กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 360

กระบี่จงมา – บทที่ 360.3 คิดถึงเฉินผิงอัน ( จบภาค 5 )
สีหน้าของเจียงซ่างเจินแข็งค้าง เอียงศีรษะ ยื่นมือมาขยี้ใบหน้าตัวเองแรงๆ

เฉินผิงอันหนอเฉินผิงอัน เจ้าอย่าได้ใช้น้ำเสียงผ่อนคลายเช่นนี้พูดถึงสหายที่บอกว่า ‘เวทกระบี่สูงกว่าอาเหลียง’ ได้หรือไม่?!

เฉินผิงอันเองก็จับความคิดของอีกฝ่ายได้จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ ความแค้นระหว่างข้ากับหนุ่มปักบุปผาโจวซื่อและยาเอ๋อร์แห่งลัทธิมาร ไม่เกี่ยวกับเจ้าสักเท่าไหร่ อีกอย่างต่อให้ข้าไปขอร้องจั่วโย่ว เขาก็ไม่มีทางรับปากข้าว่าจะออกกระบี่ใส่เจ้าเจียงซ่างเจินจริงๆ”

จั่วโย่วที่บอกว่าตัวเองคือศิษย์พี่ใหญ่

ต้องบีบจมูกกลั้นใจถึงจะยอมรับว่าตนคือ ‘ศิษย์น้องเล็ก’

วางใจกะผีน่ะสิ!

เจียงซ่างเจินไม่ได้เชื่อคำพูดนี้ของเฉินผิงอันจริงๆ อีกอย่างเซียนกระบี่ที่ชื่อว่า ‘จั่วโย่ว’ ผู้นั้นยังต้องใช้เหตุผลในการออกกระบี่อีกหรือ? คาดว่าหากเขาอารมณ์ไม่ดีก็คงปล่อยกระบี่ฟันใส่ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของสำนักกุยหยกเลยกระมัง? เจ้าเฉินผิงอันไม่ลองไปถามความรู้สึกตอนนี้ของตาเฒ่าสารเลวสำนักใบถงผู้นั้นดูเล่า? หลังจากรับไปหนึ่งกระบี่แล้ว เพื่อให้ไม่ต้องรับกระบี่ที่สอง แม้แต่หน้าแก่ๆ เขาก็ยังไม่ต้องการแล้ว!

เจียงซ่างเจินตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าวันหน้าอยู่ให้ห่างเฉินผิงอันหน่อยจะดีกว่า

รับขวดที่บรรจุโอสถปีศาจมาแล้ว เฉินผิงอันไม่พูดไม่จาก็รีบเก็บมันลงไปในวัตถุฟางชุ่นทันที

เจียงซ่างเจินเอ่ยเบาๆ ว่า “ขวดนี้ถือว่าเป็นสมบัติอาคมที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง ถือซะว่าเป็นของขวัญชดเชยของสกุลเจียงข้าแล้วกัน ส่วนวันหน้าเจ้ากับโจวซื่อจะได้เจอกันหรือไม่ เจอกันแล้วจะทำอย่างไร วันหน้าค่อยว่ากันเถอะ”

เผยเฉียนชำเลืองตามองเฉินผิงอันและเจ้าหมอนั่นครั้งหนึ่งก็ไม่มองอีก

ขบวนรับเจ้าสาวของเทพภูเขาคือครั้งแรก ยื่นมือชี้ไปยังเรือข้ามฟากที่ลอยอยู่เหนือศีรษะคือครั้งที่สอง เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสามครั้ง

เผยเฉียนมองเห็นคนทั้งสองจึงอดจะมองเพิ่มอีกไม่ได้ ทว่าลู่ยงกับเว่ยเซี่ยนสี่คนกลับมองไม่เห็นจึงไม่คิดจะมองอีก

ครู่หนึ่งต่อมาสองร่างก็กลับมาปรากฏอยู่ข้างกายทุกคนอีกครั้ง

เฉินผิงอันเดินนำขึ้นเรือไปก่อน เผยเฉียนรีบตามไปทันที คนทั้งสี่ตามหลังมาติดๆ

หลังจากขึ้นเรือข้ามฟากมาแล้ว เฉินผิงอันก็หันกลับไปกุมหมัดคารวะเจียงซ่างเจิน “คนละเรื่องไม่เอามาปนกัน ขอบคุณมาก”

เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม กี่ปีมาแล้วที่ไม่เคยรู้สึกโล่งอกขนาดนี้?

ผู้ดูแลของตำหนักพยัคฆ์เขียวมารออยู่ตรงหัวเรือนานแล้ว จึงนำทางพาพวกเฉินผิงอันเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของเรือข้ามฟากอย่างระมัดระวัง

เจียงซ่างเจินยังคงมองเรือข้ามฟาก เงียบงันไปเป็นนาน

ลู่ยงจึงได้แต่ยืนเหม่อเป็นเพื่อนเจ้าประมุขสกุลเจียงผู้นี้ด้วย

เดิมทีเรือข้ามฟากก็รอแค่กลุ่มของเฉินผิงอันอยู่แล้ว เพียงไม่นานก็ทะยานขึ้นฟ้าช้าๆ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

เจียงซ่างเจินถอนสายตากลับมา พูดเบาๆ ว่า “แขกสูงศักดิ์มาเยือนถึงบ้าน ตำหนักพยัคฆ์เขียวของพวกเจ้าไม่คิดจะมอบอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เฉินเซียนซือบ้างหรือ?”

หัวใจของลู่ยงบีบรัดตัวแน่น พูดอย่างรู้กาลเทศะว่า “นั่นย่อมแน่อยู่แล้ว ต้องมอบๆ เพียงแต่หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะช่วยชี้แนะว่าควรจะมอบอะไรให้จึงจะเหมาะสม?”

เจียงซ่างเจินหัวเราะเสียงเย็น “อะไรที่มีค่าก็มอบสิ่งนั้น จะดีจะชั่วก็เป็นก่อกำเนิดคนหนึ่ง ยังต้องให้ข้าสอนเจ้าเรื่องมอบของขวัญอีกหรือ?”

ลู่ยงกัดฟัน พูดอย่างระมัดระวัง “หากเฉินเซียนซือปฏิเสธ ตำหนักพยัคฆ์เขียวควรจะทำอย่างไร?”

เจียงซ่างเจินหันหน้ากลับไป สายตาเย็นชา “ก็ร้องไห้ โวยวาย แขวนคอตายซะสิ คนเขาจะไม่ยอมรับเชียวหรือ? ใต้หล้านี้หลอกเงินคนอื่นเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มอบเงินให้คนอื่นยังจะยากอีกหรือ? หากเรื่องเล็กๆ แค่นี้ตำหนักพยัคฆ์เขียวยังทำไม่ได้ เจ้าที่เป็นเจ้าตำหนัก ทำไมไม่ไปตายซะเลยล่ะ?”

ลู่ยงเหงื่อท่วมโซมกาย “ผู้อาวุโสสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ข้ารู้แล้วว่าควรทำเช่นไร”

เจียงซ่างเจินแค่นเสียงเย็นหนึ่งที “ไม่ว่าเจ้าลู่ยงจะมอบอะไรไป หลังจากนั้นให้กลับมาบอกราคาแก่ข้า ข้าจะชดใช้คืนให้กับตำหนักพยัคฆ์เขียวเป็นสองเท่า”

ลู่ยงเพิ่งจะวางแผนได้สำเร็จ

คิดไม่ถึงว่าเจียงซ่างเจินจะหรี่ตาลง พูดด้วยสีหน้ามืดทะมึน “อย่ามาทำตัวอวดฉลาดกับข้าในเรื่องเละเทะประเภทนี้ เป็นเงินเท่าไหร่ก็บอกมาเท่านั้น เจ้าลู่ยงและตำหนักพยัคฆ์เขียวยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะทำให้ข้าเจียงซ่างเจินติดค้างน้ำใจได้”

ลู่ยงรีบพยักหน้ารัวๆ เหมือนไก่จิกเมล็ดข้าวสาร

เจียงซ่างเจินพลันหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง แล้วตบไหล่ของลู่ยง พูดด้วยสีหน้าเมตตาปราณี “เมื่อครู่นี้ข้าคิดเรื่องหนึ่งจนกระจ่างแจ้ง ดังนั้นข้าจึงวางแผนว่าจะอยู่ที่ตำหนักพยัคฆ์เขียวนานอีกหนึ่งวัน เจ้าเลือกลูกศิษย์ที่เข้าท่าเข้าทีมาสักสองสามคน ข้าจะช่วยอธิบายเรื่องการฝึกตนให้พวกเขาฟังเอง หากในบรรดาคนเหล่านี้มีตัวอ่อนที่ดีในการฝึกตน ข้าจะมอบรายชื่อหนึ่งให้คนของตำหนักพยัคฆ์เขียวได้ไปที่พื้นที่มงคลถ้ำเมฆา อืม อย่าลืมล่ะว่าหากหน้าตาเหมือนแตงเบี้ยวเหมือนพุทราแตก ต่อให้พรสวรรค์ดีแค่ไหนก็อย่าเอามาให้ขัดหูขัดตาข้า การถ่ายทอดวิชาความรู้ ไขข้อข้องใจให้คนอื่นนั้น ยังต้องพิถีพิถันในเรื่องสบายตาสบายใจด้วย”

ในใจลู่ยงปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็คารวะขอบคุณด้วยความจริงใจ “พระคุณยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโส ลู่ยงจะจดจำให้ขึ้นใจ!”

บนเส้นทางของการฝึกตน ความโชคดีมาพร้อมกับโชคร้ายเสมอ

โชคร้าย จะแบกไหวหรือไม่ โชคดี จะรับไว้อยู่มือหรือไม่

ล้วนเป็นการฝึกตนของตน

ยกตัวอย่างเช่นต่อให้เป็นเทพเซียนบนยอดเขาอย่างเจียงซ่างเจิน หากเปลี่ยนไปเป็นโจวเฝยที่มีสถานะเป็นเจ๋อเซียน เมื่อเจอกับติงอิงที่เกิดจิตสังหารก็ได้แต่ตายอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวอยู่ดี

……

หลังจากเดินขึ้นไปยังชั้นบนของเรือข้ามฟากแล้ว คนทั้งหกต่างก็มีห้องพักชั้นหนึ่งเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าห้องที่เฉินผิงอันพักย่อมใหญ่หรูหราจนเกินจริงไปมาก

เว่ยเซี่ยนสี่คนได้ป้ายหยกและกุญแจไปแล้วต่างก็พร้อมใจกันเดินตามเฉินผิงอันไป

หลังจากเผยเฉียนปิดประตูลงก็โยนไม้เท้าเดินป่าทิ้ง วิ่งกลับไปกลับมา เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ สุดท้ายไปยืนดูทะเลเมฆอยู่ที่ระเบียงชมทิวทัศน์ ใบหน้าดำเกรียมเต็มไปด้วยความสุข สายตาเหม่มองไปยังทิศไกล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!