หลินโส่วอียังคงเป็นเหมือนในอดีต หากเป็นคาบที่ตัวเองไม่ชอบ เขาก็จะไปอ่านหนังสือที่หอเก็บตำรา
ตลอดทางที่เขาเดินไป โดดเด่นสะดุดตาอย่างถึงที่สุด
ในบรรดานักเรียนกลุ่มแรกของสำนักศึกษาซานหยา นักเรียนที่เกิดและโตในต้าสุย หากไม่มาจากตระกูลเศรษฐีก็เป็นชนชั้นสูง หากไม่เป็นพวกตระกูลที่มีหน้ามีตาของเมืองหลวงก็เป็นตระกูลใหญ่ที่ฝังรากลึกล้ำอยู่ในท้องที่ ไม่มีใครที่ไม่ใช่บุตรชายบุตรสาวที่มีชื่อของตระกูลที่ร่ำรวยเงินทอง หรือคนในตระกูลเป็นขุนนางกันมาทุกยุคทุกสมัย
การปรากฏตัวของหลินโส่วอีราวกับน้ำพุใสสะอาดที่หลั่งรินอยู่บนภูเขา ทำให้สตรีหลายคนหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
นิสัยห่างเหินปฏิเสธให้คนอื่นห่างไกลไปพันลี้ของหลินโส่วอียิ่งกระตุ้นความห้าวเหิมของสตรีจากตระกูลใหญ่เหล่านั้น ไม่ว่าหลินโส่วอีทำอะไรก็ล้วนเห็นว่ามีเอกลักษณ์แปลกใหม่ ยกตัวอย่างเช่นเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าธรรมดา การกินการอยู่ก็เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด เมื่อเทียบกับลูกหลานชนชั้นสูงที่อยู่ข้างกายแล้วก็เรียกได้ว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหว และนี่ก็คือท่วงทำนองของผู้มีความรู้ลัทธิขงจื๊อของหลินโส่วอี
หากจะบอกว่าการใกล้ชิดหลินโส่วอีด้วยสาเหตุเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความรู้ที่ตื้นเขิน ถ้าอย่างนั้นรายละเอียดบางอย่างที่คล้ายจะไม่มีใครให้ความสนใจก็คือแรงผลักดันมหาศาลที่ก่อให้เกิดความรู้สึกอันดีนี้
ยกตัวอย่างเช่นการที่หลินโส่วอีได้รับความสำคัญจากต่งจิ้งผู้มากความรู้แห่งลัทธิขงจีอ ผู้เฒ่าท่านนี้มีชื่อเสียงดีงามอยู่ในราชสำนักต้าสุย ได้รับการยอมรับว่าเชี่ยวชาญความรู้ของทั้งขงจื๊อและเต๋า ต่งขิ้งมักจะเรียกหลินโส่วไปยังกระท่อมที่เรียบง่ายของตัวเองบ่อยๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับเขาเป็นการส่วนตัว
ทุกครั้งที่มีฝนตกฟ้าร้องจะพาหลินโส่วอีภูเขาเถี่ยซู่ (ต้นไม้เหล็ก) ที่สูงที่สุดในเมืองหลวงของต้าสุย ส่วนสาเหตุนั้น คนนอกสำนักศึกษานอกจากจะมองดูเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังพยายามมองไม่เห็นถึงความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ด้วย ใต้หล้านี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมไม่ลอดผ่าน ต่งจิ้งเองก็มีสหายที่สนิทสนม อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนขี้เมา เพียงแค่ดื่มเหล้าไปไม่กี่จอกก็หลุดเปิดเผยเบาะแส นั่นคือหลินโส่วอีคืออัจฉริยะแห่งการฝึกตนที่ร้อยปียากจะพานพบสักครั้ง หากบ่มเพาะปราณแห่งความเที่ยงธรรมและยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ นำมาช่วยเสริมวิชาห้าอสนีย่อมต้องกลายเป็นเทพเซียนที่มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ห้าขอบเขตกลางแน่นอน อีกทั้งยังมีหวังว่าจะเลื่อนสู่ขอบเขตหกก่อนจะอายุยี่สิบห้าปี
หากจะพูดให้ง่ายหน่อย นี่หมายความว่าอัจฉริยะในการฝึกตนอย่างหลินโส่วอีมีคุณสมบัติที่จะฝ่าสู่ขอบเขตสิบ และนี่ก็อยู่เหนือขอบเขตของอัจฉริยะทั่วไปอยู่มาก
จู่ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยววิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินโส่วอี เขาคือหลี่ไหว พอเห็นหลินโส่วอีก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ พูดสะอึกสะอื้น “หลินโส่วอี หุ่นไม้หลากสีของข้าหายไปแล้ว มีคนขโมยมันไป!”
หลินโส่วอีถาม “เจ้าทำมันหายเองหรือเปล่า?”
หลี่ไหวส่ายหน้าสุดชีวิต “ไม่มีทาง!”
“ที่หอพักของเจ้ามีคนอยู่กี่คน?”
“รวมข้าด้วยก็เป็นสี่คน”
“มีใครที่น่าสงสัยหรือไม่?”
หลี่ไหวยังคงส่ายหน้า
หลินโส่วอีขมวดคิ้วเป็นปม สุดท้ายเขาพาหลี่ไหวกลับไปที่หอพักของตัวเอง หยิบเอาตั๋วเงินหลายใบที่อยู่ใต้หีบหนังสือออกมาส่งให้หลี่ไหว เงินเหล่านี้ที่บ้านของเขาส่งมาให้ตอนอยู่จุดพักม้าเจิ่นโถวเมืองหงจู๋ สีหน้าตอนหลินโส่วอีได้รับจดหมายในวันนั้นไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด
หลี่ไหวตระหนกลน “อะไร? ข้าต้องการแค่หุ่นไม้หลากสีเท่านั้น ข้าไม่ต้องการเงิน!”
หลินโส่วอีกล่าว “หลังจากเจ้ากลับไปที่พอพักแล้วก็บอกกับเพื่อนร่วมหอว่า เจ้าทำหุ่นไม้หลากสีหายไปที่…สรุปคือเจ้าเลือกสถานที่ใดมาก็ได้ และหากใครช่วยเจ้าตามหาจนเจอ เจ้าจะให้เงินเหล่านี้แก่เขา”
หลี่ไหวมึนงง “แบบนี้ก็ได้หรือ?”
หลินโส่วอีกล่าวอย่างจนใจ “ลองทำแบบนี้ดูก่อน”
วันที่สอง หลี่ไหวมาหาหลินโส่วอีด้วยความอารมณ์ดี “วิธีนั้นใช้ได้จริงๆ ด้วย!”
หลินโส่วอีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “วันหน้าใส่กุญแจลังของตัวเองให้ดี แล้วก็อย่าเอาของเล่นผุพังพวกนั้นของเจ้าออกมาอวดคนอื่น”
หลี่ไหวโกรธเคือง “ขอบคุณก็ส่วนขอบคุณ วันหน้าข้ายังต้องคืนเงินให้กับเจ้า แต่ห้ามเจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้!”
หลินโส่วอียื่นฝ่ามือข้างหนึ่งไปตบศีรษะเจ้าลูกหมาน้อยคนนี้ “อย่ามากวนข้าบ่อยนัก ข้าจะไปหอหนังสือ”
“ระวังจะกลายเป็นหนอนหนังสือเข้าสักวัน!” หลี่ไหวทำหน้าทะเล้นใส่หลินโส่วอีแล้ววิ่งแผล็วหนีไป
ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน หลี่ไหวก็ไหลลู่คอตกมาหาหลินโส่วอีอีกครั้ง คราวนี้เขาทำท่าทางขลาดกลัวไม่กล้าพูด
หลินโส่วอีที่ถูกคนมาดักรอหน้าหอหนังสือถอนหายใจ “มีเรื่องอะไร? หุ่นไม้หลากสีหายไปอีกแล้วรึ?”
เด็กชายตอบหน้าสลด “เปล่า คราวนี้เป็นหุ่นคนจิ๋วชุดนั้น…”
“ใส่กุญแจลังดีแล้วหรือ?”
“ใส่ดีแล้ว ข้ารับรอง! ตั้งสองชั้นแน่ะ! แล้วข้าก็เก็บลูกกุญแจไว้กับตัวตลอดเวลาเลยด้วย”
หลินโส่วอีปวดหัวแปล๊บ จึงยื่นมือออกมานวดคลึงกลางหว่างคิ้ว “ข้าจะไปหาอาจารย์ต่ง ดูว่าเขามีวิธีหรือไม่ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง”
หลี่ไหวพลันเงยหน้า ฝืนใจยิ้ม “ช่างเถอะ ข้าหาวิธีเอาเองดีกว่า ไม่แน่ว่าพวกมันอาจวิ่งกลับมาเองก็ได้”
ไม่รอให้หลินโส่วอีรั้งตัว หลี่ไหวก็วิ่งออกไปแล้ว ตะโกนเรียกอย่างไรเด็กชายก็ไม่ยอมหยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!