เฉินผิงอันเอ่ยขออภัยทหารเก่าแก่ตระกูลเหยาสองคนนั้น ทหารเก่าแก่ทั้งสองหัวเราะร่า คนหนึ่งในนั้นรีบโบกมือบอกว่าคุณชายเฉินเกรงอกเกรงใจกันเช่นนี้ เห็นตัวเองเป็นคนนอกเกินไปแล้ว รับมิได้ๆ
สายตาที่เหยาเซียนจือมองเฉินผิงอันเหมือนสายตาที่มองแม่ทัพบู๊ผู้มีคุณูปการซึ่งกลับมาจากสนามรบพร้อมกับชัยชนะ ทำเอาเฉินผิงอันงุนงงไม่เข้าใจ
คนทั้งกลุ่มขี่ม้าไล่ตามขบวนใหญ่ไป เผยเฉียนนั่งบนหลังม้าตัวเดียวกับเฉินผิงอัน เด็กหญิงมีความสุขอย่างมาก ส่วนทางฝ่ายแม่ทัพผู้เฒ่าเหยาเจิ้นก็ได้บอกให้ขบวนรถม้าเดินทางกันไปช้าๆ ดังนั้นเพียงไม่นานเฉินผิงอันก็มองเห็นเงาร่างของขบวนใหญ่
เมื่อได้พักผ่อนรักษาตัวในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้รับยาวิเศษจากองค์ชายท่านหนึ่ง บาดแผลฉกรรจ์ของเหยาเจิ้นที่ถูกนักฆ่าทำร้ายจึงแทบจะหายสนิทแล้ว อีกทั้งการเดินทางขึ้นเหนือในวันนี้ยังชะลอฝีเท้าม้า เมื่อได้รับความเห็นชอบจากเหยาจิ้นจือ เขาจึงออกจากรถม้ามาขี่ม้าแทน ถึงอย่างไรก็เป็นผู้เฒ่าที่เข่นฆ่าสังหารอยู่บนหลังม้ามาเกินครึ่งชีวิต ตอนที่ยังเป็นหนุ่มก็เคยชินกับการเร่งกรีฑาทัพด้วยระยะทางอันยาวไกลอยู่แล้ว ต่อให้นอนหลับบนหลังม้าก็ไม่มีทางร่วงลงมา วันนี้ได้ขี่ม้าเคียงข้างเฉินผิงอัน ทิวทัศน์ข้างทางก็งดงามชวนให้คนมองสบายตา ได้พูดคุยกับผู้มีพระคุณน้อยของเขา อีกฝ่ายเล่าเรื่องทัศนียภาพในศาลเทพวารีลำคลองหมายเหอให้ฟัง เหยาเจิ้นจึงอารมณ์ดีมาก หัวเราะเสียงดังกังวานอย่างสดชื่น
เฉินผิงอันขอให้แม่ทัพผู้เฒ่าช่วยขอแผนที่ของช่วงลำคลองหมายเหอจากทางการมาให้เขาแผ่นหนึ่ง เหยาเจิ้นไม่ถามไถ่สักคำก็รับปากทันที
เผยเฉียนถูกเฉินผิงอันไล่ให้เข้าไปนั่งในรถม้าแล้ว ได้อยู่ร่วมห้องโดยสารกับสุยโย่วเปียนอีกครั้ง ฝ่ายหลังนั่งขัดสมาธิหลับตา วางกระบี่พาดขวางไว้บนหัวเข่า แผ่กลิ่นอายของความเคร่งขรึมจริงจัง
เผยเฉียนไม่เคยชอบผู้หญิงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งผู้นี้เลย เห็นใครก็ทำท่าเหมือนว่าคนอื่นติดเงินนางหลายสิบตำลึงอย่างนั้นแหละ วันๆ เอาแต่ทำหน้าบูดหน้าบึ้งให้ใครดูกัน ระวังเถอะปีหน้าจะกลายเป็นยายแก่หน้าย่น
ก่อนเผยเฉียนจะเข้าไปในห้องโดยสารได้ขอพู่กันด้ามเล็กกับกระดาษเซวียนจื่อพวกนั้นมาจากเฉินผิงอัน เวลานี้นางจึงนั่งอยู่ในมุม เปิดห่อผ้าแพรออก เอาสมบัติชิ้นใหม่ใส่ไว้ในห่อผ้าอย่างระมัดระวัง ดึงตำราเล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยยับย่นออกมาจากด้านล่างสุด ชำเลืองตามองรองเท้าหุ้มแข้งคู่หนึ่งที่อยู่ในห่อผ้า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งซื้อได้ไม่นาน แต่กลับเต็มไปด้วยดินโคลน นางแลบลิ้น รีบเก็บเข้าห่อผ้า ไม่กล้าให้ใครเห็น
จากนั้นก็ทิ้งตัวนอนหงาย สองมือที่ชูขึ้นสูงของเผยเฉียนถือตำราเล่มเก่าที่เสียหายอย่างหนักเล่มนั้นพลิกเปิดกลับไปกลับมาอยู่นาน สุดท้ายก็วางลงบนหน้าแล้วหลับสนิทไป
ก่อนจะหลับ เด็กหญิงคิดถึงคำพูดของเจ้าหมอนั่น เขาบอกนางว่าวันหน้าต้องตั้งใจเรียนหนังสือ อย่าเอาแต่ทุ่มเทกำลังไปที่การท่องตำราเพียงอย่างเดียว นางคิดแล้วก็รู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยเกินไป พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำได้แน่นอน เพียงแต่พอคิดว่ามีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘พรุ่งนี้ของพรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มีมากแค่ไหน’ นางก็อารมณ์ดีจนแทบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา
วันนี้เด็กหญิงนอนหลับสนิทฝันหวานเป็นพิเศษ
สุยโย่วเปียนลืมตาดอกท้อเรียวยาวคู่นั้นขึ้น พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นานนางก็ยกฝ่ามือขึ้นโบกเบาๆ ตบลมปราณขุมนั้นให้แหลกสลายไปในเสี้ยววินาที
คนสี่คนในม้วนภาพวาด นอกจากเว่ยเซี่ยนน้ำเต้าตันที่เดินออกมาจากกรงขังภาพวาดก่อนใครแล้ว คนอื่นๆ อีกสามคนล้วนมาเยือนใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ในวันเดียวกัน
จูเหลี่ยนเดินไปบนเส้นทางของวิชาหมัดนอกขั้นสูงสุด พอเดินไปถึงยอดบนสุดของการเรียนวรยุทธ์แล้วถึงได้เปลี่ยนจากนอกมาเป็นใน ไม่อย่างนั้นคนบ้าคลั่งวรยุทธ์ที่ถูกติงอิงสังหารกับมือผู้นี้ก็คงไม่คิดจะใช้กำลังของคนคนเดียวสังหารปรมาจารย์ใหญ่ที่เหลืออีกเก้าคน ศึกวุ่นวายที่โหดร้ายจนมิอาจทนมองครั้งนั้น จุดที่น่ากลัวที่สุดของจูเหลี่ยนอยู่ที่ว่ายิ่งเขาบาดเจ็บสาหัสเท่าไหร่ พลังสังหารเวลาที่ลงมือก็ยิ่งแกร่งกร้าวมากเท่านั้น แม้ว่าติงอิงจะโชคดีรอดชีวิตมาได้จนถึงท้ายที่สุด อีกทั้งยังได้กวานดอกบัวสีเงินบนศีรษะของจูเหลี่ยนไปครอง ทว่าตลอดชีวิตของติงอิงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลกลับไม่เคยพูดถึงศึกในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนครั้งนั้นกับใคร ไม่แน่ว่าในเหตุการณ์ครั้งนั้นอาจมีความลี้ลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่างซ่อนอยู่
หลูป๋ายเซี่ยงมีพรสวรรค์เลิศล้ำ ไม่ว่าอะไรก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเรียนรู้ได้อย่างถึงแก่น ดังนั้นบนเส้นทางของการเรียนวรยุทธ์ เขาจึงเป็นดั่งมหาสมุทรที่รับมวลน้ำจากแม่น้ำร้อยสาย ข้อนี้คล้ายคลึงกับติงอิงบุคคลอันดับหนึ่งในรุ่นหลังของพื้นที่มงคลดอกบัวอย่างมาก เพียงแต่ว่าความทะเยอทะยานของหลูป๋ายเซี่ยง หรือควรจะพูดว่าปณิธานของเขานั้นไม่ได้บ้าคลั่งอย่างบริสุทธิ์เฉกเช่นติงอิง เป็นเหตุให้หลังจากปีนั้นก่อตั้งลัทธิมารแล้ว เขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสันโดษเพียงลำพัง ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทิศ ถึงได้ตกอยู่ในวงล้อมสังหาร เพียงแต่ว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์ของฝ่ายธรรมะที่เข้าร่วมการล้อมปราบปรามที่อบอวลไปด้วยคาวเลือด สุดท้ายขอบเขตถดถอยในศึกใหญ่ครั้งนั้น ลึกๆ ในใจของพวกเขาก็ยังอดรู้สึกเลื่อมใสหลูป๋ายเซี่ยงไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่หลงเหลือให้เป็นที่กล่าวถึงในยุทธภพ ก็คือคนสองคนที่ยอมสู้ตายอย่างไม่เลิกราในศึกใหญ่ครั้งนั้น พวกนางล้วนเป็นเทพธิดาจากสำนักมีชื่อเสียงที่หลงรักหลูป๋ายเซี่ยง คาดว่าที่พวกนางทำอย่างนั้นก็เพราะยอมตายเพื่อความรัก
วิถีวรยุทธ์ของเว่ยเซี่ยนหาได้ยากที่สุด เกิดมาก็มีพรสวรรค์ของคนที่เมื่ออยู่ในสนามรบหมื่นศัตรูก็มิอาจต้านทาน เชี่ยวชาญในการรับมือกับการล้อมสังหาร หนึ่งคนบุกทะลวงขบวนรบ ที่ใดที่มีมรรคา แม้พันหมื่นคนต่อต้าน ข้าก็ยังแสวงหาจะมุ่งหน้าไป เกร็ดพงศาวดารและเรื่องเล่าน่าสนใจในยุทธภพในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยนผู้นี้แทบจะไม่มีบันทึกที่เกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าสังหารตัวต่อตัวเลย
ส่วนนางสุยโย่วเปียน ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือสภาพจิตใจ อันที่จริงล้วนเหมือนผู้ฝึกบำเพ็ญตนในใต้หล้าไพศาลมากกว่า ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่ปรารถนาใน ‘ปลายทาง’ อะไร
แม้ว่าช่วงนี้สุยโย่วเปียนจะเก็บตัวอยู่ในสถานที่แคบๆ ตลอดเวลา แต่จุดที่สายตาของนางมองไปเห็นอย่างแท้จริงก็ยังคงไม่ใช่โลกมนุษย์ แต่เป็นบนแผ่นฟ้า
ตอนนี้นางพยายามทดลองฝึกวิชากระบี่ที่เสี่ยงอันตรายมากวิชาหนึ่ง ตอนอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวที่ปราณวิญญาณเบาบาง ความคิดนี้เป็นดั่งการสร้างหอเรือนกลางอากาศ แต่เมื่ออยู่ในใต้หล้าไพศาลกลับแตกต่างออกไป
ขั้นตอนนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับการ ‘เติมเต็มมหาสมุทร’ ของผู้ฝึกยุทธ์ เพียงแต่ว่าตัวนางเองกลับมีบางอย่างที่แตกต่าง นางกำลังจุดไฟกระพือลมอยู่ในช่วงระหว่างเอวและซี่โครง สร้างเตาหลอมกระบี่ขึ้นมาด้วยตัวเอง ใช้ความอบอุ่นหล่อเลี้ยงปราณกระบี่เฮือกหนึ่ง เลียนแบบลมปราณที่แท้จริงหนึ่งเฮือกของผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่ว่ายวนดุจมังกรเพลิงตรวจตราไปสี่ทิศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!