นักพรตหนุ่มเช็ดปาก โบกมือลากับคนในจุดพักม้าด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เข็นรถเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ทางฝั่งของจุดพักม้า มีคนขยี้ตาอย่างแรง เอ๊ะ? ทำไมด้านหลังนักดูดวงต้มตุ๋นถึงได้มีสตรีสวมชุดแม่ชีผู้หนึ่งโผล่มาได้ล่ะ?
แม่ชีสาวหน้าตางดงามถามเสียงอ่อนโยน “อาจารย์อาน้อย ท่านบอกว่าท่านดูดวงและเล่นหมากล้อมได้แย่ที่สุด ถ้าอย่างนั้นใครเก่งที่สุดกันล่ะ?”
นักพรตนามว่าลู่เฉินตอบยิ้มๆ “อาจารย์อาน้อยที่แท้จริงของเจ้า หรือก็คือศิษย์พี่ของข้า ด้านหนึ่งในอนาคตจะต้องเล่นหมากล้อมได้ดีกว่าข้า จะต้องชนะปีศาจแห่งนครจักรพรรดิขาวผู้นั้น อีกด้านหนึ่งก็ทำนายดวงชะตาได้ดีกว่าข้า จะต้องทำให้…เฮ้อ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า พูดแล้วก็ทำร้ายจิตใจ สรุปก็คือศิษย์พี่ที่ ‘หนึ่งบวกหนึ่งก็ยังเป็นที่หนึ่ง บวกอีกหนึ่งก็ยิ่งเป็นที่หนึ่ง’ ผู้นี้เก่งกาจกว่าข้ามาโดยตลอด”
แม่ชีก็คือเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่ถูกลู่เฉินหลอกพามาจากสำนักโองการเทพ หญิงสาวใจร้ายที่ทำให้เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ
อันที่จริงก่อนหน้านี้นางก็เคยใช้สถานะของกุมารีหยกเป็นตัวแทนของระบบเต๋าในแจกันสมบัติทวีปเดินทางมาที่นี่กับกุมารทอง เพื่อเอาวัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะที่บุรพาจารย์ของสำนักทิ้งไว้ในถ้ำสวรรค์หลีจู ตอนที่จากไป พวกเขาไม่สามารถพาตัวหม่าขู่เสวียนไปด้วยกันได้สำเร็จ แต่นางกลับได้หินดีงูงดงามก้อนหนึ่งมาเพิ่ม ช่วยไม่ได้ โชควาสนาของนางหนาหนักจนเป็นที่จับตามองของคนทั้งทวีป ราวกับว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน ของดีๆ ก็มักจะตรงเข้ามาหานางเสมอ ขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่
แม่ชีสาวลังเลอยู่ชั่วครู่
นางอยากถามคำถามที่แม้แต่อาจารย์อาน้อยท่านที่อยู่ในสำนักโองการเทพก็ยังคิดไม่ตก
เหตุใดคนข้างกายผู้นี้ถึงเป็นเงื่อนตายซึ่งผลักให้ฉีจิ้งชุนเดินไปสู่ความตายที่แท้จริง
อาศัยอะไร!
ต้องรู้ว่าตบะที่ฉีจิ้งชุนแสดงออกมาในตอนนั้น หากไม่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ทั้งบุรพแจกันสมบัติทวีปจมหายลงไปในทะเล ไม่ต้องการให้คนทั้งเมืองเล็กต้องเดือดร้อน ลำพังแค่เลือกใช้ตัวอักษรแห่งชะตาชีวิตสองตัวต้านรับศัตรู และลงมือเต็มกำลัง นักพรตหนุ่มที่ทำตัวลึกลับผิดปกติคนนี้จะสามารถต้านทานได้จริงๆ หรือ? หรือถึงขั้นรับประกันได้ว่าจะสามารถฆ่าฉีจิ้งชุนได้?!
เอาชนะห้าขอบเขตบนกับสังหารห้าขอบเขตบนคือสองเรื่องที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกอย่างหากห้าขอบเขตบนคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอน พลังการทำลายล้างที่เขาระเบิดออกมาย่อมน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
เว้นเสียแต่ว่ามีเซียนที่ขอบเขตสูงกว่าหนึ่งถึงสองระดับมาเข้าควบคุมสมรภูมิรบอย่างเต็มกำลัง หรือไม่ก็มีคนที่สามารถย้ายถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งมาเป็นกรงขัง
เหตุใดเซี่ยสือถึงกล้ามาเยือนเมืองเล็กเพียงลำพัง ก็คือเหตุผลข้อนี้
ข้าเซี่ยสือจะตายในเขตการปกครองหลงเฉวียนก็ได้ แต่เจ้าต้าหลีก็ต้องชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ให้ดีเสียก่อน
ตอนนั้นที่หลี่เอ้อร์ไปเยือนวังหลวงของต้าสุยก็ใช้หลักการเดียวกันนี้
แต่ลู่เฉินกลับรู้ว่านางจะถามอะไร จึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เต๋าที่อธิบายได้ไม่ใช่เต๋าที่เที่ยงแท้ หมายความว่าอย่างไร ก็คือภาษาเอามาพูดได้ แต่ให้ใช้อธิบายมหามรรคากลับมีน้ำหนักไม่มากพอ ส่วนความหมายของข้าก็คือ อันที่จริงคำถามที่เจ้าอยากถามนั้น นักพรตอย่างข้าไม่มีทางตอบ”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงได้แต่ยิ้มเจื่อน
‘อาจารย์อาน้อย’ ที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวในสำนักโองการเทพผู้นี้พูดจาประหลาดนับไม่ถ้วนมาตลอดทาง มีหลายเรื่องที่นางคิดตามแล้วก็ไม่เข้าใจ ตอนหลังเลยหยุดคิดมันเสียเลย ถ้าเขาอยากพูดก็จะพูดๆๆๆ ไม่หยุด ต่อให้เจ้าปิดหู หรือปิดประตูหัวใจก็ไม่ได้ผล เพราะในหัวใจก็ยังคงมีเสียงของเขาดังขึ้นมาอยู่ดี แต่หากเวลาใดที่เขาไม่อยากพูดก็สามารถเงียบกริบได้เป็นสิบวันเป็นครึ่งๆ เดือน
ลู่เฉินมองไปทางเมืองเล็กแล้วก็เริ่มพูดจาประหลาดอีกครั้ง “คนในโลกล้วนอิจฉาเทพเซียน เทพเซียนดีหรือไม่ แน่นอนว่าต้องดี แต่เหตุใดเจ้าเว่ยป้อถึงไม่อิจฉา นั่นก็เพราะเจ้าไม่เคยเป็นเทพเซียนที่แท้จริงนี่นา”
“ถามใจตัวเองแล้วรู้สึกละอาย หากละอาย คำว่าละอายนี้คือผีอยู่ในหัวใจ (愧 แปลว่าละอายใจ หากแยกกันจะได้ตัวอักษร 心 หัวใจกับตัวอักษร 鬼 ที่แปลว่าผี) เส้นทางการเป็นเทียนจวินหลังจากนี้ เจ้าจะเดินได้อย่างยากลำบากกว่าเดิม”
“จุ๊ๆ หลานชายเจ้าน่ะเหรอจะถูกคนอื่นรังแก? เขาไม่รังแกคนอื่นก็ถือว่ามีเมตตาธรรมมากพอแล้ว ตอนนี้เขาได้ดิบได้ดีแล้ว แต่ด้วยนิสัยของเขานั้น ทำให้คนชื่นชอบไม่ลงจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ชะตาชีวิตดีก็คือชะตาชีวิตดี”
“จะว่าไปแล้วก็แปลก เป็นคนที่ออกไปจากเมืองเล็กเหมือนกัน กลับมาบ้านเกิดเวลาเดียวกัน เซี่ยสือเป็นเทพเซียนที่ดีมาตลอดชีวิต แต่กลับทำเรื่องที่ผิดต่อใจต่อเอง เฉาซีทำตัวระยำมาชั่วชีวิต แต่กลับทำเรื่องที่มีคุณธรรม”
กล่าวมาถึงตรงนี้ นักพรตหนุ่มก็พลันหันหน้าไปมองเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่อยู่ด้านหลัง ถามยิ้มๆ “เจ้าได้ยินเสียงในใจของมนุษย์ธรรมดาบ้างไหม?”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงตอบอย่างระอาใจ “ต้องเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบเท่านั้นถึงจะพอได้ยิน ตอนนี้ข้าทำได้ซะที่ไหน”
นักพรตหนุ่มร้องอ้อเบาๆ หนึ่งที “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องตั้งใจฝึกตนให้ดีล่ะ”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน
นักพรตหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถพูดได้ จึงเปิดฉากสนทนาโดยไม่สนว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงจะสนใจหรือไม่ เขาพูดรวดเดียวราวเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เรื่องแบบนี้น่ะลึกลับมาก แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ลึกลับสักนิดเดียวเช่นกัน ชนิดแรกคือต้องใช้ความจริงใจอย่างถึงที่สุด ก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าหากเรามีความตั้งใจจริง แม้แต่หินที่แข็งกร้าวก็ยังแตกออกได้ ดังนั้นอริยะจึงมีคำกล่าวบอกว่า มีเพียงความจริงใจเท่านั้นที่ถึงจะเขย่าคลอนจิตใจคนได้ บางครั้งคนธรรมดาก็สามารถชักนำการตอบรับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นเดียวกัน”
“อีกชนิดหนึ่งแน่นอนว่าต้องมีตบะสูงส่ง หรือไม่ก็พรสวรรค์โดดเด่น เสียงหัวใจของพวกเขาย่อมดังกังวานยิ่งกว่ายกตัวอย่างเช่นข้าผู้อาวุโสต้องการพูดคุยกับเจ้า เจ้าจะอยากฟังหรือไม่ก็ยังได้ยินอยู่ดี”
“แต่ข้ารู้สึกว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับตบะของข้า ล้วนเป็นความจริงใจอย่างเดียวเท่านั้น เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงประจบสอพลอใครไม่เป็น “ข้ารู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับเวทคาถาที่ลึกล้ำของอาจารย์อาน้อยมากกว่า”
ลู่เฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แล้วก็ไม่อยากพูดอะไรต่ออีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!