กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 424

เฉินผิงอันเดินไปบนราวระเบียงอย่างเชื่องช้ารอบแล้วรอบเล่า เดินไปถึงปลายทางก็จะย้อนกลับมา จากปลายขวาสุดไปปลายซ้ายสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เฉินผิงอันในเวลานี้ไม่รู้เลยสักนิดว่าทุกครั้งที่ความคิดอันลึกซึ้งบังเกิดขึ้น พวกมันก็เหมือนเมล็ดพันธ์ที่แตกหน่อขึ้นมาในผืนนาหัวใจส่วนลึกของตัวเขาเอง ต้นกล้าเหล่านั้นอาจจะตายไประหว่างทาง แต่ก็มีบางส่วนที่วันใดวันหนึ่งจะแตกดอกออกผล

เฉินผิงอันยิ่งไม่มีทางรู้ว่าตัวอักษรที่เขาใช้มีดแกะลงไปบนแผ่นไม้ไผ่ซึ่งถูกเขานำมาขบคิดใคร่ครวญและท่องพึมพำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในวันที่อากาศดีแสงแดดสดใสยังให้เผยเฉียนนำแผ่นไม้ไผ่ที่บันทึกตัวอักษรซึ่งเขายอมรับจากใจจริง และมองว่าพวกมันเป็นถ้อยคำที่งดงามออกไปตากแดด

ไม่ว่าตัวอักษรเหล่านั้นจะดีหรือเลว หลักการเหตุผลจะผิดหรือถูก สิ่งเหล่านี้ก็เป็นดั่งเมล็ดพันธ์ที่หว่านลงบนผืนนาหัวใจของเขาเสียแล้ว

เฉินผิงอันไม่ใช่ตัวอย่างเพียงหนึ่งเดียว ในความเป็นจริงแล้วคนบนโลกล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะใช้วิธีการแกะสลักลงบนแผ่นไม้ไผ่มาทำให้มันเป็นรูปธรรม บางประโยคที่พ่อแม่พร่ำบ่น บางประโยคที่อาจารย์สั่งสอน ประโยคบนตำราที่อ่านผ่านแล้วย้อนกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง คำพูดเก่าแก่โบราณ หลักการเหตุผลบางอย่างที่ฟังมาหลายรอบและในที่สุดก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง ภูเขาเขียวน้ำใสที่เคยเห็น สตรีในดวงใจที่เคยพลาดไป สหายที่แยกย้ายกันไปคนละทาง ล้วนเป็นเมล็ดพันธ์ที่อยู่ในผืนนาหัวใจของทุกคน เมล็ดพันธ์ที่รอวันจะผลิบานเป็นบุปผา

เฉินผิงอันยังคงไม่ล่วงรู้ เขาเพียงแค่เดินไปช้าๆ บนราวระเบียง คิดเพียงว่าออกมาเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจ

ในฟ้าดินขนาดเล็กของร่างคน กลางจวนน้ำที่มีอักษรน้ำตัวนั้นอยู่ เหล่าเด็กจิ๋วชุดเขียวต่างก็กำลังง่วนทำงานในมือของตัวเอง แต่ละคนกลั้นหายใจทำสมาธิ

ทางฝั่งจวนที่มีหัวใจบุ๋นสีทอง ด้านนอกมีมังกรเพลิงปราณที่แท้จริงกำลังนอนหลับขดล้อมอยู่ ส่วนในจวน คนจิ๋วชุดลัทธิขงจื๊อที่สะพายกระบี่ยาว ตรงเอวห้อยตำราเล่มเล็กสีทองไว้หลายเล่มก็มีประกายแสงสีทองแผ่เรืองรองออกมา มองดูประหนึ่งร่างทองของเทวรูปองค์หนึ่ง

เพียงแต่ว่าคนจิ๋วชุดลัทธิขงจื๊อที่มีแสงสีทองไหลรินไปทั่วร่างนั้นกลับมีสะเก็ดแสงสีทองเหมือนดวงดาวสลายหายไปอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าปรากฎการณ์นี้ไม่มั่นคง

มันเต็มไปด้วยความคาดหวัง คาดหวังให้เฉินผิงอันหยุดเดินบนราวระเบียงเสียที

เฉินผิงอันยังคงเดินไปอย่างเชื่องช้า

ออกมาจากสำนักศึกษาซานหยาครั้งนี้ ระหว่างทางเฉินผิงอันได้ถามจูเหลี่ยนและสือโหรวด้วยคำถามหนึ่ง

หากสังหารคนดีที่ไม่เคยทำความผิดแล้วสามารถช่วยคนได้สิบคน จะช่วยหรือไม่ช่วย คนทั้งสองต่างก็ส่ายหน้า รอจนเฉินผิงอันเพิ่มจำนวน เปลี่ยนจากสิบคนเป็นพันคนหมื่นคน สือโหรวกลับเริ่มลังเลใจ

มีเพียงจูเหลี่ยนที่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ต่อให้ช่วยคนได้ทั้งใต้หล้า เขาก็ไม่ฆ่าคนผู้นั้น

เฉินผิงอันจึงถามว่าทำไม

ตอนนั้นจูเหลี่ยนยิ้มและให้คำตอบว่า ‘ข้ากังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ถูกฆ่า’

แล้วจูเหลี่ยนก็หันกลับมาขอคำตอบจากเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันบอกว่าตัวเองก็ให้คำตอบไม่ได้ เว้นเสียจากว่าจะเดินไปถึงก้าวนั้นจริงๆ ถึงจะพอรู้เจตจำนงและการเลือกของตัวเอง

ในช่องโพรงลมปราณ คนจิ๋วสวมชุดลัทธิขงจื๊อสีทองเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว มีหลายครั้งที่นึกอยากจะออกไปจากประตูใหญ่ของจวน วิ่งออกไปนอกฟ้าดินขนาดเล็กร่างคนนี้เพื่อเขกมะเหงกใส่เฉินผิงอันสักหลายๆ ที บอกเขาว่า เจ้าคิดส่งเดชแล้ว คิดปัญหายากใหญ่เทียมฟ้าที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าตอนนี้จะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ไปเพื่ออะไร? อย่าได้ทำเรื่องที่ไม่เป็นการเป็นงาน อย่าได้พลาดโอกาสที่พันปียากจะพานพบไป! ทิศทางคร่าวๆ ที่เจ้าคิดไว้ก่อนหน้านี้นั่นต่างหากที่ถูกต้อง! รีบกลับไปคิดถึงคำว่าช้าที่สำคัญอย่างถึงที่สุด ตัวอักษรที่ฟ้าดินในโลกมนุษย์มองเมินข้ามตัวนั้นให้ไกลอีกหน่อย คิดให้ลึกซึ้งขึ้นอีกนิด! ขอแค่คิดตกแล้ว แรงบันดาลใจจะพลันบังเกิด นี่ก็คือโชควาสนาบนมหามรรคาที่จะทำให้เจ้าเฉินผิงอันเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนได้ในอนาคต!

เพียงแต่เรื่องวงในเหล่านี้ หากมันบอกกับเฉินผิงอันไปตามตรง กลับยิ่งจะทำให้เฉินผิงอันจมสู่สภาวะจิตใจที่ย่ำแย่เกินจะเปรียบมากกว่าเดิม

ในที่สุดเฉินผิงอันที่อยู่บนราวระเบียงก็หยุดเดิน

คนจิ๋วชุดลัทธิขงจื๊อสีทองและเหล่าคนจิ๋วชุดเขียวที่อยู่ใจวนสองแห่งต่างก็เต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย

ก่อนที่พวกเด็กๆ ชุดเขียวจะหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะครืนขึ้นมาเสียงดัง

ที่แท้หลังจากเฉินผิงอันผู้นั้นยืนนิ่งแล้ว ความคิดที่บังเกิดขึ้นในเวลานั้นกลับกลายเป็นว่าเขาเริ่มคิดถึงแม่นางคนหนึ่ง อีกทั้งความคิดของเขายังไม่เป็นวิญญูชนอย่างยิ่ง ถึงขนาดคิดว่าคราวหน้าเมื่อพบนางอีกครั้งที่กำแพงเมืองปราณกระบี่จะแค่จับมือกันอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องใจกล้ากว่าเดิมสักหน่อย หากแม่นางหนิงไม่เต็มใจ อย่างมากก็แค่ถูกด่าหรือถูกตีรอบหนึ่ง เชื่อว่าคนทั้งสองจะยังได้อยู่ด้วยกัน แต่หากแท้จริงแล้วแม่นางหนิงเองก็เต็มใจอย่างยิ่ง เพียงแต่รอให้เขาเฉินผิงอันเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเล่า? เจ้าเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวนะ ไม่มีความกล้าเลยสักนิด เอาแต่อิดออดกระมิดกระเมี้ยน มันเข้าท่าแล้วหรือ?

เฉินผิงอันกระโดดลงจากราวระเบียง เขาเริ่มง่วงแล้ว ตอนที่เดินเข้าไปในห้องก็ใช้หมัดทุบฝ่ามือ ให้กำลังใจตัวเองไม่หยุดว่า “ไม่เข้าท่า ไม่เข้าท่าเลยสักนิด! อีกอย่างตอนที่อยู่ภูเขาห้อยหัวก็ใช่ว่าจะไม่เคยกอดแม่นางหนิงสักหน่อย เพียงแต่ว่าคราวนั้นเอาแต่อึ้งตะลึง ความรู้สึกเป็นอย่างไรก็จำไม่ได้แล้ว แบบนี้จะได้อย่างไร? จุมพิตที่ริมฝีปากนางเบาๆ สักที…เฉินผิงอันเจ้ารนหาที่ตายงั้นหรือ? จะคิดเรื่องนี้ไม่ได้ นี่ออกจะเร็วไปสักหน่อย เมื่อครู่นี้เจ้าคิดถึงคำว่าช้าอยู่ไม่ใช่หรือ? กับแม่นางหนิงก็ต้องช้าหน่อย ไฟอ่อนตุ๋นนานก็ดีเหมือนกัน…ดีกะผีอะไรล่ะ…”

พวกเด็กจิ๋วชุดเขียวพากันกุมท้องหัวเราะก๊าก ขำกลิ้งกันไปหมด

ไม่ใช่ว่าพวกมันจะรู้ทุกความคิดของเฉินผิงอัน เพียงแต่ว่าคืนนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะสิ่งที่เฉินผิงอันคิดเกี่ยวพันกับสภาพจิตใจลึกซึ้งเกินไป เกี่ยวพันไปถึงรากฐาน อีกทั้งความคิดของเขายังใหญ่มาก จิตวิญญาณสั่นสะเทือนรุนแรงจนแทบจะปกคลุมฟ้าดินขนาดเล็กอย่างร่างคนนี้ทั้งหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!