ตระกูลฝูแห่งนครมังกรเฒ่ามีเงินมาก มีเงินมากแค่ไหน? ลำพังแค่สมบัติอาคมที่เป็นรองอาวุธของตระกูลเซียนแค่ระดับเดียว พวกเขาก็มีถึงสามชิ้น อีกทั้งทุกชิ้นล้วนใช้เงินซื้อมา จากนั้นก็สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งส่งมอบมาถึงมือฝูฉีเจ้าประมุขคนปัจจุบัน ได้ยินว่าตระกูลฝูเพิ่งจะไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาครั้งหนึ่ง ตอนนี้เพิ่งกลับมา ก็เลยได้อาวุธกึ่งเซียนมาเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น คำว่าเรื่องเดียวไม่ควรทำซ้ำเกินสามครั้งน่ะหรือ? ตระกูลฝูไม่เคยสนใจหลักการข้อนี้
เรื่องราวที่น่าสนใจและคนที่น่าสนใจของตระกูลฝูมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่นพวกเขาไม่เคยแก้ไขผังข้อมูลลำดับวงศ์ตระกูล แต่ไหนแต่ไรมาชื่อของลูกหลานก็ตั้งกันตามใจชอบ ฐานะของสตรีในตระกูลฝูสูงส่งอย่างยิ่ง วีรสตรีหญิงที่เคยดำรงตำแหน่งเจ้านครในประวัติศาสตร์ ยกสองมือขึ้นนับก็ยังไม่พอ ลูกหลานตระกูลฝูสามารถเรียนหนังสือ ซื้อหนังสือ เก็บสะสมหนังสือ ห้องเก็บหนังสือส่วนตัวแต่ละห้องของพวกเขาล้วนเก็บสะสมตำราที่มีเพียงเล่มเดียวและตำราที่อยู่ในสภาพดีที่สุดไว้มากที่สุดของทั้งแจกันสมบัติทวีป ทว่าต่อให้เป็นสาขาแยกของตระกูลฝูที่อยู่ห่างไกลจากนครมังกรเฒ่าก็ไม่เคยมีใครที่เข้าร่วมการสอบเคอจวี่ ไม่เคยเป็นแม่ทัพบู๊หรือขุนนางบุ๋นให้กับฮ่องเต้หรือจักรพรรดิองค์ใด จะนอนกินรอความตายอยู่ในกองเงินกองทองก็ไม่เป็นไร เจ้าประมุขแต่ละรุ่นล้วนไม่เคยมีความเห็นต่อเรื่องนี้ เต็มใจเลี้ยงลูกหลานทุกคน
ดังนั้นตระกูลฝูที่มีเงินจึงมีลูกหลานมากมายที่เล่นหมากล้อมเก่งที่สุด เขียนพู่กันได้อย่างยอดเยี่ยม ฝีมือการดีดพิณสูงส่ง และยังมีตำราอาหารที่เป็นสูตรต้นฉบับดั้งเดิมที่สุดที่ลูกหลานสกุลฝูเป็นคนเขียน พวกเขายังเคยจัดพิมพ์บันทึกท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมไปทั่วทวีป เคยซื้อภูเขาทางเหนือที่มีพื้นที่กว้างขวางจำนวนนับไม่ถ้วน แต่กลับทิ้งไว้เปล่าๆ ไม่ไปสร้างสำนักหรือตระกูลเซียนอะไร ปล่อยให้มันรกร้างไปอย่างนั้น
คนประหลาดและคนมหัศจรรย์ของตระกูลฝูมีมากมายจริงๆ
แต่ตระกูลฝูมีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่ต่อให้ถูกฟ้าผ่าก็ไม่สะเทือน
นั่นคือมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเท่านั้นถึงจะสามารถสวมชุดคลุมมังกรเฒ่าที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษได้
ท่าเรือที่เรือข้ามฟางหยางจือถังจอดเทียบท่าอยู่ห่างจากนอกนครมังกรเฒ่าสามร้อยกว่าลี้ ไม่ใช่สถานที่เงียบสงัดที่แม่น้ำและภูเขางดงามอะไร เรือข้ามฟากหลากหลายสีสันเกือบร้อยลำต่างก็จอดอยู่ที่นี่ เสียงจึงอึกทึกจอแจ ผู้คนคลาคล่ำมากมาย มีทั้งเรือข้ามฟากที่ไม่มีชีวิตซึ่งช่างสำนักโม่เป็นผู้สร้าง แล้วก็มีเรือข้ามฟากที่มีชีวิตคล้ายคลึงกับเรือคุน ภาพแปลกตาเต็มไปด้วยสีสันแห่งความมีชีวิตชีวา ระหว่างที่เรือลงจอด เฉินผิงอันก็มองจนละลานตาไปหมด
ก่อนหน้าที่เรือจะจอดเทียบท่า เฉินผิงอันก็ได้ยินคำกล่าวหนึ่งที่บอกว่า คนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเมือง ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็เดินได้ไม่ทั่วนครมังกรเฒ่า
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนเรือ เฉินผิงอันพยายามจะก้มหน้าลงมามองภาพลักษณ์ทั้งหมดของนครมังกรเฒ่า แต่กลับพบว่าทะเลเมฆบดบัง จึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เนื่องจากการปรากฏตัวของหลิวป้าเฉียว ผู้เฒ่าของหยางจือถังที่รับผิดชอบดูแลเรือข้ามฟากลำนี้จึงมาอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน คอยไขข้อข้องใจให้กับเขา ที่แท้ทะเลเมฆที่เคลื่อนคล้อยอยู่นั้นก็คืออาวุธกึ่งเซียนชิ้นหนึ่งของนครมังกรเฒ่า หากเงยหน้ามองมาจากในเมืองจะเห็นแต่ท้องฟ้า ไม่เห็นก้อนเมฆแม้แต่ก้อนเดียว ผู้เฒ่ายังเล่าตำนานที่น่าตื่นตะลึงอย่างหนึ่งให้เฉินผิงอันฟัง
เล่าลือกันว่าเมื่อแปดร้อยปีก่อน ผู้ฝึกตนลัทธิมารเกือบหนึ่งพันคนพากันเคลื่อนพลอย่างยิ่งใหญ่มาบุกสังหารถึงนครมังกรเฒ่า ในบรรดานั้นมีเซียนพสุธาสองคนนั่งบัญชาการณ์มา สุดยอดผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองและขอบเขตก่อกำเนิดมีมากถึงสิบคน เพื่อยึดครองนครมังกรเฒ่าแล้ว กลุ่มคนที่รวบรวมผู้แข็งแกร่งมาอย่างสุดกำลังนี้ต้องผ่านการวางแผนอย่างเป็นความลับเกือบร้อยปี ในนอกประสานกัน รอบคอบรัดกุม พรั่งพร้อมทุกด้าน ในขณะที่กองทัพใหญ่จะยกมาประชิดชายแดน เป็นช่วงเวลาสำคัญที่อดีตเจ้านครเสียชีวิต เจ้านครคนใหม่ขึ้นรับตำแหน่งพอดี ตระกูลฝูสิบสองสายของนครมังกรเฒ่าเกิดความขัดแย้งกันเองภายใน พลังต้นกำเนิดเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบรรพบุรุษสองท่านของตระกูลฝูที่ต่างคนต่างครอบครองอาวุธกึ่งเซียนหนึ่งชิ้น พวกเขาต่อสู้กันจนฟ้าดินพลิกคว่ำ ต่อให้มีตราผนึกเวทลับหลายชั้นพยายามข่มทับพลังสังหารของอาวุธกึ่งเซียนสองชิ้นนั้นอย่างสุดความสามารถ แต่นครมังกรเฒ่าก็ยังพังเสียหายไปถึงครึ่งหนึ่ง
ผลก็คือมีผู้ฝึกลมปราณหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวกะทันหัน ดูเหมือนว่านางจะมานอนหลับอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆของนครมังกรเฒ่า หลังจากที่นางเผยตัวก็มองนครมังกรเฒ่าใต้ฝ่าเท้าที่ควันดินปืนลอยคลุ้งสี่ทิศ แล้วก็มองผู้ฝึกลมปราณพันกว่าคนที่มารวมตัวกัน หลังจากที่นางหาวหนึ่งทีก็เอื้อมมือไปคว้าจับ ทะเลเมฆในรัศมีพันลี้ถูกนางรวบมาเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่งอยู่กลางฝ่ามือ นางโยนเข้าปาก แล้วก็จามหนึ่งที
ทะเลใต้จึงเกิดพายุลมกรดนับร้อยนับพันลูกที่พัดจากผิวทะเลไปทางทิศเหนือ เหล่าผู้ฝึกลมปราณลัทธิมารที่คิดว่าต้องได้ครอบครองนครมังกรเฒ่า ไม่พูดถึงผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างที่ปลอมปนเข้ามาในกลุ่มผู้มีความสามารถ รับผิดชอบหน้าที่คอยชูธงร้องตะโกนปลุกระดม ลำพังแค่เทพเซียนห้าขอบเขตกลางก็ถูกพายุลมกรดเหล่านั้นพัดให้ตายไปเกือบครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นกลุ่มมารที่รอดพ้นจากหายนะมาได้ก็แตกฮือถอยร่น ภายหลังถูกตระกูลฝูที่สถานการณ์ในตระกูลมั่นคงดีแล้วไล่ตามไปสังหารเป็นเวลานานถึงร้อยปีเต็ม
เฉินผิงอันฟังแล้วก็อึ้งค้าง
สุดท้ายผู้เฒ่าถามพร้อมยิ้มตาหยีว่า “ทำไม คุณชายไม่เชื่อหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!