สรุปเนื้อหา บทที่ 201.3 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 201.3 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นักพรตหนุ่มเช็ดปาก โบกมือลากับคนในจุดพักม้าด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เข็นรถเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ทางฝั่งของจุดพักม้า มีคนขยี้ตาอย่างแรง เอ๊ะ? ทำไมด้านหลังนักดูดวงต้มตุ๋นถึงได้มีสตรีสวมชุดแม่ชีผู้หนึ่งโผล่มาได้ล่ะ?
แม่ชีสาวหน้าตางดงามถามเสียงอ่อนโยน “อาจารย์อาน้อย ท่านบอกว่าท่านดูดวงและเล่นหมากล้อมได้แย่ที่สุด ถ้าอย่างนั้นใครเก่งที่สุดกันล่ะ?”
นักพรตนามว่าลู่เฉินตอบยิ้มๆ “อาจารย์อาน้อยที่แท้จริงของเจ้า หรือก็คือศิษย์พี่ของข้า ด้านหนึ่งในอนาคตจะต้องเล่นหมากล้อมได้ดีกว่าข้า จะต้องชนะปีศาจแห่งนครจักรพรรดิขาวผู้นั้น อีกด้านหนึ่งก็ทำนายดวงชะตาได้ดีกว่าข้า จะต้องทำให้…เฮ้อ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า พูดแล้วก็ทำร้ายจิตใจ สรุปก็คือศิษย์พี่ที่ ‘หนึ่งบวกหนึ่งก็ยังเป็นที่หนึ่ง บวกอีกหนึ่งก็ยิ่งเป็นที่หนึ่ง’ ผู้นี้เก่งกาจกว่าข้ามาโดยตลอด”
แม่ชีก็คือเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่ถูกลู่เฉินหลอกพามาจากสำนักโองการเทพ หญิงสาวใจร้ายที่ทำให้เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ
อันที่จริงก่อนหน้านี้นางก็เคยใช้สถานะของกุมารีหยกเป็นตัวแทนของระบบเต๋าในแจกันสมบัติทวีปเดินทางมาที่นี่กับกุมารทอง เพื่อเอาวัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะที่บุรพาจารย์ของสำนักทิ้งไว้ในถ้ำสวรรค์หลีจู ตอนที่จากไป พวกเขาไม่สามารถพาตัวหม่าขู่เสวียนไปด้วยกันได้สำเร็จ แต่นางกลับได้หินดีงูงดงามก้อนหนึ่งมาเพิ่ม ช่วยไม่ได้ โชควาสนาของนางหนาหนักจนเป็นที่จับตามองของคนทั้งทวีป ราวกับว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน ของดีๆ ก็มักจะตรงเข้ามาหานางเสมอ ขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่
แม่ชีสาวลังเลอยู่ชั่วครู่
นางอยากถามคำถามที่แม้แต่อาจารย์อาน้อยท่านที่อยู่ในสำนักโองการเทพก็ยังคิดไม่ตก
เหตุใดคนข้างกายผู้นี้ถึงเป็นเงื่อนตายซึ่งผลักให้ฉีจิ้งชุนเดินไปสู่ความตายที่แท้จริง
อาศัยอะไร!
ต้องรู้ว่าตบะที่ฉีจิ้งชุนแสดงออกมาในตอนนั้น หากไม่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ทั้งบุรพแจกันสมบัติทวีปจมหายลงไปในทะเล ไม่ต้องการให้คนทั้งเมืองเล็กต้องเดือดร้อน ลำพังแค่เลือกใช้ตัวอักษรแห่งชะตาชีวิตสองตัวต้านรับศัตรู และลงมือเต็มกำลัง นักพรตหนุ่มที่ทำตัวลึกลับผิดปกติคนนี้จะสามารถต้านทานได้จริงๆ หรือ? หรือถึงขั้นรับประกันได้ว่าจะสามารถฆ่าฉีจิ้งชุนได้?!
เอาชนะห้าขอบเขตบนกับสังหารห้าขอบเขตบนคือสองเรื่องที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกอย่างหากห้าขอบเขตบนคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอน พลังการทำลายล้างที่เขาระเบิดออกมาย่อมน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
เว้นเสียแต่ว่ามีเซียนที่ขอบเขตสูงกว่าหนึ่งถึงสองระดับมาเข้าควบคุมสมรภูมิรบอย่างเต็มกำลัง หรือไม่ก็มีคนที่สามารถย้ายถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งมาเป็นกรงขัง
เหตุใดเซี่ยสือถึงกล้ามาเยือนเมืองเล็กเพียงลำพัง ก็คือเหตุผลข้อนี้
ข้าเซี่ยสือจะตายในเขตการปกครองหลงเฉวียนก็ได้ แต่เจ้าต้าหลีก็ต้องชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ให้ดีเสียก่อน
ตอนนั้นที่หลี่เอ้อร์ไปเยือนวังหลวงของต้าสุยก็ใช้หลักการเดียวกันนี้
แต่ลู่เฉินกลับรู้ว่านางจะถามอะไร จึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เต๋าที่อธิบายได้ไม่ใช่เต๋าที่เที่ยงแท้ หมายความว่าอย่างไร ก็คือภาษาเอามาพูดได้ แต่ให้ใช้อธิบายมหามรรคากลับมีน้ำหนักไม่มากพอ ส่วนความหมายของข้าก็คือ อันที่จริงคำถามที่เจ้าอยากถามนั้น นักพรตอย่างข้าไม่มีทางตอบ”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงได้แต่ยิ้มเจื่อน
‘อาจารย์อาน้อย’ ที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวในสำนักโองการเทพผู้นี้พูดจาประหลาดนับไม่ถ้วนมาตลอดทาง มีหลายเรื่องที่นางคิดตามแล้วก็ไม่เข้าใจ ตอนหลังเลยหยุดคิดมันเสียเลย ถ้าเขาอยากพูดก็จะพูดๆๆๆ ไม่หยุด ต่อให้เจ้าปิดหู หรือปิดประตูหัวใจก็ไม่ได้ผล เพราะในหัวใจก็ยังคงมีเสียงของเขาดังขึ้นมาอยู่ดี แต่หากเวลาใดที่เขาไม่อยากพูดก็สามารถเงียบกริบได้เป็นสิบวันเป็นครึ่งๆ เดือน
ลู่เฉินมองไปทางเมืองเล็กแล้วก็เริ่มพูดจาประหลาดอีกครั้ง “คนในโลกล้วนอิจฉาเทพเซียน เทพเซียนดีหรือไม่ แน่นอนว่าต้องดี แต่เหตุใดเจ้าเว่ยป้อถึงไม่อิจฉา นั่นก็เพราะเจ้าไม่เคยเป็นเทพเซียนที่แท้จริงนี่นา”
“ถามใจตัวเองแล้วรู้สึกละอาย หากละอาย คำว่าละอายนี้คือผีอยู่ในหัวใจ (愧 แปลว่าละอายใจ หากแยกกันจะได้ตัวอักษร 心 หัวใจกับตัวอักษร 鬼 ที่แปลว่าผี) เส้นทางการเป็นเทียนจวินหลังจากนี้ เจ้าจะเดินได้อย่างยากลำบากกว่าเดิม”
“จุ๊ๆ หลานชายเจ้าน่ะเหรอจะถูกคนอื่นรังแก? เขาไม่รังแกคนอื่นก็ถือว่ามีเมตตาธรรมมากพอแล้ว ตอนนี้เขาได้ดิบได้ดีแล้ว แต่ด้วยนิสัยของเขานั้น ทำให้คนชื่นชอบไม่ลงจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ชะตาชีวิตดีก็คือชะตาชีวิตดี”
“จะว่าไปแล้วก็แปลก เป็นคนที่ออกไปจากเมืองเล็กเหมือนกัน กลับมาบ้านเกิดเวลาเดียวกัน เซี่ยสือเป็นเทพเซียนที่ดีมาตลอดชีวิต แต่กลับทำเรื่องที่ผิดต่อใจต่อเอง เฉาซีทำตัวระยำมาชั่วชีวิต แต่กลับทำเรื่องที่มีคุณธรรม”
กล่าวมาถึงตรงนี้ นักพรตหนุ่มก็พลันหันหน้าไปมองเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่อยู่ด้านหลัง ถามยิ้มๆ “เจ้าได้ยินเสียงในใจของมนุษย์ธรรมดาบ้างไหม?”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงตอบอย่างระอาใจ “ต้องเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบเท่านั้นถึงจะพอได้ยิน ตอนนี้ข้าทำได้ซะที่ไหน”
นักพรตหนุ่มร้องอ้อเบาๆ หนึ่งที “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องตั้งใจฝึกตนให้ดีล่ะ”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน
นักพรตหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถพูดได้ จึงเปิดฉากสนทนาโดยไม่สนว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงจะสนใจหรือไม่ เขาพูดรวดเดียวราวเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เรื่องแบบนี้น่ะลึกลับมาก แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ลึกลับสักนิดเดียวเช่นกัน ชนิดแรกคือต้องใช้ความจริงใจอย่างถึงที่สุด ก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าหากเรามีความตั้งใจจริง แม้แต่หินที่แข็งกร้าวก็ยังแตกออกได้ ดังนั้นอริยะจึงมีคำกล่าวบอกว่า มีเพียงความจริงใจเท่านั้นที่ถึงจะเขย่าคลอนจิตใจคนได้ บางครั้งคนธรรมดาก็สามารถชักนำการตอบรับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นเดียวกัน”
“อีกชนิดหนึ่งแน่นอนว่าต้องมีตบะสูงส่ง หรือไม่ก็พรสวรรค์โดดเด่น เสียงหัวใจของพวกเขาย่อมดังกังวานยิ่งกว่ายกตัวอย่างเช่นข้าผู้อาวุโสต้องการพูดคุยกับเจ้า เจ้าจะอยากฟังหรือไม่ก็ยังได้ยินอยู่ดี”
“แต่ข้ารู้สึกว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับตบะของข้า ล้วนเป็นความจริงใจอย่างเดียวเท่านั้น เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงประจบสอพลอใครไม่เป็น “ข้ารู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับเวทคาถาที่ลึกล้ำของอาจารย์อาน้อยมากกว่า”
ลู่เฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แล้วก็ไม่อยากพูดอะไรต่ออีก
คำกล่าวที่ว่าฉีจิ้งชุน ‘มีความหวังในการก่อตั้งลัทธิเรียกตนเป็นบรรพจารย์’ คือตั้งลัทธิอะไร?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด สรุปก็คือเขาคิดเหมือนกับใครบางคน ถ้าอย่างนั้นลู่เฉินที่เป็นศิษย์น้องของคนผู้นั้นก็จำเป็นต้องมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง
ลู่เฉินมองไปยังท้องฟ้า
เคยมีบัณฑิตคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ใช้พละกำลังของตัวเองคนเดียวต่อต้านเซียนจากสามลัทธิ
นับถือก็ส่วนนับถือ เคารพก็ส่วนเคารพ
แต่เรื่องที่ผิดต่อเจตจำนงเดิมก็ยังต้องทำ
ภายหลังเขาปล่อยเรื่องราวให้เป็นไปตามสถานการณ์ หลังจากพอจะคำนวณทางหนีทีไล่ที่แท้จริงของฉีจิ้งชุนได้คร่าวๆ จึงทิ้งสี่ตัวอักษรนั้นไว้ให้กับเด็กหนุ่ม บอกว่าให้เขาหัดเรียนรู้ตัวอักษร นี่เป็นความจริง แต่ความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคงเป็นเหมือนการปล่อยว่าวให้บินไปตามลม หวังจะอาศัยตอนที่เด็กหนุ่มคัดลอกสี่ตัวอักษรนั้นมาคำนวณการเดินหมากก้าวที่สำคัญที่สุดได้ในวันใดวันหนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความสงสัยใคร่รู้ของยอดฝีมือในการเล่นหมากล้อมเท่านั้น
แต่ที่น่าประหลาดมากก็คือ เฉินผิงอันให้โอกาสลู่เฉินแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
และลู่เฉินก็คำนวณอะไรไม่ได้มากนัก
สำหรับเรื่องนี้ลู่เฉินไม่ได้ถือสาอะไร เพราะอย่างไรซะสถานการณ์โดยรวมก็ค่อนข้างแน่นอนแล้ว เขาไม่มีทางได้ทีขี่แพะไล่หลังจากที่ฉีจิ้งชุนตายไปแล้ว
นักพรตหนุ่มเคยพูดกับเด็กหนุ่มกับปากตัวเองว่า “มองดูเหมือนเป็นการกระทำด้วยความหวังดี แต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคนดี เป็นเรื่องที่ดี”
ประโยคนี้มีความหมายลึกล้ำ ทั้งพูดถึงสี่ตัวอักษรบนเทียบยาสองสามแผ่นนั้น แล้วก็ยิ่งพูดถึงถังหูลู่ไม้นั้นที่ผ่านการวางแผนมานานมากแล้ว
ลู่เฉินปล่อยมือที่จับรถเข็นล้อเดียว ยืดแขนบิดขี้เกียจ เอ่ยยิ้มๆ “หากไม่มีเรื่องจุกจิกรบกวนใจ ประโยคหลังว่ายังไงแล้วนะ”
แม่ชีสาวยิ้มบางๆ “ก็คือช่วงเวลาที่ดีของชีวิตคน”
—————————–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!