เฉินผิงอันลืมตาขึ้น หลังจากใคร่ครวญอย่างจริงจังอยู่ในใจตัวเองแล้วก็พยักหน้ารับ เอ่ยเนิบช้า “เจ้าพูดถูก แต่ผิดและถูกมีการแบ่งก่อนหลัง เจ้าไม่ควรเอาความถูกต้องในภายหลังมาปฏิเสธความถูกต้องในกาลก่อนหน้า ความผิดก็ยิ่งควรต้องเป็นเช่นนี้”
เด็กชายชุดเขียวกำหมัดแน่นอยู่ในชายแขนเสื้อ หลุบตาลงต่ำราวกับกลัวว่าหากเปิดเผยสีหน้าของตัวเองออกไป เฉินผิงอันจะมองทะลุ ‘บ่อน้ำ’ มาเห็นกระแสคลื่นในทะเลสาบหัวใจของตัวเอง ปีศาจน้ำผู้ควบคุมแม่น้ำอวี้เจียงซึ่งอยู่ใต้คนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่นรู้สึกถึงเพียงไฟโทสะที่ลุกโหมอยู่ในใจ อยากจะต่อย ‘นายท่านผู้เฒ่าของตน’ ที่น่าเบื่อหน่ายให้ตายๆ ไปซะด้วยหมัดเดียว จากนั้นค่อยเขมือบงูหลามไฟตัวนั้นเพิ่มตบะให้กับตัวเอง ให้อีกฝ่ายกลายมาเป็นหินรองเท้าแห่งมหามรรคาซึ่งทอดยาวไปสู่สวรรค์ของตน
เด็กชายชุดเขียวหมุนตัวกลับไป กระโดดลงจากธรณีประตู หัวเราะหึหึ “นายท่าน ถ้าอย่างนั้นข้าไปขอโทษพวกเขาแล้วกัน”
เสียงหัวเราะดังเข้ามาในศาลเทพฝ่ายบู๊ ทว่าสีหน้าของเด็กชายชุดเขียวที่หันหลังให้ศาลกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารอันชั่วร้าย
หลังจากเด็กชายชุดเขียวจากไปไกลแล้ว เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูถึงกล่าวอย่างขลาดๆ ว่า “นายท่าน เขาโกรธมากจริงๆ นะ หากอยู่ที่แม่น้ำอวี้เจียง ดูจากนิสัยของเขา ไม่แน่ว่าอาจทำให้น้ำท่วมสองชายฝั่งไปแล้ว จากบันทึกในอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ท้องถิ่น ตลอดหลายร้อยปีมานี้เกิด ‘ภัยพิบัติทางธรรมชาติ’ อย่างน้ำบ่าท่วมทะลักอยู่หลายครั้ง เทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงไม่เพียงแต่ไม่ช่วยระงับการเกิด กลับยังช่วยผลักดันอย่างลับๆ ด้วย”
เฉินผิงอันลูบศีรษะของนาง “ในเมื่อไม่ยอมเชื่อฟัง วันหน้าก็ไม่ต้องพูดเหตุผลกับเขาแล้ว”
คำว่าไม่พูดของเฉินผิงอันก็คือจะไม่พูดหลักการเหตุผลที่น่าเบื่อเหล่านี้กับเด็กชายชุดเขียวอีกแล้วจริงๆ
เดิมทีนึกว่าเดินทางมาร่วมกัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมดีแล้ว เฉินผิงอันถึงได้ยอมพูดเรื่องพวกนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่ชอบฟัง เฉินผิงอันก็ไม่คิดจะหาเรื่องน่าเบื่อหน่ายมาสู่ตัว ให้ทุกอย่างกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งก็พอ วันหน้าขอแค่เด็กชายชุดเขียวไม่ทำเรื่องอะไรที่ล้ำเส้นของเฉินผิงอันก็ปล่อยให้เขาทำไป เหมือนกับเรื่องเล็กน้อยในวันนี้ หากเป็นตอนแรกที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ เฉินผิงอันคงแค่มองดูอยู่เฉยๆ ไหนเลยจะยอมเอ่ยความในใจออกมา เฉินผิงอันเดินทางกับชุยตงซานมาตั้งไกลขนาดนั้น เขาเคยพูดความในใจสักกี่ครั้งกันเชียว?
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “นายท่านสามารถพูดกับข้าได้ ข้าชอบฟังเรื่องพวกนี้”
เฉินผิงอันยิ้มเข้าใจ “แต่หากมีเรื่องไหนที่พูดไม่ถูก เจ้าต้องบอกข้าด้วย”
ฉับพลันนั้นความคิดหนึ่งก็บังเกิดขึ้น นางจึงหลุดปากพูดออกไป “ที่นายท่านบอกว่าต้องอิงตามลำดับนั้น ทำให้ความคิดของข้าสว่างโล่งทันทีทันใด ท่านกล่าวได้ถูกต้องอย่างถึงที่สุด!”
แล้วนางก็หน้าแดงก่ำ รีบอธิบาย “นายท่าน ข้าไม่ได้เลียนแบบเขานะ ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจท่าน!”
เฉินผิงอันมองเปลวไฟ ข้าวใกล้จะสุกแล้ว เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูกล่าวขุ่นเคือง “นายท่าน พวกเราไม่ต้องเหลือข้าวไว้ให้เขา ปล่อยให้เขาหิวไปเลย นายท่านอุตส่าห์หวังดีกับเขา เขายังจะมาโกรธท่าน! หากไม่เป็นเพราะร่างจริงถูกกักไว้ในแท่นฝนหมึก วันนี้เขาคงลงมือกับนายท่านไปแล้วจริงๆ เมื่อครู่นี้ข้าตกใจแทบตายแน่ะ”
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้ม “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องเหลือข้าวเอาไว้”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูยิ้มสดใส “ข้าเชื่อฟังนายท่าน”
เฉินผิงอันลูบศีรษะเล็กของนางเบาๆ อย่างอ่อนโยน
แน่นอนว่าเด็กชายชุดเขียวไม่ได้ไปขอโทษคนที่เป็นเหมือนมดตัวน้อยในสายตาของเขา แค่อดทนไม่ตบคู่พี่น้องให้กลายเป็นเนื้อบดก็นับว่าเขาใจกว้างมากพอแล้ว
เด็กชายชุดเขียวเอาสองมือไพล่หลัง เดินออกห่างจากศาลเทพฝ่ายบู๊ แตะปลายเท้าเบาๆ หนึ่งครั้งก็ดีดตัวขึ้นบนหลังคาแห่งหนึ่ง เรือนกายเล็กเตี้ยกลายร่างเป็นควันสีเขียวอ่อนจางที่พุ่งออกไปนอกเมือง สุดท้ายทะยานร่างขึ้นสูงหายสวบเข้าไปในชั้นเมฆ วาดเส้นโค้งใหญ่มหึมาอยู่บนท้องฟ้า พอตกลงกลางภูเขาลึกแล้วร่างจริงที่กลับคืนเป็นงูน้ำก็กระแทกลงบนพื้นดิน แผ่นดินสั่นสะเทือนรุนแรงจนคนในเมืองต่างก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
งูน้ำเลื้อยร่างใหญ่โตไปตลอดทาง ไม่ว่าผ่านที่ใดต้นไม้ก็หักโค่นระเนระนาด ก้อนหินกลิ้งขลุกๆ กระเด็นกระดอน ต่อมาก็เลื้อยทวนกระแสลำธารสายหนึ่งขึ้นสู่เบื้องบน สะเก็ดน้ำแตกซ่านกระจาย สุดท้ายเลื้อยร่างพันรอบหน้าผาสีเทาซีดที่โดดเด่นแห่งหนึ่ง หัวโผล่พ้นยอดหน้าผาไปแล้ว แต่หางยังคงวางพาดอยู่ตรงตีนหน้าผา
ต้นไม้ตรงหน้าผาที่เดิมทีก็มีอยู่ไม่มากแหลกเละแล้วกลิ้งหลุนๆ ตกลงมา
งูน้ำที่แผ่กลิ่นอายดุร้ายเพิ่มพละกำลังไปทั่วร่างอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายถึงขั้นบีบรัดให้ผาหินทั้งผืนแตกพัง
เขาถึงได้จำแลงร่างกลับคืนท่ามกลางฝุ่นที่ตลบมืดฟ้ามัวดิน แล้วจึงลงจากเขาไปด้วยฝีเท้าเบาดุจขนนก ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ
เด็กชายชุดเขียวไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขาตกอยู่ในสายตาของคนสองคน บนภูเขาลูกหนึ่งที่ห่างไปไกลหนึ่งร้อยลี้ ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อยืนตระหง่านรับลม ในมือถือแท่นฝนหมึกที่มีเจียวเฒ่าตัวหนึ่งนอนหลับสนิท ส่งเสียงกรนเบาๆ เหมือนเหนื่อยอ่อน เขาก็คือซือหลางเฒ่าของแคว้นหวงถิง หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเผ่าพันธุ์เจียวหลง (ในที่นี้หมายถึงทั้งเจียวและมังกร) ที่เหลืออยู่ไม่มากของแคว้นสู่โบราณ
เจียวเฒ่าได้รับอักษรทองกลางฝ่ามือจากเหวินเซิ่งก่อน จากนั้นจึงกลายเป็นพันธมิตรอย่างลับๆ กับราชครูต้าหลี หลังจากส่งชุยฉานที่อยู่ในหนังหุ้มของเด็กหนุ่มไปถึงอาณาเขตของต้าสุยแล้ว ผู้เฒ่าก็เดินทางกลับมายังขอบเขตของแคว้นหวงถิง แล้วเริ่มจับเจียวและมังกรทั้งหมดที่เหลืออยู่มากักเก็บไว้ในแท่นฝนหมึก เขาถึงกับใช้วิชาอภินิหารใหญ่อย่างการขุดดินลึกสามฉื่อ ลงน้ำลึกพันจั้ง ตอนนี้ในแท่นฝนหมึกนอกจากเด็กชายชุดเขียวกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่ชุยฉานเป็นผู้จับมาเองแล้ว ก็ยังมีเจ้าตัวเล็กตัวน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกสิบกว่าตัว
เวลานี้ข้างกายของผู้เฒ่ามีหญิงชราหลังงองุ้มคนหนึ่งยืนอยู่ ร่างจริงของนางคืองูปล้องแดงที่เติบโตขึ้นมาในป่าเขา หลังจากได้รับโชควาสนาด้านการฝึกตนก็ตั้งใจฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยากลำบากมาอีกห้าร้อยปี ถึงได้มีสภาพอย่างทุกวันนี้ เพิ่งจะเลื่อนขั้นสู่ตบะขอบเขตเจ็ดก็ถูกผู้เฒ่าหาที่ซ่อนตัวเจอ อีกฝ่ายเจาะภูเขาลึกลงไปร้อยจั้งแล้วดึงร่างจริงของหญิงชราออกมา นางถึงจำต้องยอมพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น ทว่าการยอมศิโรราบต่อผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อที่มีชื่อเสียงโด่งดังแค่ทำให้หญิงชรารู้สึกว่าไม่มีอิสระเท่านั้น หาได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับความอยุติธรรมใดๆ ไม่
ผู้เฒ่าถามเสียงเรียบเฉย “คิดว่าอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!