กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 348

สรุปบท บทที่ 348.1 ท่านอาจารย์ที่แท้จริง: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 348.1 ท่านอาจารย์ที่แท้จริง – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 348.1 ท่านอาจารย์ที่แท้จริง ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 348.1 ท่านอาจารย์ที่แท้จริง
ProjectZyphon

หลังจากที่เจ้าแม่เทพวารีพูดจบก็ไม่ได้รับคำตอบสักที พอเงยหน้ามองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อาจารย์น้อยผู้นั้นนั่งหลับไปแล้ว มีเพียงเสียงกรนเบาๆ

นางยิ้มอย่างปลื้มใจ ความเป็นตัวของตัวเองและความใจกว้างนี้ของอาจารย์น้อย มองดูเหมือนไม่พิถีพิถัน แต่ในสายตาของนางกลับไม่เป็นรองเหล่าวีรชนผู้กล้าในโลกที่ ‘สิบก้าวฆ่าหนึ่งคน เดินทางพันลี้ไม่หยุดยั้ง’ เลยแม้แต่นิดเดียว

เทพวารีลำคลองหมายเหอผู้นี้ครุ่นคิดแล้วก็เตรียมจะเดินไปแบกเฉินผิงอันพาไปพักผ่อนที่ห้องรับรอง เผยเฉียนกลับตั้งท่าเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ รีบมาปกป้องอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ถามว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เจ้าแม่เทพวารีมองค้อน “หรือจะให้เขานอนอยู่ตรงนี้จนตะวันแยงตาล่ะ? ถึงอย่างไรก็น่าจะให้เขาได้นอนบนเตียงใหญ่ที่สบายหน่อย ไม่อย่างนั้นจวนปี้โหยวของข้าจะยังมีหน้าต้อนรับแขกคนใดได้อีก”

เผยเฉียนร้องอ้อหนึ่งที เอ่ยกำชับว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าระวังหน่อย อย่าทำเสียงดังให้พ่อข้าตื่น”

ขณะเดียวกันเผยเฉียนยังหยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ขึ้นมาห้อยไว้ตรงเอวของเฉินผิงอันอย่างระมัดระวัง

หากทำน้ำเต้าบรรจุเหล้าใบนี้หาย เกรงว่าหากนางไม่ถูกเฉินผิงอันตีตายก็คงถูกเขาด่าตายแน่

ช่วยไม่ได้ สำหรับในหัวใจของเฉินผิงอันแล้ว นางเป็นคนที่ไม่มีค่ามากที่สุด

เจ้าแม่เทพวารีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคำเรียกขานของเด็กหญิง นางย่อมมองออกว่า อาจารย์น้อยเฉินไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเด็กหญิง ส่วนข้อที่ว่าเหตุใดหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กถึงได้จับคู่กันเดินทางหาประสบการณ์อยู่ในยุทธภพ คาดว่าคงเป็นโชควาสนากระมัง วาสนามีพบมีพราก มีมาและจากไป มหัศจรรย์จนไม่อาจหาคำพูดมาบรรยายได้ ก็เหมือนกับคืนนี้จนถึงเช้านี้ ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่าเฉินผิงอันที่เพิ่งมาเยือนจวนปี้โหยวครั้งแรกจะนำพาโชควาสนายิ่งใหญ่ขนาดนี้มาให้นาง? ต้องรู้ว่าบนเส้นทางแห่งเทพ แทบจะพึ่งพาได้แค่การสะสมควันธูปในแต่ละวันแต่ละเดือนอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวแล้ว การเลื่อนขั้นยากยิ่งกว่ามาก ลองจินตนาการดู การเลื่อนขั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำ นอกจากการแต่งตั้งจากทางราชสำนัก พระราชโองการจากฮ่องเต้ ใช้โชคชะตาแห่งแคว้นแลกมาด้วยตำแหน่งสูงขององค์เทพบางองค์แล้ว ก็ได้แต่ค่อยๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย เก็บเอาแก่นควันธูปหนึ่งเฉียน หนึ่งตำลึง หนึ่งจินมาจากชายหญิงผู้มีจิตศรัทธาที่มาจุดธูปในศาล

เจ้าแม่เทพวารีเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล แบกคนหนุ่มที่เมาได้เรียบร้อยที่สุดในใต้หล้าขึ้นมา เขาตัวไม่หนัก และนางเองก็ไม่ได้ใช้วิชาอภินิหารย่อพื้นที่ให้ไปถึงเรือนเล็กโดยตรง แต่แบกเฉินผิงอันค่อยๆ เดินไปทีละก้าว สำหรับเจ้าแม่เทพวารีที่มีนิสัยใจร้อนแล้ว นี่ถือว่าเป็นความอดทนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นางอยากรู้อย่างยิ่งว่า ในท้องคนหนุ่มผู้นี้บรรจุความรู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไว้ได้อย่างไร เหตุใดถึงถูกท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งและฉีจิ้งชุนมองเป็นผู้สืบทอดสายบุ๋น ตอนนั้นเขาน่าจะเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?

หากได้สัมผัสกับหลักการเหตุผลตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กหนุ่ม ถ้าอย่างนั้นเขาต้องมีชาติกำเนิดที่ดีแค่ไหน ต้องมีพรสวรรค์ที่ดีเท่าไหร่ถึงจะได้? หรือว่าเขาจะเป็นลูกรักสวรรค์ในตำนานที่บอกว่าเป็นดวงวิญญาณเทพลงมาจุติ เกิดมาก็รอบรู้?

แต่พอคิดอย่างนี้นางกลับรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ผู้มีพรสวรรค์แบบใดบ้างที่ท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน เขาน่าจะไม่ได้ไร้รสนิยมถึงขนาดนั้น

เผยเฉียนเดินอยู่ข้างเจ้าแม่เทพวารี คอยแหงนหน้ามองประเมินสีหน้าของอีกฝ่ายตลอดเวลา พอเห็นว่าเจ้าของจวนแห่งนี้มีรอยยิ้มประหลาด ในที่สุดเด็กหญิงก็อดไม่ไหวถามว่า “เจ้าคงไม่ได้ชอบพ่อข้าหรอกกระมัง?”

เจ้าแม่เทพวารีส่ายหน้าพูดเสียงอ่อนโยน “ไม่หรอก ข้าทั้งไม่ชอบ แล้วก็ทั้งรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร หากจะต้องเลือกบัณฑิตคนหนึ่งบนโลกมาเป็นสามีที่พึ่งพากันไปจนแก่เฒ่าจริงๆ ข้าคงจะชอบคนอย่างวิญญูชนเนื้อตัวสกปรกคนนั้นมากกว่า แต่งงานกับผู้ชายแบบเขาถึงจะมีชีวิตอยู่ร่วมกันไปได้ กับคุณชายเฉินผู้นี้ ยาก”

หากนางบอกว่าชอบเฉินผิงอัน เผยเฉียนจะต้องโกรธ แต่พอได้ยินเทพวารีลำคลองหมายเหอบอกว่าไม่ชอบ นางกลับยิ่งโกรธเข้าไปอีก หลุดปากพูดไปว่า “เจ้ามันตาบอด!”

อ่านนิยาย

เจ้าแม่เทพวารีหันมามองเด็กหญิงที่ถลึงตาปูดโปนด้วยความโมโหแล้วเอ่ยกลั้วยิ้ม “โอ้โห หรือว่าสตรีใต้หล้าทุกคนล้วนต้องชอบเฉินผิงอัน ถึงจะเรียกว่าไม่ตาบอด?”

เผยเฉียนแค่นเสียงหึ สีหน้าเย่อหยิ่งประมาณว่า ‘สตรีผมยาวความรู้สั้นอย่างเจ้า ข้าไม่มัวเปลืองน้ำลายพูดด้วยหรอก’

เดิมทีเจ้าแม่เทพวารีก็อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอเห็นท่าทางนี้ของเผยเฉียนก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ส่วนเผยเฉียนที่รู้สึกว่าโดนดูถูกกลับยิ่งโมโหหนักกว่าเก่า “หัวเราะอะไร พ่อข้าคือผู้มีพระคุณของเจ้า ข้าคือลูกสาวของเขา ข้าก็คือผู้มีพระคุณน้อยของเจ้า หัดให้ความเคารพกันเสียบ้าง!”

ฝีเท้าของเจ้าแม่เทพวารีแผ่วเบาว่องไว นางถามเบาๆ ว่า “ไม่อย่างนั้นให้ข้ามอบของขวัญขอบคุณเจ้าสักชิ้นดีไหม?”

เผยเฉียนดวงตาเป็นประกาย เพียงแต่ไม่นานก็หม่นแสงลง พูดอย่างมีอารมณ์แต่ไร้กำลังว่า “ช่างเถิด เจ้ามอบให้เฉินผิงอันเองก็แล้วกัน ข้าไม่กล้ารับของขวัญส่งเดช ไม่อย่างนั้นพอเขาตื่นขึ้นมาต้องรังเกียจที่ข้าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ไม่รู้จักมารยาทเป็นแน่ ความหวังดีกลับถูกมองเป็นประสงค์ร้าย ข้าจะต้องหาเรื่องลำบากใส่ตัวไปทำไม? เจ้าว่าไหม?”

เจ้าแม่เทพวารีกลั้นหัวเราะอยู่นานกว่าจะสำเร็จ ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่เป็นไร ข้าย่อมต้องมีของขวัญล้ำค่ามอบให้เฉินผิงอันอยู่แล้ว ส่วนเจ้าน่ะ ในเมื่อเจ้าเป็น ‘ลูกสาวของเฉินผิงอัน’ ข้าในฐานะผู้อาวุโส พบเจอกันครั้งแรก มอบของบางอย่างให้เจ้า ต่อให้เจ้าแอบเก็บไว้ ไม่ให้เฉินผิงอันเห็น แต่อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ แล้วก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดใหญ่หลวงอะไรด้วย อีกอย่างเจ้าไม่ได้เอาไปทำเรื่องชั่วร้ายสักหน่อย หลังจากนี้หากเฉินผิงอันรู้เข้า อย่างมากก็แค่ด่าเจ้าไม่กี่คำ ไม่เจ็บไม่คัน จะต้องกลัวอะไร?”

เผยเฉียนแอบหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หลุดหัวเราะพรืด “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เอาไปทำเรื่องชั่วร้าย? ข้าน่ะชั่วจะตายไป หากข้าได้สมบัติตระกูลเซียนที่ร้ายกาจอย่างถึงที่สุดมาครอง หรือได้เรียนเวทคาถาของเทพเซียนที่ยอดเยี่ยม ข้าเห็นใครไม่ถูกชะตา เจอหน้าก็จะหักกระดูกพวกเขาให้ลั่นดังกร๊อบ แม้แต่เฉินผิงอันก็ขวางไม่อยู่! แต่ว่าน่ะ หากถึงเวลานั้นเฉินผิงอันสู้ข้าไม่ได้ ข้าก็จะเห็นแก่หน้าของเขาสักหน่อย จะฆ่าๆๆ ก็ต่อเมื่อข้าอยู่เพียงลำพังคนเดียว ยกตัวอย่างเช่นเจ้าชั่วแซ่จู เจ้าแก่สารเลวผู้นั้น แล้วก็ยังมีนังคนที่ชื่อ ‘โย่วเปียน’ ผู้หญิงหน้าเหม็นที่ตีหน้าเคร่งทั้งวัน ข้าก็ยิ่งฆ่าได้รวดเร็วว่องไว เหมือนเวลาที่ข้าหิวแล้วกินข้าว เพียงพริบตาเดียวก็ต้องให้เฉินผิงอันเติมข้าวถ้วยใหญ่ให้ข้าเพิ่มอีกถ้วย!”

เด็กหญิงยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ดี

แต่เจ้าแม่เทพวารีที่ฟังอยู่กลับอกสั่นขวัญแขวน

จนกระทั่งบัดนี้นางถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าข้างกายเฉินผิงอันมีตัวประหลาดน้อยแบบไหนกันแน่

เปรียบเทียบการฆ่าคนว่าเหมือนการกินข้าว อีกทั้งยังไม่ใช่คำพูดเหลวไหลอย่างเด็กน้อยที่ไม่รู้ความ

เจ้าแม่เทพวารีเอ่ยสัพยอก “พอเถอะน่า เลิกประจบสอพลอได้แล้ว เฉินผิงอันหลับไปแล้วจริงๆ”

เผยเฉียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หันกลับไปมองเฉินผิงอันแวบหนึ่งถึงได้ลุกขึ้นยืน หัวเราะคิกคักกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็พาข้าไปงีบหน่อย ข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว แต่จำไว้ว่าถ้าพ่อข้าตื่นเมื่อไหร่ต้องรีบไปบอกข้าทันที พวกเรายังต้องรีบเดินทางกันต่อ ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังฟ้าสางจะออกเดินทางพร้อมกับขบวนใหญ่ พ่อข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเสมอ”

เจ้าแม่เทพวารีนับถือเจ้าตัวน้อยแก่แดดผู้นี้จนหมดใจจริงๆ หลังจากพาเผยเฉียนเดินออกจากห้อง นางก็ถามอย่างใคร่รู้ “ขบวนใหญ่? หมายความว่าไง?”

เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเล่าถึงสถานการณ์ของขบวนเดินทางตระกูลเหยาให้นางฟังคร่าวๆ

เจ้าแม่เทพวารีพยักหน้ารับ “ไม่มีปัญหา พวกเจ้านอนหลับให้สบายใจสักสองชั่วยาม เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำเหมือนเมื่อคืน แปบเดียวก็พาพวกเจ้าไปส่งถึงลำคลองหมายเหอตอนบนแล้ว”

เผยเฉียนถึงได้วางใจ ติดตามสตรีรูปร่างเหมือนฟักแคระที่มีเงินอย่างยิ่งผู้นี้ไปยังที่พักของตัวเอง ซึ่งก็คือเรือนแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน ปากก็หาข้อตำหนิไปเรื่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ ทว่าในใจกลับอิจฉาตาร้อนจะตายอยู่แล้ว ในใจคิดว่าวันหน้าเมื่อตนมีเงินเยอะๆ เมื่อไหร่จะต้องซื้อบ้านหลังใหญ่แบบนี้ แล้วก็ต้องมีเรือนที่หรูหราโอ่อ่าแบบนี้ แถมยังต้องใช้เงินใช้ทองปูพื้น แล้วก็แปะยันต์กระดาษสีเหลืองให้เต็มห้องด้วย

พาเฉินผิงอันและเด็กหญิงที่เจ้าเล่ห์แสนกลไปพักเรียบร้อย

เจ้าแม่เทพวารีก็เดินก้าวหนึ่งออกไปนอกประตูใหญ่ของจวนปี้โหยว แหงนหน้ามองป้ายที่แขวนหน้าจวนด้วยสายตาเหม่อลอย

ก่อนจะเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว พริบตาเดียวก็มาถึงในศาลเทพวารีที่บูชาร่างทองของนางอยู่ เหลืออีกประมาณหนึ่งเค่อก่อนที่ประตูใหญ่จะเปิดรับเหล่าผู้มีจิตศรัทธา นางเดินก้าวยาวๆ เข้าไปในตำหนักหลัก

ก่อนหน้านี้นางสร้างโอสถทองได้สำเร็จ ฟ้าดินจึงเกิดภาพปรากฎการณ์ผิดปกติ เป็นเหตุให้คนหลายร้อยคนนอกประตูใหญ่ที่มารอจุดธูปพากันก้มหน้ากราบกรานด้วยความจริงใจอย่างถึงที่สุด จิตของนางที่อยู่ในจวนปี้โหยวห่างไปไกลสัมผัสได้ จึงพอจะมีความเข้าใจต่อควันธูปที่บูชาเทพเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

ร่างทองดินเหนียวที่ตั้งวางอยู่บนแท่นบูชาในห้องโถงใหญ่กลับคืนมาเป็นสภาพเดิมแล้ว ไม่ได้ส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สาดสะท้อนไปทั่วลำคลองหมายเหออีก อันที่จริงเทวรูปนี้เหมือนตัวจริงนางแค่สี่ห้าส่วนเท่านั้น อีกทั้งเรือนกายของเทวรูปยังเป็นสตรีที่อรชรอ้อนแอ้น ชายแขนเสื้อพลิ้วปลิวสะบัด มีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ประหนึ่งเทพที่ห่มอาภรณ์สวรรค์ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเสมือนจริง

นางรู้สึกมาโดยตลอดว่ารูปปั้นนี้ไม่ใช่ตัวเองซะเลย งดงามเกินรูปโฉมจริงของนางไปมาก เพียงแต่ว่านี่ก็คือกฎในการสร้างเทวรูปในศาลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาและแม่น้ำ คนเฝ้าศาลคนแรกสุดของศาลเทพวารีแห่งนี้คือสตรีแต่งงานแล้วคนหนึ่ง หลังจากที่จมน้ำได้ถูกนางช่วยเหลือเอาไว้ จึงยินดีสละสถานะเศรษฐีร่ำรวยในโลกมนุษย์มาทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าศาลให้นางอย่างเต็มอกเต็มใจยิ่ง ทำหน้าที่ครั้งหนึ่งก็นานถึงห้าสิบปี จากสตรีแต่งงานแล้วยังสาวก็ค่อยๆ กลายมาเป็นหญิงชราผมขาว เพราะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตนจึงมีอายุอยู่ได้แค่แปดสิบปีก็ลาจากโลกนี้ไป แล้วก็เป็นเพราะคนเฝ้าศาลผู้นี้ขยันมุมานะเดินทางไปทั่วทิศ ช่วยรับศิษยานุศิษย์ให้กับตน คอยเปิดโรงทานแจกโจ๊กช่วยเหลือชาวบ้านปีแล้วปีเล่า ก่อนจะจากไป หญิงชรากุมมือที่นิ้วเรียวยาวงดงามดุจหยกมันแพะของเจ้าแม่เทพวารีเอาไว้ พูดกลั้วหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งว่าเจ้าแม่ยังคงงดงามถึงเพียงนี้ เทวรูปร่างทองนั้นเป็นเพราะช่างฝีมือไม่ถึง แกะสลักได้ไม่ถึงหนึ่งในหมื่นความงามของเจ้าแม่เลย เป็นคนเฝ้าศาลอย่างนางที่ทำงานไม่ดี สุดท้ายหญิงชราถามประโยคหนึ่งกับเจ้าแม่เทพวารีด้วยน้ำตานองหน้า ประโยคที่มีแค่สี่คำเท่านั้น “บาปกรรมหายไปบ้างไหม?”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!