ถึงอย่างไรก็ยังต้องรักษากฎเกณฑ์ของยุทธภพ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากลู่ฝ่าง เฝิงชิงป๋ายที่ยืนอยู่ด้านหลัง ‘เซียนกระบี่ครึ่งตัว’ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือท่านนี้จึงเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำ
มองแผ่นหลังสง่างามที่เปี่ยมล้นไปด้วยปราณกระบี่ เฝิงชิงป๋ายรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ตนก็แค่อาศัยตระกูลและสำนักถึงได้มีหน้ามีตาอย่างในทุกวันนี้ แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาเองก็ไม่ได้ธรรมดา แต่กลับไม่ถึงขึ้นได้รับการขนานนามด้วยถ้อยคำอย่างเช่นว่า ‘หาไม่ได้ง่ายๆ’ หรือ ‘ร้อยปีจะพานพบสักครั้ง’
ส่วนลู่ฝ่างนั้นไม่เหมือนกัน
คนอย่างลู่ฝ่างนี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ในใต้หล้าแห่งใดก็ล้วนเป็นคนที่ใช้กระบี่ได้โดดเด่นที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด
ลู่ฝ่างที่หันหลังให้เฝิงชิงป๋ายคลี่ยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ หากเจ้ายินดี ข้าสามารถช่วยเจ้าระวังหลังต่อได้ แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้นเจ้าต้องมีความกล้าไปช่วงชิงกระบี่เล่มนั้นกลับคืนมาเสียก่อน”
เฝิงชิงป๋ายนวดไหล่ฝั่งซ้าย ส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจเล็กน้อย “หากอยู่ข้างบนย่อมไม่ยาก น่าเสียดายเมื่ออยู่ที่นี่ก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าข้าไม่อาจแย่งชิงกระบี่เล่มนั้นกลับคืนมาได้”
ลู่ฝ่างพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นอันดับต่อไปเจ้าก็สามารถชมศึกในระยะใกล้ได้เลย”
เฝิงชิงป๋ายยิ้มอย่างเข้าใจ “ภูเขาสูงสายน้ำไหลยาว วันหน้าย่อมต้องได้ตอบแทน”
การลงมาครั้งนี้ของเฝิงชิงป๋าย ทางสำนักต้องติดค้างหนี้น้ำใจของผู้อื่นใหญ่เทียมฟ้า เพื่อช่วยให้เรือลำน้อยของตนล่องผ่านขุนเขานับหมื่นมาได้ เป็นเจ๋อเซียนที่สติปัญญาเปิดกว้างรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการมาสิบปี เขาได้ละทิ้งตัวตนผู้ฝึกกระบี่ ช่วงชิงเนื้อหนังมังสาของร่างหนึ่งที่รากฐานพอใช้ได้ จากนั้นก็ใช้สถานะของผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวและมือกระบี่ในยุทธภพเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท้าทายยอดฝีมือของสถานที่ต่างๆ ผลประโยชน์ที่ได้รับย่อมมี แต่ยังไม่มากพอให้เฝิงชิงป๋ายบรรลุถึงคำว่า ‘จากไกลมาใกล้’ อย่างที่อาจารย์เคยกล่าวไว้
ก่อนจะลงมา เฝิงชิงป๋ายเคยจับเข่าพูดคุยกับอาจารย์เป็นระยะเวลานานครั้งหนึ่ง ผู้ฝึกกระบี่นอกจากกระบี่ที่พกติดกายแล้ว ยังต้องมีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตก็เพื่อคำว่าไกล ต่อให้อยู่ห่างไปหลายสิบจั้ง หลายร้อยหลายพันจั้งก็ยังสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย ส่วนมือกระบี่ในยุทธภพนั้นแสวงหาคำว่า ‘ข้าไร้ศัตรูในสามฉื่อ’ นั่นคือคำว่าใกล้
ดังนั้นเฝิงชิงป๋ายจึงต้องบรรลุวิถีกระบี่จากจุดที่ใกล้
ยังดีที่การดูมือกระบี่ชุดขาวและลู่ฝ่างออกกระบี่ก็คือการฝึกตนอย่างหนึ่ง
ดวงตาของเฝิงชิงป๋ายยังพอมีแวว แล้วก็เป็นคนที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้าง
ส่วนข้อที่ว่าวันนี้จะแพ้หรือชนะ เฝิงชิงป๋ายไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะในความเป็นจริงแล้วเจ๋อเซียนส่วนใหญ่ล้วนไม่ได้มาเยือนโลกมนุษย์เพียงเพื่อคำว่า ‘ไร้ศัตรู’ หรือ ‘กุมชัยชนะทุกครั้ง’ แต่ที่มากกว่านั้นยังคงเป็นการผ่านด่านทางจิตใจของแต่ละคนมากกว่า
ยาเอ๋อร์นั่งพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง เหงื่อแตกโซมกาย ตอนนี้นางทำได้แค่หยุดสภาพน่าเวทนาที่เลือดไหลดั่งน้ำพุไว้เท่านั้น นางถึงขั้นไม่กล้าก้มหน้าลงมองบาดแผลด้วยซ้ำ
ใบหน้าของสตรีอุ้มผีผาที่ถูกฝังเลื่อมอยู่ในกำแพงเต็มไปด้วยคราบเลือด ดิ้นรนอยู่พักหนึ่งกว่าจะร่วงลงมาบนพื้นได้ นางเอนหลังพิงกำแพง ค่อยๆ ใช้แรงพยุงตัวลุกขึ้นยืน มองผีผาอันเป็นที่รักของตัวเองซึ่งท่องอยู่ในยุทธภพร่วมกับนางมานานหลายปีแวบหนึ่ง มันพังเละไปแล้ว และนางก็ไม่มีแรงไปเก็บมันขึ้นมา นางไม่แม้แต่จะมองการสู้รบบนถนน ใช้มือข้างหนึ่งกดลงบนกำแพง เดินโซซัดโซเซไปเบื้องหน้า หญิงสาวที่น่าสงสารหน้าซีดขาวจนน่ากลัว ดูเหมือนนางต้องการไปยังสถานที่หนึ่งให้ได้
หม่าเซวียนยังไม่ฟื้นขึ้นมา และบางทีอาจจะไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกแล้วชั่วชีวิต
หน้าผากของโจวซื่อมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาหนึ่งชั้น เพียงแค่หางตาเหลือบเห็นการควบคุมกระบี่ของมือกระบี่ชุดขาวผู้นั้น หัวใจของโจวซื่อก็เหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับจนเขาแทบหายใจไม่ออก
การเร่งให้ลูกประคำที่กลิ้งไปตามพื้นเหล่านั้นหยั่งรากลงไปไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องสกัดดึงลมปราณกลุ่มหนึ่งมาจากในร่างกายก่อน แล้วค่อยๆ กรอกเข้าไปในลูกประคำอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นก็ใช้วิชาที่มีชื่อว่า ‘สังหารมังกร’ ซึ่งเป็นวิชาค่ายกลตระกูลเซียนที่บิดาโจวเฝยได้รับสืบทอดมา เอามาจัดวางเม็ดลูกประคำให้เป็นเหมือนกระดานหมากล้อม และเมื่อวางเม็ดหมากจัดเรียงบนกระดานเสร็จแล้วก็ถึงจะถือว่าทำสำเร็จ ระหว่างนี้ไม่อาจทำพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ลูกประคำทุกลูกต่างก็มี ‘ปราณเซียน’ ที่โจวเฝยไปขูดรีดรวบรวมมาจากทั่วสารทิศ โจวเฝยเคยบอกกับเขาว่าจะเอาอาวุธอะไรออกมาใช้ก็ได้ แต่ห้ามโจวซื่อทำลูกประคำพวกนี้เสียหายเด็ดขาด
การเดินทางมาเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนพร้อมกับบิดาในครั้งนี้ เขาคิดว่ากุมชัยชนะอยู่มือแล้ว และความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือแค่อยากมาร่วมความครึกครื้นเสียมากกว่า แค่คอยหลบอยู่ใต้เงาของบิดา ของมารเฒ่าติง นั่งภูดูเสือกัดกัน ดูคนอื่นเข่นฆ่ากันแทบเป็นแทบตายก็พอแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าติงอิงทำอะไรตามอำเภอใจ บีบให้เขาจำต้องพาตัวมาเสี่ยงอันตรายร่วมกับยาเอ๋อร์
บิดาตายไปก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ แต่หากเขาโจวซื่อตายไปก็อย่าหวังว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างได้อีกครั้ง คิดจะให้โจวซื่อคนเดิมกลับคืนมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง นั่นต้องเรียกว่ายากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง
อีกทั้งด้วยนิสัยของบิดา ขอแค่เขาโจวซื่อตายไปก่อนวัยอันควร แม้แต่ศพของตนบิดาก็อาจคร้านที่จะมองให้นานด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่จะคิดทำอะไรเพื่อเขาอีกแน่นอน
การที่เฉินผิงอันไม่ได้ฉวยโอกาสไล่ตามไปโจมตีต่อ นอกจากเป็นเพราะลู่ฝ่างสอดมือเข้าแทรกแล้ว ยังเป็นเพราะต้องทำความคุ้นเคยกับน้ำหนักของกระบี่ยาว รวมไปถึงน้ำหนักของปราณแท้จริงที่มันจำเป็นต้องใช้ในการบินไปยังวงโคจรต่างๆ ยิ่งแม่นยำเท่าไหร่ก็ยิ่งดี คำว่าเหมือนชี้นิ้วสั่งของอาจารย์กระบี่ที่ควบคุมกระบี่ ถือว่าเพิ่งจะข้ามผ่านธรณีประตูมาเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือต้องเลื่อนสู่ขอบเขตที่เรียกว่า ‘จิตเชื่อมโยงถึงกัน’ นี่คือการเลียนแบบการควบคุมกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่อย่างหนึ่ง ก็เหมือนการคัดลอกลายแบบหยาบๆ ที่แม้จะเป็นของปลอม แต่ก็มีความตั้งใจจริง เป็นความรู้อย่างหนึ่งที่ใหญ่มากเช่นกัน
ส่วนลู่ฝ่างนั้นอันที่จริงเขายังสองจิตสองใจ
เพราะมารเฒ่าติงอยู่ใกล้ๆ
หากเขาเลือกลงมือเล่นงานมือกระบี่ชุดขาวอย่างเต็มกำลัง ก็ง่ายที่จะถูกติงอิงซึ่งมีนิสัยประหลาดลอบฆ่า การลงมือของติงอิงไม่เคยสนกฎเกณฑ์หรือสถานะใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งคิดเล่นงานผู้ฝึกยุทธ์ปลายแถวที่เกลียดขี้หน้าคนหนึ่งก็ถึงขั้นปล่อยหมัดอย่างเต็มกำลัง อีกอย่างคือลู่ฝ่างเป็นห่วงความปลอดภัยของหนุ่มปักบุปผาโจวซื่อ
และเวลานี้เองทั้งลู่ฝ่างและเฉินผิงอันต่างก็มองไปยังจุดเดียวกันแทบจะเวลาเดียวกัน
นั่นคือผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อที่สวมชุดคลุมยาวสีเขียว เรือนกายสูงผอมคนหนึ่ง ระหว่างที่ก้าวเดินเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความเข้มงวดจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเป็นปรมาจารย์บนยอดเขาที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของใต้หล้าแห่งนี้ ทว่าเขากลับไม่ได้สอดมือเข้ายุ่งการคุมเชิงระหว่างเฉินผิงอันกับลู่ฝ่าง แต่เดินเลี้ยวเข้าไปในตรอก ไปยังบ้านที่เฉินผิงอันมาพักอาศัยอยู่ชั่วคราว
ราชครูจ้งชิวหมายหัวติงอิง
หากจะบอกว่าบนโลกนี้ใครกล้าใช้สองหมัดเขย่าคลอนมารเฒ่า อีกทั้งยังสามารถต่อสู้กันอย่างสะท้านสะเทือนอารมณ์ ยินดีต่อสู้จนตัวตายโดยไม่ถอยหนี ไม่ใช่อวี๋เจินอี้เทพเซียนที่เหมือนจะอยู่เหนือขอบเขตวรยุทธ์ไปหนึ่งระดับ ยิ่งไม่ใช่เขาลู่ฝ่างแห่งยอดเขาเหนี่ยวคั่น มีเพียงจ้งชิวเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ลู่ฝ่างก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!