กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 159

กระบี่จงมา – ตอนที่ 159.2 ส่งท่านจากไปไกลนับหมื่นลี้
บทที่ 159.2 ส่งท่านจากไปไกลนับหมื่นลี้
โดย
ProjectZyphon
ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือเหี่ยวแห้งข้างหนึ่งออกมา ห้านิ้วงอเป็นตะขอแล้วค่อยๆ กรีดลากลงเบื้องล่างทีละนิดพลางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่เกี่ยวกับพี่สาวของเจ้าสักเท่าไหร่ แต่หลักๆ แล้วเป็นเพราะเจ้าวาดงูเติมขา (เปรียบเปรยว่ากระทำการเกินความจำเป็น) ทำร้ายให้ข้าต้องเสียตบะไปเปล่าๆ สามร้อยปี ทำให้หลังจากนี้ต้องมีมรสุมอุปสรรคมากมายปรากฏขึ้น พ่อจึงอารมณ์ไม่ค่อยดี เหตุผลแค่นี้พอหรือไม่?!”

ระหว่างนิ้วทั้งห้าของผู้เฒ่ามีดอกไม้สีแดงโลหิตเบ่งบานออกมาดอกแล้วดอกเล่า มองดูแล้วเล็กกะทัดรัดน่ารัก ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับไม่อ่อนโยนน่าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย

เพราะบนร่างของหญิงสาวที่ทะยานตัวอยู่กลางอากาศสูงปรากฏเป็นร่องเลือดขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถูกนิ้วทั้งห้ากรีด สภาพนั้นอเนจอนาถยิ่งกว่าเนื้อหมูที่ถูกสับอยู่บนเจียงซะอีก หนึ่งมีดกรีดลงไป บาดลึกจนเห็นกระดูก

ไม่เพียงเท่านี้สตรีที่เดิมทีเผ่นหนีไปไกลร้อยจั้งในเสี้ยววินาทีกลับถูกดึงกลับมายังเมืองเล็กแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

แต่ว่าโศกนาฎกรรมเกิดขึ้นกลางอากาศสูงอย่างเงียบเชียบ พวกชาวบ้านที่อยู่ในเมืองจึงสัมผัสไม่ถึง นอกจากคนเพียงหยิบมือที่เงียบหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพอดี แต่ละคนจึงเบิกตากว้างอ้าปากค้างแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนไม่ได้รับผลกระทบ

สุดท้ายร่างของสตรีก็ร่างกระแทกพื้นดังตุ้บ ทั่วร่างโชกไปด้วยเลือด อาภรณ์ยันต์อาคมที่เดิมทีงดงามยอดเยี่ยมฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี อาภรณ์ไม่อาจบดบังเรือนกาย สตรีขดร่างอยู่บนพื้น ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หันไปขอร้องเจียวเฒ่าอย่างยากลำบาก

เจ้าประมุขทำเนียบตะวันม่วงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ฝึกลมปราณแคว้นหวงถิงที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ เทพเซียนยิ่งใหญ่ที่มีหวังว่าจบะจะเลื่อนสู่ขอบเขตสิบกลับมานอนเกลือกกลิ้งคลุกดินอยู่บนพื้น

ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อโบกมือหนึ่งครั้งอย่างไม่ใส่ใจ ร่างทั้งร่างของสตรีก็ลอยในแนวขวางไปกระแทกเสาคานของร้านคาข้างทางจนหักพัก แล้วจึงนอนกองอยู่ตรงมุมกำแพงตัวอ่อนโยนราวกับโคลนเละๆ

สีหน้าบุรุษชุดดำซีดขาว “ท่านราชครูผู้นั้นโกรธหรือ? การหยั่งเชิงที่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ ต่อให้ลูกทำผิดจริง แต่มันมีค่าถึงขนาดที่เขาต้องขี่ช้างจับตั๊กแตนแบบนี้ด้วยหรือ? ไม่กลัวว่าพวกเราจะหันไปเข้าพวกกับต้าสุ้ยหรือไร?”

ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อจ้องมองบุตรชายคนเล็กที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วถอนหายใจ สะบัดชายแขนเสื้อเดินจากไป ไม่คิดจะลงมือสั่งสอน เพียงทิ้งไว้สองคำว่า “สวะไร้ค่า”

นายท่านผู้เฒ่าเทพวารีแม่น้ำหันสือตรงขึ้นไปอุ้มพี่สาวที่หายใจรวยรินกลับขึ้นรถม้า สารภีคือปัญญาชนพ่อเฒ่าลำธารที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจวนมหาวารีผู้นั้น ตอนที่บุรุษชุดดำเลิกผ้าม่านขึ้น หันหลังให้กับปัญญาชน เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บแค้นและเสียใจทีหลัง “สุยปิน เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าไม่ควรบุ่มบ่ามขนาดนี้”

ปัญญาชนผู้มีความรู้สะบัดแส้ รถม้าจึงขับเคลื่อนไปช้าๆ ย้อนกลับไปยังโรงเตี๊ยมชิวหลู เขาเอ่ยเบาๆ ว่า “โชคดีกับโชคร้ายมักมาคู่กันเสมอ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายไปซะหมด เมื่อรู้เส้นบรรดทัดฐานของราชครูผู้นั้นแล้ว วันหน้าย่อมสื่อสารกันได้มากขึ้น วันนี้แค่เสียเปรียบเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ดีกว่าวันหน้าที่ท่านผู้เฒ่าเทพวารีหลงลำพองจนลืมตน โดนคนฆ่าทิ้งแล้วก็ยังไม่รู้สาเหตุ”

บุรุษชุดดำวางร่างพี่สาวไว้ในห้องโดยสารของรถม้า ตัวเขามานั่งอยู่ด้านหลังปัญญาชน กล่าวอย่างคนที่อับอายจนพานเป็นความโกรธ “เสียเปรียบเล็กน้อย?! ตบะของบิดาข้าหายไปสามร้อยปี ด้วยนิสัยของเขา วันหน้าข้าย่อมต้องโดนลงโทษ! คนอื่นไม่รู้ แต่เจ้าสุยปินก็ไม่รู้เหมือนกันหรือว่าพี่น้องเจ็ดแปดคนนั้นของข้าต้องตายยังไง?”

ปัญญาชนสุยปินกล่าวพร้อมยิ้มบางๆ “ตายแล้วสิดี ตายแล้วก็เหลืออยู่แค่สามคน เมื่อมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต้องตาย หากเปลี่ยนมาเป็นในอดีตข้าคงต้องช่วยเก็บศพให้นายท่านผู้เฒ่าเทพวารีแล้ว อืม ไม่แน่ว่ายังต้องช่วยเก็บชิ้นส่วนมาประกอบกันด้วย ทางทิศตะวันตกชิ้นหนึ่ง ทิศตะวันออกชิ้นหนึ่ง ค่อนข้างจะยุ่งยากอยู่ไม่น้อย”

หากกุนซือผู้อยู่เบื้องหลังอย่างสุยปินพยายามเอ่ยปลอบใจด้วยถ้อยคำน่าฟัง บางทีบุรุษชุดดำอาจจะยิ่งกระวนกระวายไม่เป็นสุข แม้แต่จะอยู่ต่อในเมืองก็คงไม่กล้า ขนาดจวนมหาวารีก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะกล้ารั้งรออยู่นาน ต้องหนีไปหลบมรสุมไกลเป็นพันเป็นหมื่นลี้ ตอนนี้ได้ยินคำพูดเย็นชาเสียดสีจากสุยปิน บุรุษชุดดำกลับกลายเป็นว่าสบายใจอยู่หลายส่วน เหลือบตามองแผ่นหลังของพ่อเฒ่าลำธารที่มีร่างเป็นผีพรายผู้นี้ ในใจก็คิดว่าไม่น่าล่ะถึงถูกราชครูเด็กหนุ่มให้ความสำคัญไม่ต่างจากเว่ยหลี่ผู้พิทักษ์เมือง

“เจ้าอย่าเอาแต่พร่ำเรียกข้าว่านายท่านผู้เฒ่าเทพวารีได้หรือไม่ ข้าไม่ชิน หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าชื่นชอบเจ้ามากเป็นพิเศษ เจ้าเองก็ไม่เคยอ่อนน้อมให้แก่ข้าจนไร้ศักดิ์ศรี ดีมาก แต่อย่าเอาแต่ร่วมทุกข์ไม่ยอมร่วมสุขล่ะ”

สุดท้ายบุรุษชุดดำก็ทอดถอนใจอย่างขุ่นขึ้ง “สุยปิน เจ้าว่าพ่อข้าเรียนหนังสือมานานหลายปี ไม่น้อยไปกว่าอริยะของลัทธิขงจื๊อ สมบัติส่วนตัวและหอตำราที่เก็บหนังสือไว้ก็อุดมสมบูรณ์เป็นอันดับหนึ่งของแคว้นหวงถิง แต่ทำไมถึงยังมีนิสัยฉุนเฉียวร้ายกาจขนาดนี้นะ”

สุยปินกล่าวยิ้มๆ “บิดาท่านก็ทำตัวนิสัยดีกับบัณฑิตเหล่านั้นไม่ใช่หรือ แถมยังดีจากใจจริงด้วย”

บุรุษชุดดำรู้สึกระอาใจกับเรื่องนี้อยู่มาก

สุยปินลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนกล่าวว่า “อันที่จริงการที่บิดาท่านโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ เกรงว่าน่าจะต้องเกี่ยวพันกับโอกาสบนมหามรรคาด้วย แม้ว่าท่านจะจงใจปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แต่ราชครูต้าหลีผู้นี้ต้องคิดว่าบิดาท่านรู้เรื่อง เขามองเหตุการณ์ได้กว้างไกลถึงเพียงนั้นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่คิดใช้เหตุการณ์นี้ยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านพ่อลูก”

บุรุษชุดดำนึกพรั่นพรึงอยู่ในใจ

ในห้องโดยสารมีน้ำเสียงแก่ชราที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของทุกคนดังขึ้นมา “สุยปิน เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นเรื่องดี”

สุยปินหัวเราะร่า “ท่านผู้เฒ่า ข้าเองก็เคยเรียนหนังสือมาก่อน อืม ตอนนี้กลายเป็นผีบัณฑิตแล้ว ในเมื่อข้าตายไปแล้วยังจะกลัวตายไปอีกทำไม?”

เจียวเฒ่าที่ปรากฏตัวอย่างลึกล้ำยิ้มบางๆ “เจ้าลูกไร้ความสามารถของข้ามีผู้ช่วยอย่างเจ้า ข้าก็วางใจแล้ว”

บุรุษชุดดำหายใจติดขัดเล็กน้อย

ช่างเป็นนกที่ดีที่รู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอนจริงๆ

หากจะบอกว่าเมื่อก่อนบิดาดูแคลนพ่อเฒ่าลำธารตัวเล็กๆ หรือไม่ก็เพราะการจำศีลอย่างระมัดระวังไม่ต้องการให้คนนอกมาร่วมรับรู้ ถ้าเช่นนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไปก็คงจะเริ่ม ‘แย่งชิงแผ่นดิน’ แล้ว ‘ขุนนางบุ๋นขุนพลบู๊’ อันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ใช่ว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดีหรอกหรือ

ดูเหมือนสุยปินจะมองความคิดของนายท่านผู้เฒ่าเทพวารีแม่น้ำหันสือออกจึงยิ้มบางๆ เอ่ยเย้าว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางแปรพักตร์ ต่อให้เป็นผี ความเด็ดเดี่ยวนี้ก็ยังพอจะมีอยู่”

เจียวเฒ่าที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารปรายตามองบุตรสาวที่ขดตัวอยู่ในมุมด้วยสายตาเย็นชา แต่พอหันไปมองทางหน้าต่างรถกลับเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนจากใจจริง “เรื่องของบุตรสาวเจ้าผู้นั้น ข้าเคยได้ยินมาก่อน ต้องการให้ข้าออกหน้าช่วยให้นางกลายเป็นเทพภูเขาของเขาสุ้ยซานหรือไม่?”

สุยปินส่ายหน้า “ลูกทรพีที่เทียบแม้แต่หมาหรือหมูไม่ได้ผู้นั้น ปล่อยนางไปตามยถากรรมเถอะ”

เจียวเฒ่าหัวเราะเสียงก้องกังวาน “นิสัยนี้เหมือนข้า”

บุรุษชุดดำที่นั่งอยู่ข้างนอกกับสตรีที่บาดเจ็บหนักอยู่ในห้องโดยสารรู้สึกเศร้าสลดใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

แต่ละบ้านล้วนมีคัมภีร์ที่อ่านยากอยู่เล่มหนึ่ง

เทพวารีแม่น้ำหันสือก็ดี บุรพาจารย์บุกเบิกภูเขาของทำเนียบตะวันม่วงก็ช่าง ทั้งสองต่างก็ห่างจากตบะขอบเขตที่สิบอีกแค่ก้าวเดียว แต่ละคนต่างก็มีตำแหน่งสูงส่งในถิ่นของใครของมัน มีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นได้อย่างเสรียิ่งกว่าจักรพรรดิในโลกมนุษย์เสียอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!