กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 162

กระบี่จงมา – ตอนที่ 162.1 เหล่าเด็กๆ ที่ถูกต้าสุยรังแก
บทที่ 162.1 เหล่าเด็กๆ ที่ถูกต้าสุยรังแก
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันเดินออกไปนอกประตูเมืองแล้วยืนพักอยู่ข้างถนนทางหลวงที่มีคนเดินเท้าสัญจรไม่ขาดสาย ห่างออกไปไม่ไกลมีร้านน้ำชาอยู่ร้านหนึ่ง

เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เดินไปซื้อน้ำชาหนึ่งถ้วยแล้วนั่งลงดื่ม

เด็กหนุ่มที่แทบจะไม่เคยเสียใจกับเรื่องใดเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตัวเองออกมาจากเมืองหลวงต้าสุยเร็วเกินไป

ก็เหมือนอย่างที่ชุยฉานพูด หากพวกเป่าผิงถูกคนรังแก แล้วเขาไม่ได้อยู่ข้างกาย พวกเขาจะทำอย่างไร?

โลกทัศน์ของเฉินผิงอันไม่กว้างไกลนัก แต่สำหรับความดีเลวของใจคน ใช่ว่าเขาจะมองไม่ออก เพราะนับตั้งแต่เด็กก็มีชีวิตที่ยากแค้น ในอดีตเขาก็แค่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่อย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ อายุน้อยๆ ก็มีกลยุทธ์เอาตัวรอดมากมาย ดังนั้นเฉินผิงอันจึงเข้าใจหลักการที่ว่าชีวิตคนไม่อาจสมปรารถนาไปได้ทุกเรื่อง รวมไปถึงด้านอัปลักษณ์ในใจคนได้ดียิ่งกว่าพวกหลี่เป่าผิง หลี่ไหวและหลินโส่วอีสามคน

โดยเฉพาะครั้งนี้ที่ได้เดินทางร่วมกับชุยฉาน อาศัยการพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับนักเรียนที่ได้มาเปล่าๆ คนนี้ เฉินผิงอันก็ยิ่งเข้าใจเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่ายิ่งหมวกขุนนางใหญ่ คนก็ยิ่งฉลาด แล้วก็ไม่ใช่ว่าความรู้มาก คนก็จะยิ่งนิสัยดี

เฉินผิงอันดื่มชา มองไปทางกำแพงเมืองแล้วตัดสินใจกับตัวเองเงียบๆ

……

ภูเขาตงหัว สำนักศึกษาซานหยา ในห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่แขวนป้ายคำว่า “ซงเทา” คนในโลกมนุษย์มักจะชอบเรียกว่าเรือนพักนักปราชญ์หรือบ้านพักอาจารย์

ใต้เท้าเจ้ากรมพิธีการต้าสุยที่เป็นเจ้าขุนเขาในนามคนปัจจุบันกำลังดื่มชา นานๆ จะได้อู้งานสักที สีหน้าของเขาจึงผ่อนคลาย ในบรรดาอาจารย์สอนหนังสือของสำนักศึกษาเจ็ดแปดคนที่นั่งอยู่ อายุของแต่ละคนต่างก็ไม่น้อยแล้ว รองเจ้าขุนเขาทั้งสามท่านต่างก็อยู่กันครบ ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อที่ใบหน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมคนหนึ่งในนั้นทนมานาน ในที่สุดก็เปิดปากบ่นอย่างอดไม่ไหว “เด็กๆ พวกนี้เหลวไหลกันเกินไปแล้ว!”

ราวกับคำวิจารณ์ว่าเหลวไหลหลุดออกจากปากมาแล้ว อาจารย์ผู้เฒ่ายังคงไม่หายโมโห จึงไปอีกหนึ่งประโยคว่า “ดื้อรั้นเกเร!”

ต้องรู้ว่ารองเจ้าขุนเขาท่านนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้มากความรู้ที่รับผิดชอบบรรยายในการประชุมครั้งใหญ่ของสำนักศึกษาแห่งใหม่ อีกทั้งยังมีสถานะเป็น “วิญญูชน” ที่แท้จริง นามของผู้เฒ่าถูกบันทึกไว้ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของลัทธิขงจื๊อนานแล้ว ดังคำนั้นคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาจึงมีน้ำหนักมากกว่าผู้มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม หรือเจ้าสำนักซื่อหลิน (ในสมัยโบราณหมายถึงวงการวิทยาการ วงการแห่งความรู้) มากนัก

เจ้ากรมพิธีการคือผู้เฒ่าหน้าตาใจดีคนหนึ่งที่เรือนกายเล็กเตี้ย รูปโฉมไม่สะดุดตา หากไม่เป็นเพราะสวมใส่ชุดขุนนางที่ไม่ทันมีเวลาถอด ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่านี่คือขุนนางระดับสูงขั้นสองชั้นเอกอันเป็นแกนกลางของราชสำนัก อีกทั้งยังเป็นขุนนางผู้ดูแลด้านภาษาและวัฒนธรรมของต้าสุย เมื่อเทียบกับต้าหลีที่ยกตำแหน่งขุนนางฝ่ายโหราศาสตร์ให้เป็นตำแหน่งของเจ้ากรมขุนนางแล้ว ต้าสุยกลับยกให้แก่กรมพิธีการ

ผู้เฒ่าไม่รู้สึกว่าคำพูดของรองเจ้าขุนเขาทำให้เสียอารมณ์ ยังคงหัวเราะเฮอๆ “ไหนลองว่ามาสิ ว่าเกเรอย่างไร”

รองเจ้าขุนเขาพูดด้วยน้ำเสียงโมโหโทโส “หลินโส่วอีพรสวรรค์ดีเยี่ยม พื้นฐานความรู้ด้านคัมภีร์ก็ไม่เลว ปูมาได้แน่นหนา ทว่านิสัยนั้นของเขา เฮ้อ มักจะชอบหนีเรียนไปหาหนังสือเบ็ดเตล็ดอ่านที่หอหนังสือ อ่านไปอ่านมากลับไม่เคยพลิกเปิดคัมภีร์ขงจื๊อเลยแม้แต่ครึ่งเล่ม กลับกลายเป็นว่าอ่านคัมภีร์ลับลัทธิเต๋านอกรีตจำนวนมาก เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันนี้เขาก็อ่านไปมากถึงยี่สิบสามสิบเล่มแล้ว มีอย่างที่ไหนกัน ยังไม่ทันใช่ศิษย์ลัทธิขงจื๊อก็อ่านตำราลัทธิเต๋าซะแล้ว เพียงแต่ว่าอายุยังน้อยแค่นี้ ไหนเลยจะมีคุณสมบัติให้พูดถึงเรื่องการได้ข้อคิดจากเหตุการณ์ประเภทเดียวกัน หากเดินไปทางผิด เราจะมีหน้าไปพบ…อดีตเจ้าขุนเขาได้อย่างไร?”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยพยักหน้ารับเบาๆ ความเร็วในการดื่มชาช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งพูดรองเจ้าขุนเขายิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิด “ยังมีนังหนูหลี่เป่าผิงนั่นที่ยิ่งไร้ระเบียบไม่เกรงกลัวสวรรค์ ตอนเรียนนางมักจะนั่งเหม่อลอย ไม่รู้จักให้ความเคารพต่อครูบาอาจารย์เลยแม้แต่น้อย หากไม่เอาแต่อ่านบันทึกท่องเที่ยวภูเขาแม่น้ำก็วาดคนตัวน้อยลงบนหนังสือ หึ ดียิ่งนัก รูปนั่นยังเป็นคนฝึกยุทธ์ที่ทำท่าป่าเถื่อนด้วย!”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยข่มกลั้นเสียงหัวเราะ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ เพียงก้มหน้าดื่มชาเงียบๆ

รองเจ้าขุนเขายังพูดต่อไป “หลี่ไหวที่อายุน้อยสุด…กลับว่าง่ายไม่น้อย ไม่โดดเรียน ไม่ก่อเรื่อง การบ้านที่อาจารย์มอบให้เขาก็ทำส่งทุกครั้ง แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าสติปัญญาของเขานั้น…กลับเหมือนตะปมไม้แข็งทื่อที่ไม่ความฉลาดเฉลียวเอาซะเลย? เวลาเรียนมักจะสัปหงก เลอะๆ เลือนๆ บนโต๊ะเต็มไปด้วยคราบน้ำลาย ไหนเลยจะมีบุคลิกของลูกศิษย์ผู้สืบทอดของอดีตเจ้าขุนเขา เฮ้อ สร้างความกลัดกลุ้มให้ข้าผู้อาวุโสยิ่งนัก”

รองเจ้าขุนเขาท่านหนึ่งที่อายุค่อนข้างน้อยกล่าวเย้า “ใต้เท้าเจ้ากรม เจ้าขุนเขาหลิวของพวกเรากลัดกลุ้มจนหนวดร่วงไปหลายเส้นเลยนะ”

ผู้เฒ่าหน้าสี่เหลี่ยมโต้กลับด้วยสีหน้าจริงจัง “แค่รองเจ้าขุนเขา!”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยหัวเราะเสียงดังกังวาน เบี่ยงตัววางถ้วยชาลงแล้วถามว่า “ไม่มีข่าวดีบ้างเลยหรือ? หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ครั้งหน้าข้าคงไม่กล้ามาแล้ว”

ผู้เฒ่าหน้าเหลี่ยมอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย พยักหน้ารับ “มี แปลกจริงๆ กลับเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวอย่างอวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ยต่างหากที่โดดเด่นอย่างมาก เหมือนกับเมล็ดพันธ์บัณฑิตของลัทธิขงจื๊อเสียยิ่งกว่า พฤติกรรมทุกอย่างล้วนปกติ เวลาปกติก็นับว่าให้ความเคารพครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มอวี๋ลู่ที่อ่อนโยนและประหยัดมัธยัสถ์ และดูเหมือนว่าจะมีค่าแก่การอบรมปลูกฝังยิ่งกว่าลูกหลานที่มีความสามารถของตระกูลใหญ่โตอันดับต้นๆ ของต้าสุยเราเสียอีก”

ผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยยังคงไม่รีบร้อนด่วนสรุป ยิ้มตาหยีมองไปยังผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่คนหนึ่งแอบงีบหลับอยู่ตลอดเวลา “เหมาเหล่า เจ้าว่าอย่างไร?”

ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่ตรงเอวห้อยไม้บรรทัดยาวสีแดงที่มีเอกลักษณ์ หลังจากถูกเรียกชื่อ เขาก็สะดุ้งโหยง ลืมตาขึ้นพูดอย่างมึนงง “อะไร? ใต้เท้าเจ้ากรมจะไปแล้วรึ? ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเล่า?”

เจ้ากรมพิธีการยังคงยิ้มตาหยี “ในเมื่อเหมาเหล่าอุตส่าห์รั้งไว้อย่างกระตือรือร้น ต้องการให้ข้าอยู่ต่ออีกสัก งั้นข้าก็จะอยู่ต่อ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!