นักพรตหนุ่มก้าวเร็วๆ จากไป ไม่อยากฟังคำพูดสกปรกที่ทำให้คนโมโหอีกแล้ว
เฉินผิงอันเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้าน ไม่ได้สนใจสองฝ่ายที่ตีฝีปากกัน เขาจ่ายสามสิบตำลึงเงินเต็มๆ เพื่อซื้อเสื้อผ้าที่ธรรมดาที่สุดสองชุด อันที่จริงร้านนี้มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา กิจการของพวกเขาทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีปมีมากมาย แม้ว่านี่จะเป็นแค่หนึ่งในร้านสาขาจากจำนวนหลายร้อยร้าน ทว่าชุดคลุมอาคมสมบัติพิทักษ์ร้านชิ้นนั้น ต่อให้เฉินผิงอันเป็นแค่คนนอกที่ไม่เชี่ยวชาญ มองปราดๆ ก็ยังรู้ว่ามันไม่เป็นรองเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างของฉู่หาวเลย
เฉินผิงอันเดินออกจากร้านมาแล้ว คนผู้นั้นก็ยังไม่ไปไหน คนที่มามุงดูอยู่รอบกายเขาเปลี่ยนมาเป็นคนกลุ่มใหม่แล้ว มีทั้งชายและหญิง พวกเขายืนกันอยู่หน้าฉากบังลม ผู้ชายส่วนใหญ่มีสีหน้าเสียดาย แต่ผู้หญิงกลับหัวเราะหยันสีหน้าไม่พอใจ บรรยากาศลี้ลับยากจะหยั่ง ชายวัยกลางคนที่ว่างงานคนนั้นเริ่มพูดจาหยาบคายหมิ่นเกียรติ ทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกสะใจอย่างมาก ต่อให้จะรู้ดีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร แต่พอได้ยินเขาบอกว่าตัวเองคือเถ้าแก่ร้านขายของจิปาถะที่อยู่ข้างๆ พวกนางก็ยังชักชวนบุรุษที่มาด้วยกันให้เข้าไปดูร้านของเขา ฝ่ายชายมีหรือจะเต็มใจ ใจอยากจะตะบันหน้าชายวัยกลางคนผู้นี้ให้หน้าเละใจจะขาด
พฤติกรรมของบุรุษต่ำช้านั้นไม่ผิด แต่สายตาการทำธุรกิจนั้นไม่เลว เขาพยายามพูดจาเหยียดหยามเทพธิดาซูของภูเขาตะวันเที่ยงสุดฤทธิ์ ยิ่งพูดก็ยิ่งระคายหู พวกผู้หญิงก็ฉลาดกันอย่างมาก คำพูดที่เอ่ยจากปากไม่คล้อยตามบุรุษคนนั้นสักคำ กลับกันยังช่วยพูด ‘คัดค้าน’ อยู่หลายคำ บุรุษที่ทำเพื่อเรียกลูกค้าก็ยิ่งรู้ใจ ยิ่งพูดน้ำลายแตกฟอง ทำให้พวกนางอารมณ์ดี อย่างยิ่ง หางตาคอยชำเลืองมองพวกบุรุษที่เดินทางมาด้วยกัน ราวกับกำลังบอกกล่าวกับพวกเขาด้วยความสาแก่ใจว่า ซูเจี้ยที่พวกเจ้าหลงรักตั้งแต่แรกเห็นตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าจะยังชื่นชมนางอีกไหม?
บุรุษโบกไม้โบกมือ พอพูดจนอารมณ์ไต่ทะยานถึงขีดสุดก็ถึงกับเดินไปที่ฉากบังลม ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปวางห่างจากฉากกั้นเล็กน้อย แล้วแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นตบหน้าซูเจี้ยในภาพวาดที่มีชีวิตชีวาเหมือนจริง ปากก็ด่าทอนางไปด้วย
เฉินผิงอันคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่หลิวป้าเฉียวผู้ฝึกกระบี่แห่งสวนลมฟ้าพูดถึงซูเจี้ยตอนอยู่ในเมืองเล็ก
ตอนนั้นคนต่างถิ่นต่างก็เข้ามาในเมืองเล็กเพื่อหาโชควาสนา มีเพียงหลิวป้าเฉียวที่ติดตามหญิงสาวสกุลเฉินแห่งอิ่งอินกับคุณชายสกุลเฉินเมืองหลงเหว่ยเท่านั้นที่ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกว่าเทพเซียนบนภูเขาที่อยู่ด้านนอกก็มีคนที่ไม่เลวอยู่เหมือนกัน
และจุดที่ทำให้เฉินผิงอันประทับใจในตัวหลิวป้าเฉียวมากที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าเขาคือผู้ฝึกกระบี่ผู้มีพรสวรรค์ของสวนลมฟ้า แต่เป็นเพราะตอนที่เขาพูดว่าสักวันหนึ่งซูเจี้ยจะรู้สึกว่าข้าหลิวป้าเฉียวเป็นคนที่นางยินยอมพร้อมใจแต่งงานด้วยได้ คำพูดของเขาไม่ใช่วลีห้าวหาญยิ่งใหญ่ของชายชาตรีอะไร ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ เมื่อมีคนถามเขาว่าหากวันหนึ่ง เทพธิดาซูที่เจ้าคิดถึงคะนึงหาชอบเจ้าโดยไม่สนใจความเห็นของคนในครอบครัวจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร? หลิวป้าเฉียวในเวลานั้นกลับเงอะงะตอบไม่ถูก ได้แต่พึมพำเบาๆ ว่า ‘นางจะชอบข้าได้อย่างไร?’
เฉินผิงอันนึกถึงหลิวป้าเฉียวก็อดคิดถึงตัวเองไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เดินไปทางฉากบังลม มองชายที่มีร้านค้าอยู่ติดกับร้านนี้
บุรุษกำลังจะพาพวกผู้หญิงไปซื้อของที่ร้านตัวเอง จู่ๆ พบว่ามีเจ้าเด็กหน้าตาไม่โดดเด่นคนหนึ่งโผล่มาก็ถามอย่างหงุดหงิดว่า “มองอะไรของเจ้า?”
เฉินผิงอันตอบ “มองเจ้า”
บุรุษถลึงตาใส่ “เจ้าแน่จริงก็ลองมองอีกครั้งดูสิ?”
เฉินผิงอันพยักหน้าแล้วจ้องหน้าบุรุษต่อ พลางเอ่ยช้าๆ ว่า “ตกลง”
ต่อให้เป็นพวกหญิงสาวบนภูเขาที่ไม่ชอบซูเจี้ยก็ยังหลุดหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกว่าเด็กหนุ่มสะพายกระบี่คนนี้ตลกมาก
สำนักของพวกนางและสหายข้างกายอยู่ไม่ห่างจากภูเขาตะวันเที่ยง ดังนั้นจึงได้พบหน้ากันบ่อย คนทั่วทั้งบนและล่างสำนัก ตั้งแต่บุรพาจารย์ไปจนถึงลูกศิษย์ฝ่ายนอกล้วนมีความเคารพเลื่อมใสต่อภูเขาตะวันเที่ยงเหมือนคนที่แหงนหน้ามองภูเขาสูง ในอดีตบุรุษในสำนักไม่ว่าเด็กหรือแก่ก็ล้วนไม่ยอมให้คนนอกพูดจาไม่ดีต่อเทพธิดาซูเจี้ยแห่งภูเขาตะวันเที่ยงแม้เพียงครึ่งคำ เพียงแต่ว่าตอนนี้ซูเจี้ยตกต่ำ คนนอกไม่มีใครได้เห็นหน้านางอีก คนที่ชื่นชอบนางถึงพอจะสำรวมกิริยากันได้บ้าง
บุรุษที่ทำการค้าอยู่ในหุบเขาอับอายจนพานเป็นความโกรธ “เจ้าอยากตายรึ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า
บุรุษพูดด้วยสีหน้าดุดัน “แล้วเจ้ามายืนบื้อเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนี้ทำไม?! รู้หรือไม่ว่าข้าผู้อาวุโสทำการค้าอยู่ที่นี่มาทุกรุ่นทุกสมัย เทพเซียนผู้เฒ่าที่ข้ารู้จักมีมากกว่าคนที่เจ้าเคยพบเจอซะอีก?!”
เด็กหนุ่มที่สมองมีปัญหาในสายตาของบุรุษโพล่งประโยคหนึ่งออกมาว่า “หลิวป้าเฉียวแห่งสวนลมฟ้าชอบซูเจี้ย”
บุรุษอึ้งงัน ความโมโหลดระดับลงทันควัน เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เฉินผิงอันกล่าวอีกว่า “ข้ารู้จักหลิวป้าเฉียว”
บุรุษชำเลืองมองกล่องกระบี่ด้านหลังของเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วกลืนน้ำลาย
เฉินผิงอันกล่าวว่า “หากมีวันหนึ่งข้าได้เจอกับหลิวป้าเฉียว จะเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องในวันนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!