ขณะเดียวกันก็มีเด็กชายชุดเขียวคนหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า อาภรณ์ของเขาขาดวิ่น สภาพกระเซอะกระเซิงสุดขีด ข้างกายเขามีทหารท่าทางดุร้ายที่ทั่วร่างมีแสงสีทองเปล่งประกายวูบวาบลักษณะคล้ายนักโทษที่เพิ่งถูกปล่อยตัวยืนอยู่
เด็กชายชุดเขียวนอนหอบฮักๆ อยู่บนพื้น ปาดคราบเลือดบนหน้าทิ้งไป หันหน้าไปมองมังกรข้ามแม่น้ำที่มีที่มาไม่แน่ชัดตัวนั้น ความดุร้ายในดวงตายากที่จะสลายหายไปได้ นี่ก็ไม่แปลก วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในแม่น้ำใหญ่นอกเมืองมาหลายร้อยปี จู่ๆ ต้องมาถูกคนต่อยตีเหมือนสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง โทสะในใจย่อมยากจะระงับลงได้
ชุยฉานดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แสงสีทองกลุ่มนั้นก็กลับคืนรัง บินกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง
เห็นว่าเฉินผิงอันสงสัย ชุยฉานจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “อาจารย์จำได้หรือไม่ว่าตอนที่อยู่นอกด่านเหย่ฟูข้าเคยโม้กับอาจารย์ว่ามีของขวัญกราบอาจารย์มากมาย แล้วก็เคยพูดถึงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มที่ยังไม่มีเจ้าของชั่วคราวซึ่งชื่อว่า ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ คุณภาพของมันไม่เลว ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตสูงมากก็สามารถควบคุมได้ดังใจปรารถนา”
ชุยฉานยิ้มกว้างอย่างลำพองใจ “เจ้านายคนก่อนของกระบี่บินเคยเป็นเซียนกระบี่อันดับหนึ่งของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เป็นพวกบ้าหมากล้อม บางทีหัวสมองอาจเคยโดนประตูหนีบมา ถึงได้คิดจะเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ เปลี่ยนวิถีกระบี่ไปเป็นวิถีหมากล้อม น่าจนใจที่ไม่เชี่ยวชาญวิชาหมากล้อมมากพอ แพ้การเดิมพันด้วยชีวิตกับข้าหนึ่งครั้ง ซึ่งก็คือแพ้ให้กับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ แต่จะว่าไปแล้วก็เพราะเขาอยากจะทุบหม้อล่มเรือ ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับกระบี่บินเล่มนี้อีกแม้แต่น้อย”
เฉินผิงอันถามด้วยความใคร่รู้ “ถ้าอย่างนั้น ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ เล่มนี้ หลินโส่วอีใช้ได้หรือไม่?”
ชุยฉานทำท่าปวดฟัน “อาจารย์ ไม่มีใครลำเอียงอย่างท่านเลยจริงๆ หลินโส่วอีย่อมใช้ได้อยู่แล้ว แต่หากให้เขาเป็นคนหล่อหลอมและบังคับใช้ย่อมเป็นการย่ำยีวัตถุสวรรค์ให้สิ้นเปลืองอย่างแน่นอน ศิษย์ตัดใจมอบให้อาจารย์ได้ แต่อาจารย์ห้ามตัดใจมอบให้คนนอกอย่างหลินโส่วอีเด็ดขาด”
เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูหันมาสบตากับเด็กชายชุดเขียวอย่างรู้ใจกัน และต่างฝ่ายก็ต่างมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน
แผ่นดินกลาง เซียนกระบี่ หมากล้อม เดิมพันชีวิต
คำศัพท์เหล่านี้มาเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มากพอจะสร้างความตะลึงพรึงเพริดได้เลย
เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน ไม่เห็นความผิดปกติอื่นใดจึงเตรียมจะจากไป เร่งรีบเดินทางของตนต่อ
“อาจารย์รอสักครู่ ให้ข้าอธิบายเหตุผลจบก่อน เส้นทางหวนกลับคืนบ้านเกิดของอาจารย์หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาแทรกซ้อนเพราะเรื่องนี้ด้วย” ชุยฉานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หยิบแท่นฝนหมึกอันเป็นสมบัติสยบสำนักของศาลมังกรซุ่มชิ้นนั้นออกมา แล้วออกคำสั่งให้กับงูเหลือมไฟและงูน้ำของแคว้นหวงถิงคู่นี้ “รีบเอาร่างจริงใส่เข้าไปในนี้ซะ ข้าไม่ค่อยมีความอดทนเท่าใดนัก กฎของข้าคือเรื่องเดียวไม่พูดซ้ำสอง หากยังถ่วงเวลาอีกล่ะก็อย่ามาโทษว่าข้า…”
พูดได้แค่ไม่กี่คำ ปราณสังหารของชุยฉานก็แผ่อวลไปสี่ทิศแล้ว ใจอยากจะตบเด็กชายชุดเขียวให้ตายไปด้วยฝ่ามือเดียว ไม่เห็นหน้าก็จะได้ไม่ต้องรำคาญใจ เพราะอย่างไรซะตามกฎเกณฑ์ที่อำเภอหลงเฉวียนตั้งไว้ แค่ได้มีความสัมพันธ์กับเจียวเฒ่าตัวนั้นก็มากพอแล้ว งูเหลือมไฟและงูน้ำที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ตบะไม่สูง ยังไม่ทันกลายร่างเป็นเจียวได้สำเร็จ อยู่ไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับเทพวารีของแม่น้ำหันสือได้ จะว่าไปแล้วการจับพวกมันมาก็เป็นแค่การเพิ่มลวดลายดอกไม้บนผ้าแพรอีกเล็กน้อยเท่านั้น ตอนแรกนั้นเป็นเพราะตอนนี้ตนไม่อาจเปิดคลังสมบัติในวัตถุฟางชุ่นได้ จึงอยากจะกำราบเจ้าตัวน้อยทั้งสองให้กับ “อาจารย์” ของตัวเอง ต่อให้จะไม่มีประโยชน์มากนัก ต่อเมื่อเลี้ยงไว้ข้างกาย วันหน้าให้ช่วยปกป้องภูเขา บวกกับที่ความพิเศษของตัวถ้ำสวรรค์หลีจูด้วยแล้ว ก็ถือว่าพอจะเอามาใช้งานได้
ดังนั้นเขาชุยฉานจึงไม่คิดจะสนใจความเป็นความตายของพวกมัน ตอนนี้อาจารย์คืออาจารย์ ลูกศิษย์คือลูกศิษย์ ชุยฉานรู้จักนิสัยของเฉินผิงอันดียิ่งกว่าใคร รู้ว่าอีกฝ่ายคือก้อนหินในห้องสวมที่ทั้งเหม็นทั้งแข็งอย่างแท้จริง หากไม่ยอมรับตน ต่อให้มอบงูเหลือมไฟงูน้ำแก่เขาอีกหมื่นตัวก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ยอมรับตนแล้ว ต่อให้ไม่มีเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่ไร้ความสำคัญนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลย
คิดมาถึงตรงนี้ความคิดหลากหลายก็ประดังประเดอยู่ในหัวของชุยฉาน ทำความรู้จักอยู่กับเฉินผิงอัน จะบอกว่าเหนื่อยก็เหนื่อยจริงๆ รู้สึกว่ากินแรงยิ่งกว่าย้ายห้าขุนเขาเสียอีก แต่เมื่อตนข้ามผ่านธรณีประตูที่มองไม่เห็นของมรรคาบางสายมากลับมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่มหัศจรรย์มาก ถึงกับทำให้คนที่มากเล่ห์เพทุบายอย่างราชครูต้าหลี…จิตใจสงบได้
เมื่อเห็นว่าแสงสีทองไหลออกมาจากชายแขนเสื้อของเด็กหนุ่มชุดขาว เด็กชายชุดเขียวก็รีบลุกขึ้นคุกเข่าโขกหัวคำนับ “ขอท่านเซียนโปรดเว้นชีวิต ข้าน้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟ พลีกายถวายชีวิตให้แก่ท่านเซียน ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย!”
เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่อ่านตำรานับหมื่นเล่มอยู่ในหอเก็บหนังสือของจวนจือหลันรู้สึกเหมือนได้รับความอัปยศไปพร้อมกันด้วย นางไม่ใช่ภูตผีปีศาจประเภทที่ชอบพูดจาส่งเดช จึงได้แต่อึกๆ อักๆ ทำอะไรไม่ถูก
ชุยฉานคร้านจะเปลืองน้ำลายกับเจ้าลูกหมางูน้ำตัวนั้นจึงชูแท่นฝนหมึกขึ้น “ข้าจะนับถึงสาม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!