กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 408

สรุปบท บทที่ 408.1 ผู้มาเยือนมีเจตนาไม่ดี: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 408.1 ผู้มาเยือนมีเจตนาไม่ดี จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 408.1 ผู้มาเยือนมีเจตนาไม่ดี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

คิดจะไปนำโชคชะตาบุ๋นส่วนหนึ่งมาจากศาลบุ๋นในเมืองหลวงต้าสุย นี่เกี่ยวพันกับรากฐานการฝึกตนบนมหามรรคาของเฉินผิงอัน แต่เหมาเสี่ยวตงกลับไม่ได้รีบร้อนพาเฉินผิงอันตรงดิ่งไปที่ศาลบุ๋น เขาพาเฉินผิงอันเดินไปอย่างเชื่องช้าพลางพูดคุยกันไปตลอดทาง

เหมาเสี่ยวตงถามเฉินผิงอันถึงเรื่องราวน่าสนใจที่เขาพบเจอระหว่างการเดินทาง เฉินผิงอันออกเดินทางไกลอยู่สองครั้ง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเดินทางอยู่ในภูเขาสูงป่าลึก ริมน้ำริมทะเลสาบ ขึ้นเขาลงห้วย ศาลบุ๋นที่พบเจอมาไม่ถือว่ามากนัก เฉินผิงอันจึงถือโอกาสพูดถึงเพื่อนรักที่มองดูเหมือนเป็นคนหยาบกระด้าง แต่แท้จริงแล้วกลับมีความสามารถไม่ธรรมดาอย่างจอมยุทธเคราดก สวีหย่วนเสีย

ชายฉกรรจ์ที่ปีนั้นออกจากกองทัพ นอกจากจะบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาและแม่น้ำของสถานที่ต่างๆ แล้ว ยังใช้พู่กันวาดสิ่งปลูกสร้างไม้เก่าแก่โบราณของแต่ละแคว้นเอาไว้ เหมาเสี่ยวตงจึงบอกว่าจอมยุทธแซ่สวีผู้นี้สามารถมาเป็นอาจารย์ที่ได้รับการแขวนชื่อในสำนักศึกษาได้ ให้เขามาบรรยายให้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาฟังถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ของภูเขาแม่น้ำ ความน่าสนใจของผู้คนและขนบธรรมเนียมประเพณี ทางสำนักศึกษายังสามารถสร้างเรือนให้เขาหนึ่งหลังเพื่อเอาไว้แขวนภาพวาดฝีมือของเขาโดยเฉพาะด้วย

เฉินผิงอันจึงตอบรับเหมาเสี่ยวตง บอกว่าจะส่งจดหมายไปให้สวีหย่วนเสียที่เดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว เชื้อเชิญให้เขาเดินทางไกลมาเยือนสำนักศึกษาซานหยาของต้าสุยดูสักเที่ยว

ศาลบุ๋นในเมืองหลวงที่ขนาดใหญ่สุดและมีระบบพิธีการสูงสุดของต้าสุยแห่งนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ดังนั้นคนทั้งสองที่เดินทางออกมาจากภูเขาตงหัวจึงต้องเดินผ่านพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง ระหว่างนั้นเหมาเสี่ยวตงยังเลี้ยงข้าวกลางวันเฉินผิงอันมื้อหนึ่ง เป็นร้านข้าวเล็กๆ ที่หลบอยู่ในมุมลึกของตรอกเก่าโทรม ทว่ากิจการกลับไม่ซบเซา สุราหอมไม่กลัวตรอกลึก เหล้าที่หมักจากข้าวซึ่งทางร้านหมักเองมีรสชาติดีเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์

เหมาเสี่ยวตงเล่าว่าทุกครั้งที่หมักเหล้า นอกจากเจ้าของร้านจะต้องคัดเลือกข้าวเหนียวด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องพาบุตรชายออกไปจากเมือง ไปตักน้ำที่บ่อน้ำพุซงเฟิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหกสิบลี้ พ่อลูกสองคนผลัดกันหาบน้ำไว้บนไหล่ ออกแต่เช้าตรู่กลับมาถึงเย็นย่ำถึงจะหมักเหล้าข้าวที่คนชอบดื่มของเมืองหลวงพอได้ดื่มแล้วไม่อยากจะหยุดชนิดนี้ออกมาได้

ตอนที่ออกจากร้าน เฉินผิงอันซื้อเหล้าข้าวมาไหใหญ่ พอไปถึงตรอกที่ไร้ผู้คนก็เทมันใส่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่เหล้าด้านในเหลือติดก้นแล้ว จากนั้นค่อยเก็บไหเปล่าใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ

ด้านในวัตถุจื่อชื่อ ‘เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์’

อาภรณ์ ตำรา ของตกแต่งบนโต๊ะหนังสือ หม้อ ถ้วย กระบวยตักน้ำ มีดผ่าฟืน เข็มและด้าย สมุนไพร หินติดไฟ ของกระจุกกระจิกยิบย่อยเต็มไปหมด

เห็นว่าเฉินผิงอันเก็บไหเหล้าว่างเปล่าที่มีราคาแค่ไม่กี่อีแปะเอาไว้ เหมาเสี่ยวตงก็เอ่ยเตือนว่า “สะสมน้อยไปมาก รวบรวมเม็ดทรายเป็นเจดีย์คือเรื่องดี เพียงแต่อย่าได้ดึงดันเกินไป เป่าขนหาข้อด้อย (เปรียบเปรยว่าคอยจับผิดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือตรงกับสำนวนไทยว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ) ไปเสียทุกเรื่อง หากไม่ทำให้จิตใจยากที่จะใสกระจ่างแจ่มชัด ก็ต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ แม้ว่าเส้นเอ็นและกระดูกจะแข็งแกร่ง แต่จิตใจกลับเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเร็วกว่าเวลาอันสมควร”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “จดจำไว้แล้ว”

เหมาเสี่ยวตงลูบหนวดยิ้ม

ในความเป็นจริงแล้วคนที่เป่าขนหาข้อด้อยคือศิษย์พี่เหมาอย่างเขาต่างหาก แต่หากไม่ทำแบบนี้ ไม่วางมาดเล็กๆ ต่อหน้าเฉินผิงอันเสียบ้าง จะแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของศิษย์พี่ได้อย่างไร? อาจารย์ของตนไม่คิดถึง ไม่เคยพูดถึงตนแม้สักครึ่งคำ เขาเหมาเสี่ยวตงก็ควรต้องหาสิ่งชดเชยกลับมาจากตัวของลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์บ้างไม่ใช่หรือ

จากนั้นก็เดินกันไปอีกเกือบครึ่งชั่วยามจึงมาถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับในใจชาวบ้านทุกคนของต้าสุย ศาลบุ๋นแห่งเมืองหลวง

ศาลบุ๋นกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ของใต้หล้าไพศาลดุจดวงดาวดารดาษ ประหนึ่งโคมไฟชะตาบุ๋นหลายดวงที่วางอยู่บนพื้นดิน ส่องแสงให้โลกมนุษย์สว่างไสว

เว้นเสียจากเป็นสถานที่ที่ทุรกันดารห่างไกลเกินไป หาไม่แล้วต่อให้เป็นอำเภอที่เล็กที่สุดก็ยังต้องสร้างศาลบุ๋นขึ้นมา เจ้าเมืองหรือนายอำเภอทุกคนที่มารับตำแหน่งใหม่จะต้องไปจุดธูปกราบไหว้หลี่เซิ่งที่ศาลบุ๋น จากนั้นค่อยไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งบูชาอยู่ในศาลบู๊

ดังนั้นต่อให้เมืองเล็กในถ้ำสวรรค์หลีจูที่เฉินผิงอันเกิดและเติบโตมาจะตัดขาดกับโลกภายนอกแค่ไหน ทว่าพอถ้ำสวรรค์ปริแตกและร่วงลงมาบนพื้น หยั่งรากเชื่อมโยงกับผืนแผ่นดินในอาณาเขตของต้าหลี เรื่องใหญ่เรื่องแรกที่ราชสำนักต้าหลีต้องทำก็คือสั่งให้อู๋ยวนนายอำเภอคนแรกลงมือเฟ้นหาที่ดินในการก่อสร้างศาลบุ๋นบู๊สองแห่งทันที

เหมาเสี่ยวตงยืนอยู่นอกศาลบุ๋น เฉินผิงอันยืนเคียงไหล่อยู่กับผู้เฒ่า

เหมาเสี่ยวตงถามว่า “ก่อนหน้านี้ดื่มเหล้าข้าวมา ตอนนี้เห็นศาลบุ๋นแล้ว มีความรู้สึกอะไรหรือไม่?”

เฉินผิงอันตอบ “ใช้ข้าวเหนียวชั้นดีมาหมักเหล้า คนที่ซื้อเหล้ามีมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าชาวบ้านในเมืองหลวงไม่เพียงแต่ไม่มีความกังวลเรื่องการกินอยู่ ยังค่อนข้างจะมีเงินเหลืออีกด้วย ส่วนศาลบุ๋นแห่งนี้ ข้ายังมองอะไรไม่ออก”

เฉินผิงอันตอบถูกครึ่งหนึ่ง เหมาเสี่ยวตงผงกศีรษะรับเบาๆ เพียงแต่ว่าครั้งนี้เหมาเสี่ยวตงไม่ได้แสร้งทำเป็นเล่นแง่อวดภูมิกับเฉินผิงอัน เขาพูดชี้แนะเฉินผิงอันว่า “ทางฝั่งนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นี่หมายความว่าเจ้าพวกคนที่อยู่ในก้อนดินของศาลบุ๋นต้าสุยเหล่านั้นไม่เห็นดีในโชคชะตาบุ๋นของเจ้าเฉินผิงอัน”

กล่าวมาถึงตรงนี้ เหมาเสี่ยวตงก็เพิ่มน้ำเสียงเย้ยหยันเข้าไปเล็กน้อย “คงเป็นเพราะถูกควันธูปรมมาหลายร้อยปี สายตาก็เลยไม่ดี”

ก่อนจะเดินเข้ามาในเรือนแห่งนี้ เหมาเสี่ยวตงได้เล่าเรื่องประวัติความเป็นมา สายบุ๋น รวมไปถึงคุณความชอบในแต่ละยุคแต่ละสมัยของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในศาลบุ๋นประจำเมืองหลวงที่จนทุกถึงวันนี้ก็ยัง ‘มีชีวิตอยู่’ ให้เฉินผิงอันฟังแล้ว

องค์เทพแห่งศาลบุ๋นที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มีนามว่าหยวนเกาเฟิง คือหนึ่งในขุนนางผู้มีคุณูปการบุกเบิกแคว้นของต้าสุย และยิ่งเป็นแม่ทัพผู้มีความรู้ที่มีคุณความชอบด้านการศึกเลื่องลือท่านหนึ่ง เขาโยนพู่กันเดินเข้าสู่สนามรบ ติดตามฮ่องเต้บุกเบิกแคว้นสกุลเกาเกอหยางรวบรวมแผ่นดินอยู่บนหลังม้า พอลงจากหลังม้าก็ใช้สถานะเจ้ากรมขุนนาง รับตำแหน่งบัณฑิตใหญ่แห่งตำหนักอู่อิงมาอุทิศตนถวายชีวิตเพื่อบ้านเมือง ผลงานเกริกก้อง ตายไปก็ได้บรรดาศักดิ์เหวินเจิ้ง จนถึงทุกวันนี้ตระกูลหยวนก็ยังคงเป็นชนชั้นสูงอันดับหนึ่งในต้าสุย มีอริยะบุคคลถือกำเนิดมากมาย เจ้าประมุขสกุลหยวนคนปัจจุบันเคยดำรงตำแหน่งขุนนางถึงขั้นเจ้ากรมอาญา เพราะป่วยจึงลาออกจากราชการ ในบรรดาลูกหลานมีคนมีพรสวรรค์มากมาย ล้วนมีผลงานอยู่ทั้งในวงการขุนนาง สนามรบและวงการการศึกษา

ตัวของหยวนเกาเฟิงเองก็เป็นขุนนางคนแรกที่ฮ่องเต้ประทานบรรดาศักดิ์ว่าเหวินเจิ้งให้นับตั้งแต่ที่แคว้นต้าสุยก่อตั้งมา

หยวนเกาเฟิงถาม “ไม่ทราบว่าเจ้าขุนเขาเหมามาเยือนด้วยธุระใด?”

เหมาเสี่ยวตงถามกลับ “แสร้งถามทั้งที่รู้ดี?”

หยวนเกาเฟิงหน้าไม่เปลี่ยนสี “ขอเจ้าขุนเขาเหมาโปรดชี้แจง”

เหมาเสี่ยวตงเอ่ยเนิบช้า “ข้าต้องการดึงโชคชะตาบุ๋นส่วนหนึ่งมาจากศาลบุ๋นของพวกเจ้า และต้องการยืมอีกส่วนหนึ่ง ในบรรดาภาชนะที่ใช้ประกอบพิธีของศาลบุ๋น ข้าต้องการนำจู้ (เครื่องดนตรีโบราณชนิดหนึ่ง ทำมาจากไม้ ลักษณะคล้ายเครื่องตวงข้าวทรงสี่เหลี่ยม) และเปียนชิ่งหนึ่งชุด (ชิ่งคือเครื่องดนตรีโบราณประเภทตี รูปร่างคล้ายไม้ฉากที่ทำด้วยหยกหรือทองเหลือง เปียนชิ่งคือการนำชิ่งที่ทำจากหินซึ่งมีโทนเสียงสูงต่ำไม่เท่ากันมาแขวนเรียงกัน) นอกจากนี้ก็มีฝู่ (ภาชนะรูปสี่เหลี่ยมสำหรับใส่พระแม่โพสพในขณะที่ทำพิธีกรรมสมัยโบราณ) และกุ่ย (ภาชนะใส่อาหารสมัยโบราณ ปากกลมมีสองหู) อย่างละชิ้น เชิงเทียนสองอัน นี่คือส่วนที่สำนักศึกษาซานหยาของพวกเราควรต้องได้รับอยู่แล้ว รวมไปถึงไหใหญ่เคลือบลายครามใบที่ขุนนางผู้ตรวจการเหยียนชิงกวางจ่ายเงินจ้างให้คนทำขึ้นมาซึ่งภายหลังพวกเจ้าย้ายมาจากศาลบุ๋นในท้องถิ่นใบนั้นด้วย ของสิ่งนี้เป็นการขอยืมจากศาลบุ๋นของพวกเจ้า นอกจากโชคชะตาบุ๋นที่ซุกซ่อนอยู่ภายในแล้ว แน่นอนว่าภาชนะทุกชิ้นล้วนต้องเอามาส่งคืนให้เจ้าตามเดิม”

หยวนเกาเฟิงถาม “เหตุใดเจ้าเหมาเสี่ยวตงถึงไม่แย่งชิงไป?”

สมกับที่มีชาติกำเนิดเป็นแม่ทัพผู้ปรีชา พูดจาอ้อมค้อมตรงประเด็น ไม่เลอะเลือนเลยแม้แต่น้อย

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!