหลูที่ลี้ภัย จะเรื่องน้อยเรื่องใหญ่ต้องทำเองหมด มีวันไหนบ้างที่ได้นอนเกินสามชั่วยาม? ทีนี้กลับดีนัก พวกตาแก่ในราชสำนักแค่ขยับปากไม่กี่ที ก็เท่ากับว่าใต้เท้าอู๋ทำงานไม่ดีแล้ว? ไม่แน่ว่าเรื่องที่สี่แซ่สิบตระกูลสร้างความลำบากใจให้ท่านอาจเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากคนบางคนในราชสำนัก! พวกเขาต้องการให้อนาคตที่ยิ่งใหญ่ของใต้เท้าเริ่มต้นขึ้นที่อำเภอหลงเฉวียน แล้วก็ต้องจบลงที่อำเภอหลงเฉวียน!”
น่าจะเป็นเพราะฟู่อวี้รู้สึกว่าคำพูดประโยคสุดท้ายฟังดูอัปมงคลเกินไป แล้วก็เกินจริงไปมาก จึงพูดใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ดังเดิม “อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้ใต้เท้าได้ควบคุมหนึ่งกรมสำเร็จก่อนอายุห้าสิบ ได้แต่ต้องท่องคาถาอดทน ค่อยๆ อดทนจนกว่าจะไปถึงตำแหน่งสูงของหนึ่งกรม”
อู๋ยวนเผยอริมฝีปากที่แห้งผาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฟู่อวี้พลันหัวเราะ อู๋ยวนจึงหันหน้ากลับไปมอง “นึกถึงเรื่องอะไรที่ทำให้อารมณ์ดีได้รึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!