กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 307

บทที่ 307.1 ภิกษุเฒ่าไม่ชอบพูดเรื่องพระธรรม
ProjectZyphon
ยามเช้าตรู่ ประตูใหญ่เปิดออกดังแอด เด็กหญิงผอมแห้งสะดุ้งตื่นในชั่วพริบตา นางกระโดดลงมาจากหลังสิงโตหิน ค้อมตัวลงวิ่งเลียบกำแพงหนีไปให้ห่างจากที่แห่งนี้

แน่นอนว่าเฉินผิงอันต้อง ‘ตื่น’ เช้ากว่านาง หลังจากที่มองอยู่ไกลๆ เห็นว่าเด็กหญิงจากไปแล้ว เขาก็ไม่สะกดรอยตามนางอีก แต่กลับไปยังที่พักของตัวเอง เฉินผิงอันเช่าห้องด้านข้างของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ทางใต้ของเมืองหลวงเพื่อพักอาศัย บริเวณใกล้เคียงมีตรอกจ้วงหยวน (จอหงวน) ที่มีชื่อเสียงมาก แต่อันที่จริงกลับเทียบตรอกซิ่งฮวาของบ้านเกิดเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มีบัณฑิตยากจนที่เดินทางมาสอบที่เมืองหลวงพักอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่ได้รับเลือกในการสอบช่วงวสันต์ จ่ายเงินค่าเดินทางกลับบ้านเกิดไม่ไหว อีกทั้งมีสหายที่เพิ่งได้รู้จักในเมืองหลวงให้คอยสอบถามแลกเปลี่ยนความรู้ จึงเลือกมาพักอยู่ที่นี่

เฉินผิงอันมีแค่กุญแจห้อง ไม่มีกุญแจประตูหน้าบ้าน ดังนั้นเขาจึงเลือกเวลากลับมายังที่พัก ประตูบ้านเปิดไว้อยู่แล้ว เฉินผิงอันกลับไปที่ห้องของตัวเอง ปิดประตูลงแล้วก็ชำเลืองตามองตำราที่กองทับกันบนโต๊ะรวมไปถึงผ้าห่มบนโต๊ะซึ่งต่างก็ถูกขยับเคลื่อนย้ายมาก่อน ร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ล้วนปรากฏอยู่ในสายตาของเฉินผิงอันอย่างชัดเจน เขาถอนหายใจด้วยความระอา ยังดีที่ของไม่ได้หายไป

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไม่ได้พักอยู่ที่นี่ แต่พักอยู่ที่โรงเตี๊ยม เช่าห้องขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางให้ฝึกหมัดฝึกกระบี่ได้ ภายหลังตามหาอารามเต๋าไม่พบ ยิ่งนานวันจิตใจก็ยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่าน เฉินผิงอันจึงหยุดฝึกเดินนิ่งและวิชากระบี่เป็นครั้งแรก เพื่อประหยัดเงินจึงย้ายมาพักอยู่ที่นี่ แล้วก็จะฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูแค่บางครั้งเท่านั้น

เฉินผิงอันนอนอยู่บนเตียง เหม่อมองเพดานห้อง

หากต้องเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัวต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ คงไม่ใช่เรื่อง

ได้ประโยชน์จากการขัดเกลาบนกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งแน่นหนาจนน้ำก็ลอดซึมไปไม่ได้ ภายหลังยังมาเจอศึกใหญ่ที่ป้อมอินทรีบินอีกสองครั้ง โดยเฉพาะตอนที่ผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองระเบิดห้องโอสถจนปราณวิญญาณไหลทะลัก การกระทำสวนกระแสของเฉินผิงอันครั้งนั้นทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล ตอนนี้วิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่ของเฉินผิงอันมีวี่แววว่าคอขวดเริ่มจะคลายตัวออก แต่เขากลับรู้สึกว่ายังขาดอะไรอยู่อีกเล็กน้อย ลางสังหรณ์ที่เลือนรางอย่างหนึ่งบอกกับเฉินผิงอันว่า ขอแค่เขาเต็มใจก็สามารถข้ามผ่านธรณีประตูขอบเขตสี่ไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เฉินผิงอันต้องการรากฐานที่หนาแน่นและมั่นคงยิ่งกว่านี้ หากไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทำอย่างที่ลู่ไถว่า นั่นคือลองไปเสี่ยงดวงที่ศาลอริยะบู๊ดู หรือไม่ก็หาซากปรักของสนามรบโบราณแห่งหนึ่งแล้วเข้าไปตามหาวิญญาณวีรบุรุษ เทพหยินที่รบตายไปแล้วแต่ดวงจิตยังไม่แตกสลาย

ถึงอย่างไรก็ต้องหาเรื่องอะไรสักอย่างทำ ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันกลัวว่าตัวเองจะขึ้นราเอาได้

เฉินผิงอันตัดสินใจว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนนี้ถึงปลายฤดูร้อน หากยังหาอารามเต๋าไม่เจอก็จะกลับแจกันสมบัติทวีป ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไว้บนวิถีวรยุทธ์ขอบเขตเจ็ด ปู่ของชุยฉานอยู่ที่เรือนไม้ไผ่บนภูเขาลั่วพั่ว เฉินผิงอันมีความมั่นใจในเรื่องนี้มาก และไม่แน่ว่าสัญญาสิบปีที่ให้ไว้กับหนิงเหยาอาจจะทำได้สำเร็จล่วงหน้าหลายปี

แต่เฉินผิงอันก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย กลัวก็แต่ว่าผู้เฒ่าเปลือยเท้าที่จิตใจสูงส่งยิ่งกว่าแผ่นฟ้า วิชาหมัดไร้ศัตรูทัดเทียมผู้นั้นจะป่าวประกาศว่าจะขัดเกลาเขาให้กลายเป็นขอบเขตห้า ขอบเขตหกที่แข็งแกร่งที่สุดอะไรเทือกนั้น

ตอนนั้นแค่ขอบเขตสามตนก็ลำบากทรมานถึงเพียงนั้นแล้ว เฉินผิงอันกลัวจริงๆ ว่าจะถูกผู้เฒ่าต่อยจนตายทั้งเป็น หรือไม่ก็เจ็บปวดจนตาย

เฉินผิงอันสอดสองมือรองไว้ใต้ท้ายทอย หลับตาลงช้าๆ

ไม่รู้ว่าอาเหลียงที่อยู่ฟ้านอกฟ้าต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะกับเต๋าเหล่าเอ้อร์ที่เล่าลือกันว่าเป็นผู้ไร้ศัตรูเทียมทานที่แท้จริงแล้วหรือยัง

ไม่รู้ว่าระหว่างที่เดินทางไกลไปยังสกุลเฉินอิ่งอิน ภูเขาสูงสุดที่หลิวเสี้ยนหยางได้เห็นสูงเท่าไหร่ และแม่น้ำใหญ่สุดที่ได้เห็นกว้างใหญ่แค่ไหน

ไม่รู้ว่าหลี่เป่าผิงที่เรียนหนังสืออยู่ในสำนักศึกษาซานหยาจะมีความสุขหรือไม่

ไม่รู้ว่ากู้ช่านที่อยู่ทะเลสาบเจี่ยนซูจะถูกคนรังแกหรือไม่ สมุดบัญชีเล่มเล็กๆ ที่เอาไว้จดชื่อศัตรูจะเพิ่มขึ้นมาอีกเล่มแล้วหรือเปล่า

ไม่รู้ว่าแม่นางหร่วนซิ่วยังชอบขนมกุ้ยฮวาของที่ร้านในตรอกฉีหลงหรือไม่

ไม่รู้ว่าจางซานเฟิงกับสวีหย่วนเสียที่เดินทางไปด้วยกันได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่สามารถร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมกันกำจัดปีศาจปราบมารหรือไม่

ไม่รู้ว่าฟ่านเอ้อร์ที่อยู่ในนครมังกรเฒ่าจะเจอหญิงสาวที่ถูกใจหรือยัง

เฉินผิงอันคิดเรื่องในใจจนหลับไปทั้งอย่างนี้

มีกระบี่บินชูอีสืออู่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ อันที่จริงตลอดทางที่เฉินผิงอันนอนกลางดินกินกลางทรายมานี้ เขาไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าใดนัก

เจ้าของบ้านหลังนี้คือคนสามรุ่น ครอบครัวมีทั้งหมดห้าคน ผู้เฒ่าชอบออกไปเล่นหมากล้อมกับคนอื่นข้างนอก ฝีมือการเล่นหมากล้อมอ่อนด้อย กิริยาเวลาเล่นกลับแย่ยิ่งกว่า เพราะชอบร้องเสียงดังโวยวาย

หญิงชราพูดจาไม่น่าฟัง วันๆ เอาแต่ทำสีหน้าบึ้งตึงจนเฉินผิงอันอดนึกไปถึงแม่เฒ่าหม่าในตรอกซิ่งฮวาไม่ได้

คู่สามีภรรยาอายุยังน้อยสองคน สตรีแต่งงานแล้วทำงานเย็บปักถักร้อย ดูแลงานบ้าน ทุกวันจะต้องถูกแม่สามีด่าจนแทบโงหัวไม่ขึ้น ตามคำพูดเก่าแก่ของเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน บุรุษคือคนที่แบกผ้าห่อบุญ ก็คือแบกห่อผ้าใบใหญ่ไว้ด้านหลัง เดินทางไปทั่วเพื่อหาซื้อของมา ตรงเอวผูกกลองใบเล็กเอาไว้ เวลาเดินตามถนนหรือตรอกซอกซอยก็ร้องเร่เรียกคนไปด้วย หากโชคดีเก็บได้ของเก่าที่มีมูลค่าแล้วเอาไปขายให้กับร้านของเก่าที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แค่ของเปลี่ยนมือก็ได้เงินมาหลายตำลึง

สตรีแต่งงานแล้วหน้าตาธรรมดา แต่กลับให้กำเนิดบุตรชายที่หน้าตางดงาม อายุเจ็ดแปดขวบ ปากแดงฟันขาว ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ในตรอก กลับเหมือนคุณชายน้อยของตระกูลใหญ่โตเสียมากกว่า เวลาไปเรียนที่โรงเรียน ได้ยินว่าเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ผู้สอนอย่างมาก เขามักจะไปดูปู่เล่นหมากล้อมกับคนอื่นบ่อยๆ นั่งครั้งหนึ่งก็นานเกินครึ่งชั่วยาม ไม่พูดอะไรสักคำเดียว ผู้ที่ดูคนเล่นหมากล้อมแล้วไม่สอดปากเอ่ยแทรกก็คือสุภาพชนที่แท้จริง มีบุคลิกเหมือนอาจารย์น้อยอยู่มาก

เพื่อนบ้านที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือคนโตก็ล้วนสนิทสนมกับเด็กคนนี้ มักจะชอบมาหยอกล้อถามเขาว่าชอบใครมากกว่ากัน ระหว่างเด็กหญิงข้างบ้านที่เติบโตมาด้วยกันกับคุณหนูหลิวที่โรงเรียน เด็กคนนี้มักจะทำเพียงแค่ยิ้มอย่างเขินอายแล้วดูคนเล่นหมากล้อมต่อไปเงียบๆ

หลังจากที่เฉินผิงอันหลับไปแล้ว

เจ้าตัวน้อยตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากพื้น ปีนขึ้นมาบนโต๊ะ มานั่งอยู่ข้าง ‘ภูเขาหนังสือ’ แล้วเริ่มงีบหลับ

เห็นได้ชัดว่าคนจิ๋วดอกบัวเชี่ยวชาญวิชาดำดิน มันทำได้อย่างเงียบเชียบและว่องไวอย่างถึงที่สุด

ก่อนจะมาถึงเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน เฉินผิงอันหยอกเย้ามันอยู่หลายครั้ง บ้างก็ควบม้าห้อตะบึงไป หรือไม่ก็รวบรวมพละกำลังไว้ที่ฝ่าเท้าแล้ววิ่งห้อไปไกลหลายสิบลี้ในรวดเดียว รอจนเขาหยุดม้าหรือหยุดวิ่ง ข้างเท้าก็มักจะมีเจ้าตัวน้อยโผล่หัวออกมาจากดินแล้วหัวเราะคิกคักให้เขาเสมอ

ไม่ว่าเฉินผิงอันจะเดินนิ่งต่อยหมัดหรือฝึกวิชากระบี่ มันก็ไม่เคยมารบกวน มักจะทำแค่มองอยู่ไกลๆ มีเพียงเฉินผิงอันกวักมือเรียกหามัน มันถึงจะมาหยุดอยู่ข้างกายเขา ปีนป่ายไปตามชุดคลุมอาคมจินหลี่ สุดท้ายไปนั่งอยู่บนไหล่ของเฉินผิงอัน หนึ่งคนตัวโตหนึ่งคนตัวจิ๋วชมทิวทัศน์ไปด้วยกัน

ส่วนเงินเกล็ดหิมะเหรียญนั้นก็ฝากไว้ที่เฉินผิงอันชั่วคราว

เฉินผิงอันเพียงแค่งีบครู่สั้นๆ เพียงไม่นานก็ต้องตื่นเพราะเสียงความเคลื่อนไหวในลานบ้าน เสียงบ่นของหญิงชรา เสียงรับคำอย่างขลาดกลัวของสตรีแต่งงานแล้ว ผู้เฒ่าที่กำลังฝึกเปล่งเสียงในลำคอ เด็กน้อยที่ท่องเนื้อหาในตำราของนักเรียนปฐมวัยช่วงเช้า มีเพียงชายฉกรรจ์คนนั้นที่น่าจะยังนอนหลับอุตุ

เฉินผิงอันนั่งข้างโต๊ะ หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาเบาๆ เจ้าตัวน้อยก็ตื่นขึ้นมาช้าๆ มันยังมึนงงอยู่เล็กน้อยจึงมองเฉินผิงอันด้วยสายตาเหม่อลอย

เฉินผิงอันส่งยิ้มให้ “เจ้านอนต่อเถอะ”

เจ้าตัวน้อยลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง วิ่งมาหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ช่วยเขาเปิดหน้าหนังสือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!