กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 365

สรุปบท บทที่ 365.1 สถานการณ์ที่มิอาจคลี่คลาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 365.1 สถานการณ์ที่มิอาจคลี่คลาย จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 365.1 สถานการณ์ที่มิอาจคลี่คลาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ช่วงที่อากาศหนาวจัด นกโบยบินผ่านม่านฟ้าไปอย่างว่องไว

ข้างแท่นมังกร เสียงลมหวีดหวิวประหนึ่งเสียงกรีดร้องของสตรีคลุ้มคลั่งที่ดังขึ้นไม่หยุด

ในนครมังกรเฒ่า รถม้าหลายคันมาจอดอยู่ตรงหัวเลี้ยวของถนนนอกร้านยาฮุยเฉิน

เพียงคำสั่งเดียวจากตระกูลฝู เมืองทั้งเมืองก็ถูกป้องกันอย่างเข้มงวด ไม่เพียงแต่ไม่อนุญาตให้ผู้ฝึกตนอิสระและชาวบ้านไปชมการต่อสู่ที่แท่นมังกรนอกเมือง ยังห้ามไม่ให้ทุกคนที่ไม่ได้ใช้หกแซ่ใหญ่ออกมาเดินบนถนน แน่นอนว่าลูกหลานตระกูลใหญ่ที่มีเส้นสายสามารถยืมป้ายคำสั่งจากตระกูลหกแซ่ที่สนิทสนมกันมาหนึ่งแผ่น เมื่อเอามาแขวนไว้ตรงเอวก็จะสามารถไปเยือนระหว่างแท่นมังกรและเมืองชั้นในได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค สำหรับเรื่องนี้ในเมืองนครมังกรเฒ่าก็มีเสียงบ่นด้วยความไม่พอใจอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่ตอนนี้ตระกูลฝูมีบารมีและอำนาจมากล้น อีกทั้งตระกูลฝูยังแจ้งเรื่องนี้กับคนในตระกูลอื่นที่สำคัญนอกเหนือจากหกแซ่ไว้ก่อนแล้ว ไม่มีใครมีความคิดชั่วร้ายหรือกลอุบายมากนัก ความขัดแย้งที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในนครมังกรเฒ่าก็ถูกสยบไว้ในทันที พวกเด็กเกเรบางคนที่ถือดีในสถานะของตัวเองถูกผู้ฝึกตนตระกูลฝูที่ห้อยหยกมังกรเฒ่าโปรยพิรุณไว้ตรงเอวขัดขวางไว้ หลังกลับไปถึงจวนก็ถูกผู้อาวุโสที่รู้ข่าวด่าจนไม่เหลือชิ้นดี ตำหนิพวกเขาว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร

ร้านยาฮุยเฉิน หลังจากกินโจ๊กที่จูเหลี่ยนเป็นคนต้มไปแล้ว คนทั้งกลุ่มก็เตรียมพร้อมออกเดินทางไปยังแท่นมังกร

เจิ้งต้าเฟิงเดินออกมาจากห้องหลักก่อน เขาสูบยาอยู่ตรงหน้าประตูสองสามที สีหน้าไม่มีความตึงเครียดใดๆ แต่เมื่อเทียบกับท่าทางสกปรกมอซออย่างในเวลาปกติแล้ว วันนี้กลับเปลี่ยนมาสวมชุดคลุมยาวสีเขียวที่ดูเก่าแก่อย่างเห็นได้ชัด แต่กลับสะอาดเอี่ยม

จูเหลี่ยนและเผยเฉียนเก็บชามและตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะ

สุยโย่วเปียนสวมชุดสีขาว สะพายกระบี่ชือซินที่หลังจาก ‘กินหัวใจไปนับไม่ถ้วน’ ระดับขั้นก็เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ไว้ด้านหลัง นางยืนอยู่ใต้ชายคา ตบะวิถีวรยุทธ์ขอบเขตเจ็ดร่างทอง บุคลิกสง่างามโดดเด่น มองไปคล้ายเทพเซียน

หลูป๋ายเซี่ยงยังคงสวมชุดขงจื๊อดังเดิม ไม่ถือเม็ดหมากเอามาถูกันกลางฝ่ามืออีกแล้ว ห้อยดาบแคบหยุดหิมะ ดาบพกเล่มนี้ เจ้าของคนเดิมคือเซียนดินก่อกำเนิดแห่งภูเขาไท่ผิงที่ชอบกำจัดปีศาจปราบมาร มีชื่อเสียงดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุด และยิ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าปีศาจที่วางแผนทิ้งร่องรอยไว้ไกลเป็นพันลี้ ป้ายหยกผู้สืบทอดศาลบรรพชนแผ่นหนึ่งทำให้เฉินผิงอันตกอยู่ในวงล้อมสังหารที่วัดร้าง

วันนี้เว่ยเซี่ยนแต่งกายสะดุดตาที่สุด เขาถามเฉินผิงอันว่าสวมชุดคลุมมังกรอยู่ในนครมังกรเฒ่าผิดกฎหมายหรือไม่ เฉินผิงอันพูดด้วยรอยยิ้มว่าต่อให้เจ้าสวมมงกุฎหงส์ผ้าคลุมลายปักของฮองเฮาก็ยังไม่มีใครสนใจเจ้า เว่ยเซี่ยนจึงสวมชุดคลุมมังกรที่นำออกมาจากม้วนภาพวาดด้วย บนร่างสวมชุดพิธีการของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยน ในชายแขนเสื้อซ่อนเม็ดเสื้อเกราะซีเยว่ซึ่งเป็นหนึ่งในเสื้อเกราะบรรพบุรุษของเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างแห่งสำนักการทหารเอาไว้

จูเหลี่ยนที่ทำหน้าที่เป็นดั่งพ่อครัวเช็ดหยดน้ำบนมือ เดินออกมาจากห้องครัว ด้านหลังคือเผยเฉียนที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

วันนี้เฉินผิงอันยังคงสวมจินหลี่ชุดคลุมอาคมตัวนั้น บนมวยผมปักปิ่นหยกที่ทำจากวัสดุธรรมดา ห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าสีชาด อีกฝั่งหนึ่งห้อยแผ่นหยกสีขาวที่ไม่ว่าใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

แผ่นหยกนี้เฉินผิงอันเอาออกมาจากช่องโพรงลมปราณที่เคยมี ‘ปราณกระบี่ที่เล็กที่สุดกลุ่มหนึ่ง’ ขดตัวนอนอยู่ ถือเป็นการหล่อหลอมระดับเล็กของฟ่านจวิ้นเม่า ตอนนี้ยังคงได้แค่มอง ไม่อาจใช้

การดำรงอยู่ของมัน เดิมทีก็แค่มีไว้ให้ระลึกถึงเท่านั้น

หากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ นี่คือหนึ่งในความยึดมั่นถือมั่นที่มีไม่มากของเด็กบ้านนอกอย่างเฉินผิงอัน

แก้แค้นให้พ่อแม่ เป็นเซียนกระบี่ใหญ่ตามที่รับปากหนิงเหยาเอาไว้ สัญญาหกสิบปีกับพี่หญิงวิญญาณกระบี่ สักวันหนึ่งจะสามารถพูดประโยคนี้แก่ใต้หล้าทั้งสี่แห่งได้อย่างเปิดเผย

วันนี้เฉินผิงอันเปลี่ยนมาสวมรองเท้าหุ้มแข้งคู่ใหม่ คือคู่ที่ก่อนหน้านี้เผยเฉียนแอบเอามาให้ ฟ้ายังไม่ทันสาง เผยเฉียนก็ตื่นขึ้นมา คลำความมืดเดินมาหาเฉินผิงอันที่ปูผ้านอนอยู่ในร้านยาด้านหน้า ในมือหิ้วรองเท้าหุ้มแข้งคู่หนึ่ง เฉินผิงอันถามด้วยความแปลกใจว่าไปเอารองเท้ามาจากไหน เผยเฉียนบอกว่าครั้งนั้นที่อยู่โรงเตี๊ยม นางยืมเงินหลายตำลึงมาจากพวกจิ่วเหนียงใช่ไหมล่ะ ตอนที่ไปเมืองหูเอ๋อร์นอกจากจะซื้อของกินแล้ว ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ก็คือรองเท้าคู่นี้ อยากมอบให้เฉินผิงอันตั้งนานแล้ว แต่ภายหลังคนที่เมืองหูเอ๋อร์มาด่าถึงหน้าโรงเตี๊ยม แล้วเฉินผิงอันก็จะไล่นางไป จะทิ้งนางไว้ที่โรงเตี๊ยมคนเดียว นางโกรธมาก ก็เลยเอามันไปฝัง ตอนหลังเฉินผิงอันเปลี่ยนใจพานางไปที่เมืองเซิ่นจิ่งด้วยกัน คืนนั้นนางเลยแอบไปขุดออกมา ตอนนั้นจงขุยก็ดูเรื่องสนุกอยู่ข้างกายนางด้วย แถมยังบอกว่านั่นเรียกว่าหลุมอีกวานอะไรสักอย่าง ตลอดทางตั้งแต่เมืองเซิ่นจิ่งมาถึงท่าเรือตระกูลเซียนภูเขาชิงจิ้ง จนกระทั่งมาถึงนครมังกรเฒ่า นางกลัวอยู่ตลอดว่าเรื่องหลุมอีกวานนี้จะทำให้เฉินผิงอันโมโห นางเหมือนคนทำความผิดแล้วร้อนตัวจึงไม่เคยกล้าหยิบมันออกมา

ตอนนั้นหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็ก ผู้ใหญ่นั่งอยู่บนผ้าปูนอน เริ่มสวมรองเท้า รู้สึกดีใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยชมเด็กหญิงผอมแห้ง เพียงแต่คำพูดที่อยากพูดได้ปรากฏให้เห็นในดวงตาใสกระจ่างบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาแล้ว

คนเด็กนั่งยองอยู่ด้านข้าง ถามว่า “พอดีเท้าไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “พอดี”

เพียงแต่ว่าพอเฉินผิงอันสวมรองเท้าเรียบร้อย ลุกขึ้นกระโดดอยู่สองทีก็เปลี่ยนสีหน้าไม่จำบุญคุณคน บอกว่าให้เผยเฉียนอยู่ในร้านยาฮุยเฉินกับเทพหยินแซ่จ้าว ไม่ต้องตามไปที่แท่นมังกรด้วย และถ้าหลังจากนั้นเทพหยินต้องออกไปจากร้านยา เผยเฉียนก็ไม่ต้องกลัว ขอแค่ไม่ออกไปจากร้านยาโดยพลการก็จะไม่มีอันตรายแล้ว

เผยเฉียนย่อมไม่ยินดี หลายวันมานี้นางตั้งใจฝึกวิชากระบี่บ้าคลั่งกระบวนท่านั้นทุกวัน เพียงแต่เห็นว่าเฉินผิงอันพูดด้วยหน้าตาจริงจังจึงได้แต่ไหล่ลู่คอตก รับคำว่าอ้อหนึ่งคำ

เวลานี้เฉินผิงอันมองเจิ้งต้าเฟิงพลางถามด้วยรอยยิ้ม “เอาอย่างไร ออกเดินทางเลยไหม?”

เจิ้งต้าเฟิงสูบยาแรงๆ หนึ่งคำ ห้อยกระบอกยาสูบไว้ตรงเอว ก้าวยาวๆ ไปทางลานบ้าน “ไป!”

คนทั้งกลุ่มเดินทางออกจากร้านยาฮุยเฉิน มาเดินอยู่ในตรอก

ขึ้นรถม้าที่ตระกูลฟ่านส่งมาให้ ทั้งฟ่านเอ้อร์และผู้ฝึกกระบี่หม่าจื้อต่างก็ไม่อยู่ ก่อนหน้านี้ฟ่านเอ้อร์มาเยือนร้านยาอีกหนึ่งรอบ คนทั้งสองนั่งดื่มเหล้ากันบนหลังคา เฉินผิงอันจึงบอกเขาว่าวันที่อากาศหนาวจัดนี้ห้ามมาปรากฎอยู่ตัวใกล้กับร้านยาเด็ดขาด ฟ่านเอ้อร์บอกว่าเขารู้หนักเบา ไม่มีทางทำอะไรตามใจตัวเองแน่นอน

เผยเฉียนหิ้วม้านั่งตัวเล็กมานั่งหน้าประตูร้านยาฮุยเฉิน ก้มหน้าค้อมเอว ใช้สองมือกอดเข่า

ตรงฝ่าเท้าวางไม้เท้าเดินป่าที่อยู่กับนางมานานอันนั้น มันถูกนางเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้วเอาเท้าคลึงเบาๆ มันจึงกลิ้งกลับไปกลับมา

สุยโย่วเปียนเองก็ถามกลับ “เจ้าไม่เชื่อใจ…ท่านเทพเทวาแห่งพื้นที่มงคลดอกบัวของพวกเราหรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “สำหรับเรื่องนี้ ข้าเชื่อใจนักพรตเฒ่า”

สุยโย่วเปียนยื่นมือมาปาดผ่านฝักกระบี่ชือซินที่วางพาดไว้บนหัวเข่า “พวกเราสี่คนต่างก็ได้รับคำพูดกันคนละหนึ่งประโยค แต่อันที่จริงยังมีอีกประโยคหนึ่งที่คนทั้งสี่ล้วนรู้ดี…เว่ยเซี่ยนนั้นบอกได้ยาก เพราะเขาไม่เคยมาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพวกเราสามคน แต่อย่างน้อยข้า หลูป๋ายเซี่ยงและจูเหลี่ยนต่างก็รู้ประโยคนี้”

เฉินผิงอันถาม “บอกได้ไหม?”

สุยโย่วเปียนยิ้มเจื่อน “อันที่จริงก็บอกได้ ก็คือประโยคว่า ‘คนที่ฆ่าเฉินผิงอันตายกับมือตัวเอง จะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับอิสระ’ ดังนั้นหากเจ้าเชิญข้าออกจากม้วนภาพวาดเป็นคนแรก ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องพยายามฆ่าเจ้าให้ได้ ส่วนเหตุใดทั้งๆ ที่เว่ยเซี่ยนได้เดินออกมาจากภาพวาดเป็นคนแรก แต่กลับไม่ได้ลงมือต่อเจ้า หรือถึงขั้นไม่มีแม้แต่จิตสังหาร ข้าคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ รอจนศึกที่โรงเตี๊ยม เจ้าเชิญคนสามคนออกมาพร้อมกันจึงกลายมาเป็นสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันเอง ใครก็ไม่ต้องการให้คนอื่นทำสำเร็จ กลายเป็นเพียง ‘หนึ่งเดียว’ คนนั้น”

เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “แต่ตอนอยู่นอกวัดร้าง เว่ยเซี่ยนพูดเองว่าหากข้าตาย พวกเจ้าล้วนต้องตาย นี่ไม่ขัดแย้งกันเองหรอกหรือ?”

สุยโย่วเปียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากไม่เป็นเพราะเว่ยเซี่ยนโกหกครึ่งหนึ่ง ก็ต้องเป็นเทพเทวาผู้เฒ่าท่านนั้นที่คาดเดาได้ว่าเจ้าจะเชิญเว่ยเซี่ยนออกมาก่อนจึงจงใจไม่พูดประโยคนี้กับเขา แต่ไม่ว่าเว่ยเซี่ยนจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยข้า หลูป๋ายเซี่ยงและจูเหลี่ยนสามคนจะไม่มีทางอนุญาตให้อีกสองในสามคนที่เหลือสังหารเจ้าเด็ดขาด ใครกล้าคิดฆ่าเจ้า เขาก็จะต้องตกเป็นเป้าหมายที่ถูกอีกสองคนที่เหลือหมายหัวสังหาร ไม่ว่าจะมีประโยคที่ไม่รู้ว่าเว่ยเซี่ยนพูดจริงหรือเท็จประโยคนั้นหรือไม่ พวกเราล้วนไม่ยินดีสูญเสียโอกาสที่จะ…ได้เป็นอิสระไป เจ้าเคยเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าของพื้นที่มงคลดอกบัวมาก่อน น่าจะรู้ว่าสำหรับคนอย่างพวกเราแล้ว อิสระ ไม่ใช่สิ่งที่แสวงหาซึ่งจะมีหรือไม่มีก็ได้”

เฉินผิงอันไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับ ‘อิสระ’ ที่สุยโย่วเปียนกล่าวถึง เพียงแค่เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “มิน่าเล่าถึงได้พูดกันว่าคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ฟ้าลิขิตได้กำหนดความคิดจิตใจของคนเอาไว้หมดแล้ว”

แต่ไม่นานเฉินผิงอันกลับปฏิเสธข้อสรุปแบบตอกปิดฝาโลงนี้ “ไม่ใช่ทุกเรื่องและทุกคนที่จะเป็นอย่างนี้เสมอไป”

สุยโย่วเปียนถามด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้ครั้งนี้รอดชีวิตมาได้ คุณชายก็ขาดทุนอย่างหนัก คุ้มแล้วหรือ?”

ใต้หล้าแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป ภูเขาสูงชันเกินไป ผู้ฝึกตนอยู่ห่างจากโลกมนุษย์ไกลเกินไป คนและเรื่องราวที่ไม่มีคุณค่ามีมากมายเกินไป

เฉินผิงอันไม่ได้พูดอะไร เขาเริ่มหลับตาฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู

รถม้าสามคันขับออกไปนอกเมือง มุ่งหน้าตรงไปยังแท่นมังกร

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!