หลิวจื้อเม่าฝึกวิชานอกรีต แม้ว่าตำแหน่งเจินจวินของเขาจะไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก เป็นเพียงคำเรียกขานอย่างประจบสอพลอของสหายบนภูเขา แต่คาถาอาคมของหลิวจื้อเม่าลึกล้ำสูงส่ง ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากศึกใหญ่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหลายครั้ง เนื่องด้วยชื่อเสียงของหลิวจื้อเม่าไม่ดีนัก แม้ว่าจะมีสหายมาก แต่ส่วนใหญ่กลับสนิทกันเพียงผิวเผิน ส่วนลูกศิษย์ในสำนักก็มีทั้งคนดีคนชั่วปะปนกัน ทว่าไม่มีคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นจนสามารถทำหน้าที่เป็นเสาหลักได้ แต่ถึงกระนั้นหลิวจื้อเม่าก็ยังได้ครอบครองเกาะชิงเสียของทะเลสาบซูเจี่ยน สามารถพูดได้ว่าเขาอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวยืนหยัดไม่ล้มลงอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าและเสือร้ายที่รายล้อมได้อย่างแท้จริง
และหลังจากที่หลิวจื้อเม่าเดินทางขึ้นเหนือไปครั้งนั้นก็ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น
เพราะเขาพาเด็กน้อยคนหนึ่งที่ป่าวประกาศกับคนอื่นว่าเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายกลับมาด้วย เด็กที่ตัวสูงยังไม่ถึงก้น แต่กลับมีร่างกายแข็งแรงเปี่ยมชีวิตชีวา ตอนแรกใครก็มองว่าเขาเป็นเด็กบ้านนอกที่เหยียบโชคขี้หมา และเด็กชายก็ยังสนุกสนานอารมณ์ดี ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาดูแคลนและประสงค์ร้ายเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะลูกศิษย์ใหญ่บุกเบิกสำนักของหลิวจื้อเม่าที่เกลียดขี้หน้าลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์มากที่สุด
ภายหลังเมื่ออยู่กับเด็กน้อยนานวันเข้า คนทั่วทั้งเกาะชิงเสียถึงได้รู้ว่าที่แท้นี่คือเจ้าวายร้ายน้อยที่มีความคิดชั่วร้ายอยู่เต็มหัว อายุน้อยๆ ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญการแสดงแสร้งทำตัวโง่งม แถมยังจดจำความแค้นได้อย่างดีเยี่ยม มีลักษณะของหลิวจื้อเม่าอาจารย์ตัวเองอยู่ไม่น้อย พิสูจน์ถ้อยคำโบร่ำโบราณที่บอกว่า ‘คานบนไม่ตรงคานล่างเอียง’ ได้อย่างดีเยี่ยม
เมื่อปลายปีก่อนบนเกาะชิงเสียเกิดหายนะครั้งใหญ่ที่สร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งทะเลสาบซูเจี่ยน และเด็กชายคนนี้ก็คือหนึ่งในตัวการร้าย
แม้ว่าหลิวจื้อเม่าจะครองความเป็นใหญ่อันดับหนึ่งของเกาะชิงเสีย แต่ก็ยังมีสำนักเล็กๆ ที่พึ่งพาอยู่อีกหลายแห่ง นอกเหนือจากนี้สกัดคงคาเจินจวินยังชอบเชื้อเชิญเค่อชิง (คนต่างแคว้นที่มาทำหน้าที่ขุนนางในแคว้นนั้นๆ) ที่สันดานใกล้เคียงกันให้มาปรนนิบัติรับใช้ พวกเขาเอาแต่หาความสำราญตลอดทั้งปี แต่หากลงมือขึ้นมาเมื่อไหร่ย่อมต้องสามารถถอนรากถอนโคนศัตรูได้
ส่วนเจ้าของเกาะที่อยู่บนเกาะใกล้เคียงก็เป็นพวกอำมหิตเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ละคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่สองมือเปื้อนเลือดมาก่อน ข้างกายเด็กชายที่ชื่อกู้ช่านนี้ยังมีมารดาของเขาติดตามมาด้วย เป็นสตรีวัยแต่งงานแล้วที่พรสวรรค์ธรรมดา ไม่สามารถฝึกตนได้ แต่หน้าตารูปร่างของนางกลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจคน ดังนั้นในบรรดาเค่อชิงของหลิวจื้อเม่าจึงมีคนที่คิดจะรับสตรีผู้นี้เป็นสาวใช้ห้องข้าง เค่อชิงวัยชราที่หน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นมีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งมาก มีประสบการณ์ในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นมาร้อยกว่าปีจนพอจะบุกเบิกภูเขาเป็นของตัวเองได้ ต่อให้เป็นหลิวจื้อเม่าก็ยังต้องยอมลงให้เขาสามส่วน
สิ่งที่คนผู้นี้ชอบทำมากที่สุดในชีวิตก็คือใช้หน้าอกของผู้หญิงเป็นเตาอุ่นมือ ดังนั้นเสื้อผ้าที่สาวใช้ของเขาสวมใส่จึงไม่เหมือนกับสาวใช้คนอื่นๆ คอเสื้อของพวกนางจะแหวกกว้างมากเพื่อสะดวกให้เขาสอดมือเข้าไปข้างใน สตรีหน้าตางดงามเหล่านั้นจึงถูกเรียกขานอย่างล้อเลียนว่า ‘แม่นางเสื้อแหวก’
สำหรับเรื่องนี้หลิวจื้อเม่าแสดงออกอย่างคลุมเครือ ทั้งไม่ได้ปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ชื่นชม แสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
หลังจากนั้นมีวันหนึ่งคนผู้นี้ที่ดื่มเหล้าเมามายเดินอาดๆ บุกเข้ามาในเรือนที่พักของสตรีแต่งงานแล้ว เขาถีบประตูให้เปิดอ้า เดินเข้ามาในห้องได้ก็แบกสตรีแต่งงานแล้วพาดไหล่ เตรียมจะพากลับไปหาความสำราญที่บ้านตัวเอง เขาหัวเราะเสียงดังอย่างกำเริบเสิบสานโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดขวาง
ตอนนั้นลูกศิษย์คนโตของหลิวจื้อเม่าเพิ่งจะหาข้ออ้างมาหลอกพากู้ช่านบุตรชายคนเดียวของสตรีแต่งงานแล้วไปที่ด้านหลังภูเขาบนเกาะชิงเสีย บอกว่าจะถ่ายทอดคาถาลับไม่แพร่งพรายของลัทธิเต๋าที่ลึกล้ำแทนอาจารย์ให้กู้ช่านที่น้ำตก
ผลคือเค่อชิงเฒ่าคนนั้นเพิ่งจะแบกสาวงามกลับไปถึงจวนใหญ่ของตัวเอง เตรียมจะโยนสาวงามที่ให้สัมผัสดีเยี่ยมลงบนเตียงแล้วกลืนกินทั้งเป็น
นาทีนั้นไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่แค่ที่เกาะชิงเสีย ผู้ฝึกลมปราณใหญ่ทั่วทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนต่างก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
น้ำในทะเลสาบพลันก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์โถมตัวสูงเทียมฟ้า ลมปราณกระจัดกระจายวุ่นวาย น่าตะลึงพรึงเพริดอย่างถึงที่สุด
เป็นเหตุให้นักพรตขอบเขตเก้าสองท่านที่ปิดด่านมานานจำเป็นต้องออกจากด่านก่อนกำหนดเพื่อมาตรวจสอบว่าเทพเซียนฝ่ายใดกันที่ถึงขนาดกล้าก่อความวุ่นวาย ปั่นป่วนโชคชะตาของภูเขาและแม่น้ำที่เข้มข้นผิดจากที่อื่นของทะเลสาบซูเจี่ยนโดยไม่สนใจว่าจะทำให้ผู้คนโกรธเคือง
จากนั้นผู้ฝึกลมปราณทุกคนต่างก็มองไปทางเกาะชิงเสียด้วยอาการปากอ้าตาค้าง จิตวิญญาณสะท้านสะเทือนรุนแรง
เจียวหลงตัวหนึ่งที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของมังกรค่อยๆ ชูศีรษะใหญ่มหึมาขึ้นมาใกล้ๆ กับเกาะชิงเสียของทะเลสาบซูเจี่ยน จ้องเขม็งไปยังจวนบางแห่งบนนั้น
บนยอดเขาของเกาะชิงเสียมีเด็กชายหน้าตาดุดันคนหนึ่งยืนเคียงไหล่กับสตรีที่เดิมทีเขาควรเรียกด้วยความเคารพว่าศิษย์พี่หญิงรอง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของเด็กชายมองไปยังเจียวหลงน่าครั่นคร้ามที่โผล่พ้นน้ำมาเพียงแค่ส่วนหัวตัวนั้นแล้วออกคำสั่ง “หนีชิวน้อย! กินๆๆ กินพวกมันให้หมดเลย! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว ห้ามให้หนีรอดไปแม้แต่คนเดียว! หากท่านแม่ของข้าถูกคนรังแกแม้เพียงปลายเล็บ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
หลังจากนั้นคนร้อยกว่าคนในจวนใหญ่ของเค่อชิงผู้นั้น ซึ่งรวมถึงตัวเค่อชิงเองและแม่นางเสื้อแหวกหน้าตาพริ้มเพราหลายสิบคนต่างก็ถูกเจียวหลงสีเหลืองดินตัวนั้นเขมือบกลืนลงท้องทั้งหมด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสดและเศษซากโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งนรกบนผืนดิน ตอนแรกเค่อชิงที่เป็นผู้ฝึกลมปราณใหญ่ขอบเขตเก้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศประมือกับสัตว์ยักษ์ตัวนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กระนั้นก็ยังสู้ไม่ได้ แม้จะเรียกสมบัติอาคมมาใช้จนหมดสิ้นก็ยังไม่อาจทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นมีแม้แต่รอยขีดข่วน มีแต่จะทำให้มันเกรี้ยวกราดกระหายการเข่นฆ่ามากกว่าเดิม สุดท้ายมันถึงกับพุ่งออกมาจากทะเลสาบทั้งตัว กระโจนเข้ากัดร่างของเค่อชิงที่พยายามเผ่นหนีจนร่างของเขาขาดครึ่งท่อน ขณะที่ร่างท่อนบนที่ร้องโหยหวนของเขากำลังจะร่วงลงสู่ทะเลสาบก็โดนเจียวหลงสีเหลืองดินที่ไล่ตามมางับไว้ สุดท้ายร่างเกินครึ่งของมันจมหายเข้าไปในทะเลสาบ เหลือเพียงศีรษะและลำคอที่โผล่พ้นน้ำ ปากขยับเคี้ยวเชื่องช้าเกิดเสียงน่าขนพองสยองเกล้า การกระทำนี้ของมันแสดงให้เห็นถึงการท้าทายที่มีต่อคนทั้งเกาะชิงเสีย
ในดวงตาเยียบเย็นที่ใหญ่โตยิ่งกว่าโคมไฟคู่นั้นของมันเปล่งแววเย้ยหยันไม่ต่างจากสายตาของคน
เด็กชายบนยอดเขาก็ยิ่งหัวเราะดุดัน “ดีๆๆ หนีชิวน้อย ไปกินศิษย์พี่ใหญ่สารเลวคนนั้นพร้อมกันเลย ใครกล้าขวางเจ้าก็กินเขาไปด้วยเลย!”
ต่อให้สตรีที่เอาข่าวมาแจ้งกู้ช่านจะยืนอยู่ข้างกายเขาก็ยังอดเสียวสันหลังไม่ได้ นางตกตะลึงไปกับนิสัยกระหายการเข่นฆ่าของศิษย์น้องเล็กอย่างกู้ช่านจริงๆ
หลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวินมาโผล่พรวดอยู่บนยอดเขา กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะทำผิด แต่อาจารย์จะลงโทษเขาอย่างเต็มที่ เจ้าปล่อยเขาไปสักครั้งเถอะ?”
กู้ช่านหัวเราะ “อาจารย์ หากท่านไม่ตีข้าให้ตายแล้วปล่อยให้หนีชิวน้อยอาละวาดอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งคือยอมให้ลูกศิษย์หายไปแค่คนเดียว อาจารย์ท่านมีลูกศิษย์ตั้งหลายสิบคน ขาดไปคนหนึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นไร วันหน้าข้าจะช่วยอาจารย์สร้างชื่อเสียงให้ขจรขจาย อย่าว่าแต่ศิษย์พี่ใหญ่ตายไปเลย ต่อให้ศิษย์พี่หญิงรองหายไปพร้อมกันด้วยก็ไม่เห็นจะสำคัญ”
เด็กชายยิ้มกว้าง เงยหน้าขึ้นสูงเพื่อประสานสายตากับผู้เฒ่า แล้วถามยิ้มๆ “อาจารย์ ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
สีหน้าของหลิวจื้อเม่าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน สุดท้ายเขาพลันหัวเราะร่า ลูบศีรษะของเด็กชายด้วยสีหน้าปราณี “เจ้าเด็กคนนี้มีบุคลิกของอาจารย์ในอดีต ดี ดีมาก”
กู้ช่านยิ้มตาหยี “ท่านอาจารย์วางใจได้เลย วันหน้าหากท่านต้องการสังหารใคร ข้าคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของท่าน ย่อมต้องทำตามคำสั่งของท่าน จะอย่างไรเสียหนีชิวน้อยก็ชอบกินคน โดยเฉพาะเทพเซียนบนภูเขา กินเข้าไปแล้วยังบำรุงพลังให้มันได้มาก หนีชิวน้อยชอบนักล่ะ เฮ้อ หนีชิวน้อยนี่ก็จริงๆ เลย พอออกจากบ้านเกิดก็โตเร็วขนาดนี้ ขนาดถ้วยใหญ่สีขาวของท่านอาจารย์ก็ยังกักตัวมันไว้ไม่อยู่ ได้แต่ต้องเอามาเลี้ยงไว้ในทะเลสาบใหญ่ อาจารย์ ท่านมีถ้วยที่ใหญ่กว่าเดิมหรือไม่?”
หลิวจื้อเม่าส่ายหน้ายิ้มๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!