เฉินผิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทียนจวินเซี่ยสือและเซียนกระบี่เฉาซีจะไม่นับได้อย่างไร สองคนนี้ต่างก็เดินออกไปจากถ้ำสวรรค์หลีจูของพวกเรา เพียงแต่เป็นบุปผาบานส่งกลิ่นหอมนอกกำแพงเท่านั้น แม้จะไปมีตบะและชื่อเสียงอยู่ในทวีปอื่น แต่รากฐานยังอยู่ในบ้านเกิดของพวกเรา โดยเฉพาะเฉาซีผู้นั้นที่บ้านบรรพบุรุษอยู่ในตรอกเดียวกับบ้านข้า คราวก่อนข้ายังเจอเซียนกระบี่ผู้เฒ่าคนนี้ในตรอกหนีผิงอยู่เลย เฉาซีเป็นคนไร้คุณธรรม แอบเล่นตุกติกกับภาพเทพทวารบาลของบ้านข้า แต่พี่ชายใหญ่ของหลี่เป่าผิงมองเส้นสนกลในออกจึงฉีกทิ้งไปให้”
เจิ้งต้าเฟิงไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่ฉีกเนื้อวัวแห้งยัดใส่ปากเคี้ยวแรงๆ
คนสี่คนในภาพวาด
พวกเขาที่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้พยายามทำให้ตัวเองมีสีหน้าผ่อนคลายเป็นธรรมชาติใกล้จะเกร็งหน้าไม่อยู่แล้ว
‘บ้านเกิด’ ของเฉินผิงอันออกจะพิลึกพิลั่นเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
คนเฝ้าประตูคือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้า? แล้วก็มีศิษย์พี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบ? ในตรอกหนีผิงอะไรนั่นก็มีเซียนกระบี่ที่ชื่อว่าเฉาซี? ห่างออกไปไกลอีกนิด ก็คือ ‘พื้นที่มังกรผงาด’ ของเทียนจวินลัทธิเต๋า?
เจิ้งต้าเฟิงอยากจะหาเหตุผลให้ตัวเองสักหน่อย จึงกล่าวว่า “แต่แจกันสมบัติทวีปเพิ่งจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบแค่กี่คน? แค่สองคน หลี่เอ้อร์ ซ่งจ่างจิ้ง อันดับต่อมาก็เป็นข้าแล้วใช่ไหม? คนที่สอนวิชาหมัดให้เจ้าก็คงไม่ใช่ขอบเขตสิบเหมือนกันกระมัง?”
เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เลือกจะตอบไปตามตรง “ท่านผู้นั้นที่อยู่ในบ้านข้าก็น่าจะเป็นขอบเขตสิบเหมือนกัน”
เจิ้งต้าเฟิงขยี้หน้าตัวเอง “ตอนนั้นข้าผู้อาวุโสก็เกือบจะเลื่อนจากขอบเขตแปดสู่ขอบเขตสิบโดยตรงแล้วเหมือนกันเถอะ!”
เฉินผิงอันถามด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เจ้าลองเดินไม่กี่ก้าวแล้วเลื่อนสู่ขอบเขตสิบให้ข้าดูอีกครั้งสิ นั่นจะไม่ยิ่งเป็นเรื่องมหามงคลหรอกหรือ? ข้าก็ไม่ต้องไปที่แท่นมังกร แต่ทำกับข้าวเลี้ยงฉลองโต๊ะใหญ่รอเจ้าเจิ้งต้าเฟิงอยู่ในร้านยาฮุยเฉิน ดีหรือไม่?”
เจิ้งต้าเฟิงสะอึกอึ้ง
หากเลื่อนสู่ขอบเขตสิบง่ายขนาดนั้น เหตุใดหลี่เอ้อร์ต้องออกจากถ้ำสวรรค์หลีจู
ความต่างระหว่างขอบเขตเก้าและสิบของผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวค่อนข้างคล้ายคลึงกับความต่างระหว่างขอบเขตสิบสองกับขอบเขตสิบสามของผู้ฝึกกระบี่
ส่วนวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสิบเอ็ดและผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสี่ในตำนานนั้น แค่ลองคิดจินตนาการอย่างเดียวก็พอ
ธรณีประตูสองแห่งนี้ เมื่อเทียบกับร่องปราการธรรมชาติสองเส้นระหว่างขอบเขตห้าและหก กับขอบเขตสิบและสิบเอ็ดของผู้ฝึกลมปราณทั่วไปก็ยิ่งยากจะจินตนาการได้มากกว่า
ขนาดเจิ้งต้าเฟิงที่คิดว่าจิตใจตัวเองสูงส่งยิ่งกว่าฟ้าก็ยังไม่กล้าเพ้อฝันถึงขอบเขตเทพแห่งการต่อสู้ที่เลื่อนลอยไร้ความหวัง
ทางหัวขาด เหตุใดถึงเรียกว่าหัวขาด?
อยู่กับหยางเหล่าโถว ‘เสินจวิน’ แห่งถ้ำสวรรค์หลีจูที่ไม่ว่าอริยะรุ่นใดล้วนต้องมาเยี่ยมเยือนทักทายมานานหลายปีขนาดนี้ เจิ้งต้าเฟิงก็พอจะรู้เรื่องราวภายในบางอย่าง
เทพหยินแซ่จ้าวอารมณ์ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด ยังคงต้องเป็นเฉินผิงอันที่เป็นผู้ถ่ายทอดมหามรรคาของเจิ้งต้าเฟิงที่ถึงจะทำให้เจิ้งต้าเฟิงลำบากใจได้
เฉินผิงอันมองไปทางเทพหยินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ถามว่า “ตามคำบอกของท่านผู้อาวุโส ร้านยาฮุยเฉินแห่งนี้มีความลี้ลับ?”
เทพหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน เสินจวินบอกให้ข้าเลือกที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลงหลักปักฐาน หาใช่สถานที่ธรรมดาที่เจิ้งต้าเฟิงขอมาจากตระกูลฟ่านไม่ หากเปิดใช้ค่ายกล ข้าที่อยู่ที่นี่สามารถใช้ตบะขอบเขตหยกดิบได้”
เจิ้งต้าเฟิงถอนหายใจ “แต่นั่นก็เป็นวิธีชั้นล่างที่ต้องสูญเสียบุญกุศลในโลกมืดที่สะสมไว้เพื่อแลกมาด้วยตบะที่เพิ่มขึ้น ประคับประคองตนได้ไม่นาน”
เทพหยินสีหน้าเป็นปกติ “คิดจริงๆ หรือว่าข้าติดตามเจ้ามาอยู่ที่นครมังกรเฒ่าแห่งนี้ ทุกวันเอาแต่อาบแดด ชมจันทร์ รอให้วันใดมีเทพธิดาทะยานลมผ่านเหนือศีรษะไปจริงๆ ขอแค่ผ่านหนึ่งเดือนนี้ไปได้ บางทีสถานการณ์อาจมีการเปลี่ยนแปลง”
“เข้าใจแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็มาเริ่มคำนวณศักยภาพของทางฝั่งพวกเรากันบ้าง”
เจิ้งต้าเฟิงกินถั่วลิสงโรยเกลือพลางกล่าวว่า “เจ้าหมายถึงใครบ้าง? ก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทั้งหมดแล้วหรือ?”
เผยเฉียนชี้ไปที่ตัวเอง ยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี “ข้าก็นับด้วยหรือ? แต่ข้ายังอยู่ห่างจากเวทกระบี่ล้ำโลกอีกหนึ่ง ‘พรุ่งนี้’ นะ”
เด็กหญิงที่ผิวดำเกรียมราวกับถ่านรู้สึกลำบากใจอย่างที่หาได้อย่าง
เจิ้งต้าเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จอมยุทธ์หญิงน้อยเผย อันที่จริงเจ้าต่างหากที่เป็นเสาคาน เป็นหัวใจหลักของพวกเรา จะดูถูกตัวเองไม่ได้!”
เผยเฉียนยิ้มรับอย่างชอบใจ ยื่นมือไปผลักจานที่ว่างเปล่า “เอาเมล็ดแตงมาเพิ่มอีก”
เจิ้งต้าเฟิงลุกขึ้นเดินไปหยิบเมล็ดแตงกำใหญ่จากห้องด้านข้างมาใส่ในจานใบเล็กเบื้องหน้าเผยเฉียนจริงๆ เนื่องด้วยจานใบไม่ใหญ่ จึงทำให้ปริมาณของเมล็ดแตงกำนั้นเปี่ยมล้นมากพอ ดูแล้วจริงใจยิ่ง
เผยเฉียนมองเจ้าหมอนี่แล้วรู้สึกถูกชะตามากขึ้นอีกนิด
ในที่สุดเฉินผิงอันก็ดื่มเหล้าคำแรก พอวางน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงแล้ว กระบี่บินสืออู่ก็พุ่งออกมา จากนั้นเฉินผิงอันก็หยิบแผ่นหยกวัตถุจื่อชื่อที่เจิ้งต้าเฟิงมอบให้ออกมา ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “คนของนครมังกรเฒ่าหลายคนรู้สึกว่ามีเงินก็ร้ายกาจมากแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามีเงินเหลือไม่เท่าไหร่แล้ว แต่อย่างน้อยข้าก็มีทรัพย์สินที่เก็บสะสมเอาไว้ ชุดคลุมอาคมบนร่างตัวนี้มีชื่อว่าจินหลี่ คือของตกทอดจากเซียนบรรพกาลท่านหนึ่ง เจิ้งต้าเฟิง เจ้าสวมได้หรือไม่? และยังมีเชือกพันธนาการปีศาจที่ทำมาจากหนวดเจียวหลงเฒ่าขอบเขตก่อกำเนิดในร่องเจียวหลง เจ้าใช้ได้หรือไม่?”
เจิ้งต้าเฟิงส่ายหน้า “รอจนเจ้าเลื่อนสู่ขอบเขตสามหลอมดวงจิตของวิถีวรยุทธ์ก็จะรู้เองว่าวัตถุนอกกายของตระกูลเซียนเหล่านี้มีแต่จะยิ่งรัดมือรัดเท้า เจ้าสวมไว้สามารถรักษาชีวิตได้ แต่ข้าสวมไว้ มีแต่จะยิ่งเร่งให้ตายเร็วขึ้น”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ หยิบยันต์ปึกใหญ่ที่วาดเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา “ยันต์ปราณหยางส่องไฟน่าจะเอามาใช้ไม่ได้ ในเมื่อแท่นมังกรถูกตระกูลฝูสร้างให้เป็นดั่งถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคล ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้ยันต์ทำลายคาถาอำพรางตา และยังมียันต์เจดีย์วิเศษสยบปีศาจ…ยันต์ตัดโซ่ สร้างขึ้นเพื่อพวกเจียวหลงโดยเฉพาะ ส่วนยันต์สยบกระบี่แผ่นนี้ที่เพื่อนข้าเขียนด้วยมือของตัวเอง มีระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุด แม้แต่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดก็ยังสยบไว้ได้ครู่หนึ่ง…”
เพียงแค่เฉินผิงอันหยิบเอายันต์ปึกนั้นออกมา เทพหยินแซ่จ้าวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็รู้สึกกดดันบีบคั้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว โดยเฉพาะยันต์สยบกระบี่ที่เขียนลงบนกระดาษสีเขียวแผ่นนั้น ถึงแม้จะบอกว่าเอาไว้ใช้เล่นงานผู้ฝึกกระบี่เซียนดินโดยเฉพาะ แต่ก็ยังทำให้มันรู้สึกเสียวสันหลังวาบอยู่ดี
เจิ้งต้าเฟิงกล่าวอย่างตื่นตะลึง “เฉินผิงอัน คราวนี้เจ้าเดินทางไปภูเขาห้อยหัว วันๆ มัวแต่ยุ่งอยู่กับการปล้นทรัพย์หรือไร?”
เฉินผิงอันไม่ได้สนใจเจิ้งต้าเฟิง ยังคงหยิบของชิ้นแล้วชิ้นเล่าออกมา และหยิบขวดกระเบื้องออกมาสามขวดติด “โอสถทองที่ยังไม่สุกงอมเต็มที่ของปีศาจลำคลองหมายเหอแห่งใบถงทวีปตนหนึ่ง โอสถทองก่อกำเนิดของเจียวเฒ่าแห่งร่องเจียวหลง และยังมี…โอสถทองของปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสองอีกหนึ่งเม็ด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!