กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 418

บนเกาะนอกมหาสมุทรที่อยู่ใกล้ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง

วันนี้บุรุษที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อเอ่ยปฏิเสธแขกอีกคนหนึ่งที่จะมาเยี่ยมเยือน ปล่อยให้ผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาซึ่งเป็นสายของหย่าเซิ่งต้องกินน้ำแกงประตูปิด (เปรียบเปรยถึงแขกที่เจ้าบ้านไม่ให้การต้อนรับ)

หากเป็นก่อนหน้านั้น ต่อให้บุรุษลัทธิขงจื๊อจะไม่เต็มใจ ‘เปิดประตู’ แค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องปรากฏตัว ทว่าคราวนี้กลับไม่แม้แต่จะออกมาพบหน้า

ผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาท่านนั้นจึงได้แต่กลับไปพร้อมกับความผิดหวัง ลึกๆ ในใจก็อดที่จะกลัดกลุ้มไม่ได้

ไม่รู้ว่าเหตุใดบัณฑิตท่านนั้นถึงไม่รับน้ำใจคนอื่น ยากจะใกล้ชิดสนิทสนมขนาดนี้

บุรุษชุดลัทธิขงจื๊อยืนอยู่ในกระท่อมที่ปีนั้นจ้าวเหยามาพักอาศัย ภูเขาตำรามีเส้นทางให้เดิน

เขายืนอยู่มุมหนึ่งท่ามกลางกองหนังสือ กำลังเปิดตำราลัทธิขงจื๊อเล่มหนึ่งที่ดึงออกมาอย่างไม่ใส่ใจ อริยะลัทธิขงจื๊อที่เขียนตำราเล่มนี้ขึ้นมา สายบุ๋นได้ขาดสะบั้นไปแล้ว เพราะอายุยังน้อยแต่กลับต้องตายไปท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาอย่างกะทันหัน ส่วนลูกศิษย์ก็ยังไม่สามารถคว้าจับแก่นสำคัญที่แท้จริงของสายบุ๋นเอาไว้ได้ แค่ร้อยปี ควันธูปของสายบุ๋นก็ต้องขาดสะบั้นลง ณ บัดนี้

เขาวางหนังสือลง เดินออกจากกระท่อมมาหยุดอยู่บนยอดเขา ทอดสายตามองมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลต่ออีกครั้ง

ปีนั้นจ้าวเหยามาที่นี่ได้อย่างไร มาได้เพราะการปกป้องคุ้มครองจากเศษซากวิญญาณกลุ่มหนึ่งที่เหลืออยู่

ไม่อย่างนั้นขนาดเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์และผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษายังต้องเคาะประตูก่อนถึงจะเข้ามาได้ จ้าวเหยาที่ลอยตามกระแสคลื่นจะมาถึงที่แห่งนี้โดยบังเอิญได้อย่างไร

เขาดึงสายตากลับมา มองไปทางริมหน้าผา ตอนนั้นจ้าวเหยาคิดจะก้าวเท้าออกไปให้พ้นจากหน้าผาแห่งนี้

เขาย่อมไม่ใส่ใจ

เพียงแต่ว่าตอนนั้นมีชาวลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนที่จอนผมสองข้างเป็นสีดอกเลาส่งสายตามาให้ตน

เขาถึงได้เปิดปากเกลี้ยกล่อมจ้าวเหยา

และหลังจากที่จ้าวเหยาไปจากเกาะ เขากับบุรุษวัยกลางคนลัทธิขงจื๊อที่พาจ้าวเหยามาส่งที่นี่ก็เคยสนทนากันครั้งหนึ่ง

เขาถามว่า “ในเมื่อเป็นห่วงขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ปรากฏตัวมาพบเขา”

คนผู้นั้นตอบ “จ้าวเหยาอายุยังน้อย หากพบข้าก็มีแต่จะยิ่งรู้สึกผิด ปมในใจบางอย่างจำเป็นต้องให้เขาคลายออกด้วยตัวเอง เมื่อได้เดินทางไกลยิ่งกว่าเดิม ไม่ช้าก็เร็วต้องคิดตก”

เขาถามอีก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าฉีจิ้งชุนไม่กลัวว่าต่อให้ตาย จ้าวเหยาก็ยังไม่รับรู้ความคิดของเจ้าหรอกหรือ? จ้าวเหยามีพรสวรรค์ไม่เลว คิดจะก่อสำนักตั้งพรรคขึ้นในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าดึงเอาโชคชะตาบุ๋นจากตัวอักษรแห่งชะตาชีวิตของตัวเอง เก็บซ่อนปราณยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมแห่งฟ้าดินที่บริสุทธิ์ที่สุดไว้ในที่ทับกระดาษไม้รูปมังกร รอให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวของจ้าวเหยาแตกหน่อเขียวขจีอีกครั้ง แต่เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายแล้วจ้าวเหยาจะทุ่มเทแรงใจให้สายบุ๋นสายอื่น หรืออาจถึงขั้นไปสร้างประโยชน์ให้กับลัทธิเต๋าโดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรหรอกหรือ?”

ฉีจิ้งชุนยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ขอแค่ลูกศิษย์ของข้าคนนี้มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว จะสืบทอดสายบุ๋นของข้าหรือไม่ เมื่อเทียบกับการที่จ้าวเหยาสามารถศึกษาหาความรู้ได้อย่างสงบสุขปลอดภัยไปตลอดชีวิตแล้ว อันที่จริงมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

เขากล่าวอย่างสะท้อนใจ “ฉีจิ้งชุน น่าเสียดายเจ้ายิ่งนัก”

ตอนนั้นฉีจิ้งชุนเพียงยิ้มไม่เอ่ยอะไร

เวลานี้บัณฑิตแห่งแผ่นดินกลางที่เคยใช้หนึ่งกระบี่ผ่าถ้ำสวรรค์หวงเหอท่านนี้พลันรู้สึกว่าคนที่รู้ใจตน ขาดหายไปอีกคนหนึ่งแล้ว

ภูเขาเมฆาเรืองแจกันสมบัติทวีป

ไช่จินเจี่ยนที่ได้ยึดครองจวนแห่งหนึ่งบนยอดเขาเพียงลำพัง วันนี้ขณะที่นั่งฝึกตนอยู่บนเบาะ นางพลันลืมตาขึ้น ลุกยืนและเดินไปยังหอชมทัศนียภาพที่การมองเห็นเปิดกว้าง

เทพธิดาไช่ที่พัฒนารุดหน้าอย่างไม่มีหยุดยั้งตลอดเส้นทางการฝึกตน และนิสัยก็ยิ่งสงบเย็นชามากขึ้นทุกขณะคล้ายจะนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงคลี่ยิ้มออกมา

ปีนั้นมีบัณฑิตคนหนึ่งที่นางนับถือและเลื่อมใสอย่างถึงที่สุด ขณะที่มอบภาพวาดแห่งแม่น้ำกาลเวลาภาพแรกให้กับนาง เขาได้ทำเรื่องหนึ่งที่ไช่จินเจี่ยนรู้สึกเหมือนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ

อาจารย์ฉีที่มีความรู้ความสามารถดุจเทพยดา ไร้ซึ่งตำหนิข้อบกพร่องในใจของนาง ได้ถามนางด้วยความจริงใจราวกับว่าเขาเป็นลูกศิษย์ที่กำลังขอความรู้จากอาจารย์ท่านหนึ่ง ‘หากเจ้าสามารถมอบม้วนภาพนี้ไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ จะเป็นการวาดงูเติมขาหรือไม่? กลับจะทำให้เสียเรื่องหรือเปล่า?’

จนถึงตอนนี้ไช่จินเจี่ยนก็ยังจดจำอารมณ์ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน เป็นความรู้สึกที่แทบไม่ต่างหากผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่ต้องข้ามผ่านทัณฑ์ห้าอสนีที่ฟาดผ่าลงบนศีรษะ

อาจารย์ฉีเห็นนางเผยสีหน้าอึ้งตะลึงออกมาเช่นนั้นก็ยิ้มกล่าวว่า ‘เรื่องราวระหว่างชายหญิงบนโลก ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว’

ไช่จินเจี่ยนตีหน้าเคร่ง พยายามทำหน้าให้ขึงตึง

ฉีจิ้งชุนกล่าวอย่างจนใจ “อยากหัวเราะก็หัวเราะเถอะ”

สุดท้ายไช่จินเจี่ยนไม่ได้หัวเราะออกมา กลับกันนางยังรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ เอาแต่เหม่อมองอาจารย์ฉีผู้นั้น พอคืนสติ ไช่จินเจี่ยนจึงให้คำตอบไปว่า “หากไม่ชอบ ทำเรื่องพวกนี้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีประโยชน์ จะวาดงูเติมขาหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่หากเดิมทีก็ชอบอยู่แล้ว เห็นภาพเหล่านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะยิ่งชอบมากกว่าเดิม”

ตอนนั้นพอได้ยินคำพูดของไช่จินเจี่ยน ดูเหมือนน้ำหนักที่กดทับอยู่บนบ่าของอาจารย์ฉีจะเบาลงไปเยอะ เขาพลันคลี่ยิ้มออกมา

รอยยิ้มของอาจารย์ฉีในเวลานั้นทำให้ไช่จินเจี่ยนรู้สึกว่า ที่แท้ต่อให้จะมีความรู้สูงส่งแค่ไหน บุรุษผู้นี้ก็ยังคงอยู่ในโลกมนุษย์

ไช่จินเจี่ยนฟุบตัวนอนคว่ำอยู่บนราวระเบียง ยิ้มตาหยี ทั้งที่กำลังมองไปไกล แต่แท้จริงแล้วทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่งดงามที่อยู่นอกหอชมวิวกลับไม่อยู่ในสายตานางเลย

แอบชอบบุรุษที่เป็นเช่นนี้ ต่อให้รู้ดีว่าเขาไม่มีทางชอบตน แต่ไช่จินเจี่ยนก็ยังรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่งดงามที่สุด

บนเส้นทางของการฝึกตน วันหน้าไม่ว่าจะผ่านไปหนึ่งร้อยปีหรือหนึ่งพันปี ไช่จินเจี่ยนก็ยังยินดีที่จะคิดถึงเขาในช่วงเวลาที่รอบกายเงียบสงบไร้ผู้คน

……

ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป ท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับทิศใต้ของราชวงศ์จูอิ๋ง

หลิ่วชิงซานซื้อเหล้ากาใหญ่ นั่งอยู่ริมลำคลอง กระดกเหล้าดื่มอึกแล้วอึกเล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!